จับยาลดความอ้วนดัง OHO ปูนิ่ม พบสารห้ามใช้-เจ้าของรวยเละ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ทวิตเตอร์ @TNAMCOT

           บุกทลายโกดังเก็บผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วนชื่อดัง OHO ปูนิ่ม ยึดของกลางกว่า 50 ล้านบาท ตรวจพบสารไซบูทรามีน สารต้องห้าม ออกหมายเรียก 2 เจ้าของ พร้อมเร่งตรวจโรงงานผลิตยา ที่ จ.สมุทรปราการ

            วันนี้ (27 พฤศจิกายน 2557) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต. นพพร เรือนจันทร์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กองทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นพ.บุญเติม ตันสุรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก ได้ร่วมกันนำกำลังเข้าตรวจค้น บริษัท โอ้โห สลิมพลัส จำกัด เลขที่ 919/54 หมู่ 7 ต.อรัญญิก อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังมีการร้องเรียนว่าเป็นสินค้าที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
 
            จากการตรวจค้นพบผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดความอ้วนจำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีลักษณะไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด คือ

            1. ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โอ้โฮ บายปูนิ่ม มายสลิมมี่ รสมิกซ์ ฟรุ้ต
            2. ยู-สลิม บลูเบอรี่
            3. OHO-U-Slim Berry Plus


            ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 รายการ ส่งตรวจวิเคราะห์พบสารไซบูทรามีน ซึ่งเป็นสารที่มีการสั่งห้ามใช้กันทั่วโลกตั้งแต่ปี 2553 เนื่องจากสารดังกล่าวทำให้เกิดโรคความดันสูง หัวใจเต้นเร็ว ปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ และท้องผูก อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อร่างกายของผู้ป่วยเป็นโรคประจำตัว รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร

            โดย พ.ต.ต. วรณัน เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้บริโภคว่า มีบริษัทเอกชนรายหนึ่งได้มีการส่งสินค้าผ่านไปรษณีย์วันละ 3,000 กล่อง จึงเริ่มทำการตรวจสอบพร้อมประสานเจ้าหน้าที่จนมาสู่การดำเนินการจับกุมในที่สุด ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย คือ น.ส.ศิรินทรา เส็งสิน และนายวรกร ยิ้มอยู่ เจ้าของและผู้บริหาร บริษัท โอ้โห สลิมพลัส จำกัด ทั้งหมด 5 ข้อหาตามความผิดพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522

            ทั้งนี้สำหรับ น.ส.ศิรินทรา เส็งสิน หรือ ปูนิ่ม เป็นแม่ค้าขายยาลดความอ้วนออนไลน์ ที่ทำเงินได้มากกว่า 500 ล้านบาท ภายใน 3 ปี และมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัททั่วประเทศมากกว่า 4,000 รายอีกด้วย




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก