x close

เรื่องราวเติมกำลังใจ..ของซิงเกิลมัม กับเส้นชัยที่แลกด้วยน้ำตา

เรื่องราวเติมกำลังใจ..ของซิงเกิ้ลมัม กับเส้นชัยที่แลกด้วยน้ำตา
เรื่องราวเติมกำลังใจ..ของซิงเกิลมัม กับเส้นชัยที่แลกด้วยน้ำตา

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ TifaFFVII สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          เรื่องราวเติมกำลังใจ..ของ "ซิงเกิลมัม" วัย 30 กับการเดินทางไปยังจุดหมาย ที่ต้องแลกด้วยอุปสรรค คราบน้ำตา และความมานะ อดทน หลายเท่าทวีคูณ เพื่อนำมาซึ่งความสบายของลูกน้อยและแม่ที่เธอรัก

          หลายคนที่กำลังท้อแท้และสิ้นหวังต่อโชคชะตา ด้วยภาระปัญหาที่ต่างออกไป บางคนเครียดเรื่องเรียน บางคนเครียดเรื่องงาน ส่วนบางคนเครียดเรื่องครอบครัว.. ในเมื่อปัญหานั้นคิดไม่ตก หาทางแก้ไม่ได้ จิตใจก็ท้อแสนท้อ หันไปพึ่งใครก็เห็นแต่ตัวเราคนเดียว  ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด วันนี้...เรามีเรื่องราวดี ๆ ที่อ่านแล้วเชื่อเลยค่ะว่า จะเพิ่มกำลังใจ เติมความหวังให้กับใครหลาย ๆ คนเลยล่ะ โดยเฉพาะคุณแม่ใบเลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องสู้ยิบตาเพียงลำพัง.. เพื่อลูก...

          โดยเรื่องราวที่นำมาให้อ่านกันในวันนี้ (26 พฤศจิกายน 2557) เป็นเรื่องราวของคุณ TifaFFVII สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ขอแชร์เรื่องราวของเธอเอง ในฐานะซิงเกิลมัม ซึ่งต้องหย่าร้างกับสามีเมื่อเธอคลอดน้องได้เพียง 3 เดือนกับเงินเดือนเพียงหมื่นกว่าบาท.. แต่ความอดทน ความมานะ ความพยายาม และสุดท้ายความรักของคนเป็นแม่ ก็ทำให้เธอสามารถฟันฝ่าอุปสรรคและไปเดินทางไปถึงจุดหมายที่เธอตั้งไว้ได้...

          “ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วบอกตัวเอง เราต้องทำได้ ....ความภูมิใจของ Single Mom คนหนึ่งค่ะ”
 
          ก่อนอื่นขอบอกจุดประสงค์ในการแชร์เรื่องราวต่อไปนี้ก่อนนะคะ ส่วนหนึ่ง มันคือความภูมิใจของผู้หญิงที่เป็น Single Mom วัย 30 อย่างเรา ตามชื่อกระทู้ค่ะ และอีกส่วนหนึ่ง อยากเป็นกำลังใจให้กับ Single Mom ทุกคน รวมถึงทุก ๆ คนที่กำลังมีปัญหาในชีวิต กำลังท้อ กำลังเหนื่อย กำลังหมดแรงค่ะ ขอให้เชื่อเถอะว่าปัญหามันเกิดขึ้นได้ทุกวัน และทุกปัญหา มันมีทางออกเสมอค่ะ

          เข้าเรื่องกันเลยเนอะ....แนะนำตัวก่อนค่ะ เราเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง พื้นฐานครอบครัวก็มีคุณแม่ใบเลี้ยงเดี่ยวเหมือนกัน ครอบครัวเราฐานะปานกลางค่อนไปจนค่ะ เราเรียนจบปริญญาตรี ด้วยการกู้กองทุน กยศ. เรียน จบ บธบ. สาขาคอมพิวเตอร์ สมัยเรียนเราก็มีแฟนเหมือนวัยรุ่นปกติทั่วไป เรารู้จักกับแฟนตั้งแต่สมัยมัธยม พอเรียนจบทางบ้านแฟนมาขอ เราก็แต่ง ตอนนั้นอายุ 22 เองค่ะ ตอนนั้นคุยกับแฟน อยากมีลูกอะค่ะ ก็ปล่อยให้มีลูกเลย แล้วก็มีจริง ๆ ด้วย แต่หลังจากท้อง ชีวิตครอบครัวมันไม่เหมือนเดิมค่ะ ก็เริ่มมีปัญหากัน มีเรื่องผู้หญิงเข้ามา หนักสุดคือเขาติดพนันฟุตบอล เป็นหนี้เกือบแสน สารพัดปัญหาตามมา สุดท้าย....จบด้วยการหย่าตอนลูกคลอดได้ 3 เดือน

          ข้อตกลงในการหย่าคือ เราเอาเงินที่เก็บด้วยกันมาใช้หนี้ให้เขา ตอนนั้นเขามีแต่เจ้าหนี้คอยตาม และก็ไม่ได้อะไรจะมาส่งเสียลูก เราเลยรับผิดชอบเลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอด ระหว่างนั้น ชีวิตเราต้องทำงานสารพัดที่ทำได้ เป็นพนักงานเอกชนเงินเดือนหมื่นกว่าบาท ต้องเลี้ยงลูก ค่านม ค่าแพมเพิร์ส ค่าฉีดวัคซีน สารพัด เราก็ทำทุกอย่างที่ทำได้ค่ะ วันหยุดไปขายของตามตลาดนัด เลิกงานก็ไปรับแบบสอบถามวิจัยการตลาดมาทำ เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่ค่ะ แต่เหนื่อยใจนี่สิหนักกว่า เพราะชีวิตเจอทั้งคนที่เข้าใจ คอยเป็นกำลังใจให้ แต่คนที่ไม่เข้าใจก็มี คนที่ไม่รู้เรื่องบางคนก็หาว่าเราท้องไม่มีพ่อ บางคนมาพูดกับแม่เรา ทำให้แม่เราไม่สบายใจก็มี เราเคยเหนื่อย เคยท้อ เคยอยากตาย แต่มองหน้าลูกแล้ว ก็ร้องไห้ออกมาดัง ๆ เพื่อให้ระบายออกมา แล้วเช็ดน้ำตาบอกกับตัวเองว่าต้องสู้ต่อ

          ตอนนั้นชีวิตมันแย่มากค่ะ และเรื่องแย่ ๆ มันมักจะเข้ามาพร้อมกัน วันหนึ่งเราตกงานค่ะ เหตุเพราะเราอยากอัพเงินเดือน ย้ายบริษัท แต่ย้ายไปได้ไม่นาน บริษัทนั้นปิดตัวลง เราก็เลยเคว้ง นึกอะไรไม่ออกก็ขายของค่ะ หาของมาขาย ตามตลาดนัด วันนึงวิ่งขาย 3 ที่ ตลาดนัดเช้าตามหมู่บ้าน เที่ยงก็ขายตามหน้าโรงงาน เย็นก็ขายตามตลาดนัด เอาเสื้อผ้า นาฬิกาใส่มอเตอร์ไซค์ขับไปขาย ตอนนั้นตัวดำปี๋ค่ะ (ซึ่งปกติก็ดำอยู่แล้ว 555) จนมีอยู่วันหนึ่ง วันนั้นฝนตก เราก็คิดว่าวันนี้คงขายของไม่ดีแน่ ๆ แค่เงินติดประเป๋าก็แทบจะไม่มี ถ้าไม่ไปก็กลัวว่าเดี๋ยวเงินซื้อแพมเพิร์สลูกจะไม่พอ แล้ววันนั้นฟลุคมาก เราขายของได้กำไรเกือบ 5 พัน....โหย ดีใจสุด ๆ ไปเลย เพราะนอกจากจะได้ค่าแพมเพิร์ส ยังได้ค่านมลูกมาอีก ขากลับขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนถึงบ้าน แม่ทักว่าทำไมวันนี้หน้าตาสดใสจังเลย เราเลยเดินไปบอกแม่ว่า

          แม่คอยดูนะ "ก่อนอายุ 30 (ชื่อเรา) ต้องมีเงินส่งลูกเรียนเอกชน ต้องมีเงินเลี้ยงแม่ ต้องมีบ้าน ต้องมีรถให้ได้" (ตอนนั้นเราอายุ 24 ค่ะ) แม่ก็พูดขำ ๆ ว่า อีกไม่กี่ปีเอง เหนื่อยไปเปล่า แค่มีเงินเลี้ยงลูกก่อนดีไหม เราฟังแม่พูดนะ แต่เราบอกกับตัวเองว่านี่คือเป้าหมายชีวิตเรา และเราต้องทำได้

          หลังจากนั้น เราไม่เคยหยุดทำ อะไรที่ไม่ทำใครเดือดร้อน ไม่ผิดกฎหมาย เราทำหมด เราไม่เคยมีอาชีพครั้งละ 1 อาชีพ ตอนอายุ 25 เราทำงานด้านไอที แต่เราคิดว่าหาเงินจากสายอาชีพนี้ ก็ดีนะแต่มันไม่พอ เราก็เก็บเงินไปเรียนครู (ระหว่างไปเรียนก็รับทำรายงาน รับเขียนแผนการสอน เอาของไปขายเพื่อน ๆ ที่เรียนด้วยกันอีกค่ะ) จนได้ใบประกอบวิชาชีพครูมา กลางวันทำงานไอที กลางคืนรับงานฟรีแลนซ์เขียนเว็บ วันหยุดเรารับสอนพิเศษ จนมาวันหนึ่ง เรามีโอกาสได้เปลี่ยนที่ทำงาน ได้โอกาสใช้ความรู้ที่เรียนมาด้านบริหารเข้ามาเป็นผู้บริหารระดับกลางของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เราทำงานที่นี่มา 3 ปี และใน 3 ปีนี้ ก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมค่ะ ไม่เคยมีอาชีพเดียว ก็ยังเป็นฟรีแลนซ์ ยังขายของตามตลาดนัด ยังทำงานจุ๊ก ๆ จิ๊ก ๆ เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมา...

          และสุดท้าย เป้าหมายที่เราวางไว้ก็เป็นจริงค่ะ "ก่อน 30 ส่งลูกเรียนเอกชน มีเงินเลี้ยงแม่ มีบ้าน มีรถ"

          1. ลูกสาวเราอายุครบตามเกณฑ์เข้าโรงเรียน เรามีเงินให้ลูกเรียนเอกชนระดับกลาง ๆ ได้ ตอนนี้น้องอยู่ ป.2 แล้วค่ะ และเราโชคดีที่ลูกสาว เป็นเด็กน่ารัก เขาเข้าใจว่าแม่ต้องทำงาน เขาอายุ 7 ขวบ แต่จะคอยถามเราว่า แม่เหนื่อยไหม บางทีก็โทรมาตอนค่ำ ๆ บอกให้แม่กินข้าว และเราสัญญากันว่า แม่จะทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด ถึงแม้แม่จะได้ได้อยู่กับหนู และลูกก็สัญญาว่า จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนเช่นกัน นี่แหละสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตเราค่ะ

          2. ตอนนี้แม่ไม่ต้องทำงานแล้วค่ะ เราจ่ายเงินเดือนให้แม่ทุกเดือน น้อยสุดที่ให้ก็ 7,000 บาท แล้วพี่ชายก็ให้อีกทางหนึ่งด้วยค่ะ

          3. เราทำงานใน กทม. แถว ๆ พระราม 3 ค่ะ แต่แม่กับลูกเราอยู่ที่รังสิต เวลาเรากลับบ้านเมื่อก่อนไป-กลับ รถเมล์ แค่เวลาในการเดินทางก็ครึ่งวัน เราเลยตัดสินใจออกรถถึงจะเป็นรถที่ไม่ได้มีราคาแพงมากมายอะไร แต่เราเน้นที่ความพอดีค่ะ รถคันนี้ พอดีสำหรับเราและครอบครัวเราแล้วค่ะ ตอนนี้รถเปลี่ยนเป็นป้ายขาวแล้วค่ะ ผ่อนได้ปีกว่าแล้ว อีกไม่ถึง 3 ปีก็หมดแล้วค่ะ ก็จะสู้ต่อไปค่ะ





          4. สุดท้ายค่ะ ก่อนเราอายุครบ 30 แค่ 3 เดือน เราตัดสินใจซื้อคอนโด อยู่ใกล้ที่ทำงานค่ะ (ก่อนหน้านี้เราเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่ รูปรถเราจอดที่อพาร์ทเม้นท์ค่ะ ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วค่ะ ค่าเช่าอพาร์ทเม้นท์ย่านนี้ตกค่าเช่าเดือนหนึ่งก็ 6-7 พันบาท) ราคาเหมือนจะค่อนข้างสูง แต่ถ้าอยู่ในย่านนี้คงไม่ถือว่าสูงมาก 2.2 ล้าน ดีใจตรงที่ไม่ต้องเช่าเขาอยู่แล้วค่ะ จ่ายเพิ่มขึ้น แต่สุดท้ายแล้วคอนโดนี้ก็จะเป็นของเราค่ะ









          ที่เล่ามาทั้งหมด....แค่อยากบอกว่า บางสิ่งบางอย่าง หลายคนจะมองว่าด้วยหน้าที่การงานในวันนี้ มันก็ดูว่าไม่ยาก อาจเป็นเพราะไม่เคยมีใครรู้เรื่องลึก ๆ ว่าเป็นมายังไง แต่พอเรามองย้อนไปดูว่ากว่าจะมาเป็นวันนี้ได้ มันแลกมาด้วยความพยายาม ความเหนื่อย ความท้อ น้ำตาที่ร้องไห้ไม่รู้กี่พันครั้ง แต่เชื่อเถอะค่ะว่า "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จมันจะอยู่ไม่ไกล" ต่อให้พยายามแล้ว มันไม่ได้ตามที่หวัง แต่อย่างน้อยเราก็ได้พยายาม และเมื่อมองย้อนกลับไป เราจะไม่เสียใจเท่ากับที่ไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังท้อนะคะ และคุณแม่ใบเลี้ยงเดี่ยวทุกท่านด้วยค่ะ สู้ ๆ คะ




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เรื่องราวเติมกำลังใจ..ของซิงเกิลมัม กับเส้นชัยที่แลกด้วยน้ำตา อัปเดตล่าสุด 27 พฤศจิกายน 2557 เวลา 11:44:36 6,496 อ่าน
TOP