การดูดไขมันอันตรายจริงหรือ (สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย)
โดย นพ.กมล วัฒนไกร รพ.ภูมิพลฯ
การดูดไขมันเป็นเทคนิคการลดไขมัน ที่สะสมในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยการใช้ท่อขนาดเล็กสอดเข้าไปในชั้นผิวหนัง และดูดไขมันส่วนเกินออก โดยวิธีนี้แทนที่จะต้องผ่าตัดเปิดแผลกว้าง เราใช้เพียงรอยเจาะเล็ก ๆ ซ่อนในตำแหน่งที่เหมาะสมก็สามารถลดไขมันได้ตามต้องการ
การดูดไขมันมาตรฐานเราใช้เดรื่องมือที่จะดูด เป็นตัวทำให้ไขมันแตก และดูดออกมาโดยอาศัยระบบสูญญากาศ (negative pressure) ซึ่งก็ได้ผลดี ในปัจจุบันได้มีการคิดค้นเครื่องมือใหม่ ที่จะช่วยให้ไขมันแตกตัวก่อนทำให้การดูดง่ายขึ้น ทำให้แพทยทำงานได้สะดวกขึ้น ได้แก่
1. การใช้แรงดันน้ำ (waterjet liposuction)
2. การใช้เลเซอร์
3. การใช้ คลื่นเสียงความถี่สูง (ultrasonic liposuction)
ปัจจุบันนี้การใช้คลื่นความถี่สูงได้มีการพัฒนาดีขึ้นมาก ทำให้สามารถช่วยการดูดไขมันได้ดีกว่าหลาย ๆ วิธีที่กล่าวมา การใช้แรงดันน้ำอาศัยหลักการฉีดน้ำปริมาณมาก เพื่อช่วยให้ผิวหนังชาและไขมันอ่อนตัว แต่หลังผ่าตัด อาจมีน้ำเกลือหรือไขมันที่ตกค้างอยู่ค่อย ๆ ระบายออกมาหลังผ่าตัดได้ ถ้าผู้ป่วยได้รับการแนะนำก่อน ก็จะไม่ต้องกังวลกับปัญหานี้ สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งได้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการและสาธิตการผ่าตัดจริง โดยเครื่องมือทั้งสองชนิดที่โรงพยาบาลภูมิพลมาแล้ว
ภาวะแทรกซ้อนจากการดูดไขมัน
ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
ได้แก่การ เสียเลือดมาก การมีเซลไขมันหลุดไปตามกระแสโลหิต (fat embolism) การได้ยาชาหรือยาสลบมากเกินขนาด ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้พบได้น้อยมาก มักพบในรายที่ดูดไขมันปริมาณมากเกินไปในคราวเดียวกัน การดูดไขมันโดยทั่วไป โอกาสพบน้อย
ภาวะแทรกซ้อนทั่วไป
ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องความคาดหวังของผู้รับบริการมากกว่า ว่า ผลการดูดไม่มากเท่าที่ต้องการซึ่งแพทย์ที่มีประสบการณ์จะต้องชี้แจง ให้ชัดเจน ตั้งแต่ก่อนผ่าตัดแล้วว่าผลที่ได้จะเป็นเช่นไร
ภาวะผิวหนังเป็นคลื่นไม่เรียบ เกิดได้ในการดูดไขมันในชั้นที่ตื้นเกินไป หรือดูดไขมันในบริเวณที่มีไขมันไม่มากอยู่แล้ว ส่วนการมีผิวหนังห้อยย้อย จะเกิดในการดูดไขมันในผู้มีอายุมาก ความยืดหยุ่นผิวหนังไม่ดี ในรายเช่นนี้การผ่าตัดไขมันหน้าท้องจะเหมาะสมกว่า
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก