มาดู 8 ปีบนเส้นทางศัลยกรรม
เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ lifehasjustbegun สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
แชร์ประสบการณ์การทำศัลยกรรมตลอด 8 ปี อยากรู้ว่าเธอคนนี้ทำอะไรมาบ้าง ถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ตามไปอ่านได้เลย
โดยธรรมชาติของคนเราแล้ว เมื่อไม่พอใจกับสิ่งที่มีอยู่ เราก็ต้องหาทางปรับเปลี่ยนแก้ไขสิ่งนั้นให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม แม้กระทั่ง "ใบหน้า" ที่ต้องยอมรับเลยว่าวิวัฒนาการทางการแพทย์ก้าวล้ำไปไกลมาก การศัลยกรรมลบจุดบกพร่องของใบหน้า เพื่อเติมเต็มความมั่นใจให้ตัวเอง จึงกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วเช่นกันในยุคนี้ และมีหลายคนที่ทำแล้วดูดีขึ้นถึงขนาดเปลี่ยนชีวิตได้จริง ๆ
เรื่องราวของ คุณ lifehasjustbegun สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ได้ผ่านมีดหมอมาแล้วหลายต่อหลายครั้งตลอด 8 ปี ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่สมาชิกเว็บไซต์พันทิปคนนี้ขอแชร์ให้ชาวพันทิปได้รับรู้กัน ถึงวิวัฒนาการความเปลี่ยนแปลงของใบหน้าตั้งแต่สมัยเรียน เริ่มจากการรักษาสิว ไปจนถึงการทำจมูกและตา ทำให้ปัจจุบัน คุณ lifehasjustbegun มีใบหน้าที่ดูเป๊ะทุกสัดส่วน จากภาพที่นำมาลงไว้ให้ชมกัน ใครอยากรู้ว่าเส้นทางการทำศัลยกรรมตลอด 8 ปี ต้องผ่านอะไรมาบ้าง มาติดตามรีวิวได้จากกระทู้นี้เลยค่ะ
อ้อ ! คุณ lifehasjustbegun ย้ำมาด้วยนะคะว่า การเขียนรีวิวครั้งนี้ไม่ได้สนับสนุนหรือส่งเสริมให้ไปทำศัลยกรรม แต่เป็นการให้ข้อมูลเพื่อเป็นแนวทาง ดังนั้นก่อนใครจะตัดสินใจทำอะไร ก็หาข้อมูล และใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองข้อมูลก่อนนะจ๊ะ
[CR] กระทู้พลีชีพ เส้นทางการทำศัลยกรรมตลอด 8 ปี และแล้ว.......โดย คุณ lifehasjustbegun สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตของเท็ดดี้นะคะ เริ่มต้นขอเกริ่นก่อนว่าคิดอยู่นานมากว่าจะทำกระทู้แฉตัวเองดีไหม แต่ก็เห็นว่ามีคนพลีชีพเยอะแยะ และก็อยากแบ่งปันประสบการณ์ และข้อมูลของการทำศัลยกรรมให้เพื่อน ๆ ที่คิดอยากจะทำว่าจริง ๆ แล้วการทำศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องศึกษาข้อมูลดี ๆ และต้องใช้เวลานะคะ
ไม่ใช่ทำทุกอย่างเสร็จในหนึ่งวันแล้วจะสวยนะ อีกทั้งยังต้องมีการดูแลตัวเอง ดูแลผิวพรรณ นู่นนี่นั่นอีกเยอะแยะค่ะ
***ไม่ได้สนับสนุนหรือส่งเสริม ให้ไปทำศัลยกรรมนะคะ ให้ข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางเฉย ๆ จะตัดสินใจทำอะไร ก็หาข้อมูล และใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองข้อมูลนะคะ รักนะถึงบอก***
ป.ล. อยากให้เท็ดเป็นเพศอะไร ก็สุดแต่ใจคุณปรารถนานะคะ ......
ตัวเท็ดดี้เอง ไม่เคยคิดจะทำศัลยกรรม เพราะยุคสมัยนั้น มันยังไม่ฮิต โบท็อกซ์เพิ่งจะเข้ามาในมืองไทยเองมั้ง ส่วนใหญ่แค่ทำจมูกกันก็จบ เลยมุ่งไปเรื่องรักษาสิวมากกว่า เพราะสมัยก่อนสิวเยอะมาก ทั้งหน้ามัน คล้ำ อุดตัน อักเสบ สารพัด ออกไปข้างนอกต้องทาคอนซีลเลอร์ ทารองพื้นตลอด เพื่อกลบร่องรอย ทำให้มันไม่หายขาดสักที
*****ขออนุญาตใส่ลายน้ำในรูปนะคะพอดีมีคนเตือนมาว่าอาจมีคนเอารูปเราไปแอบอ้างขายของได้ค่ะ*****
รูปข้างล่างคือตอนที่พีคสุด ๆ เพราะเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แพ้น้ำ แพ้อากาศ สิวขึ้นทั้งหน้า อุดตันเพียบ ล้างหน้าออกก็เป็นอย่างงี้ค่ะเครียด+++
ในช่วงนั้นยังมุ่งไปกับการดูแลผิวที่มีปัญหาอยู่ ก็เริ่มรักษาจากการไปทำเลเซอร์สิว ต้องทานโรแอค ลดหน้ามัน พยายามโบ๊ะน้อยลง แต่เท็ดจะมีวินัยอย่างหนึ่งคือ จะไม่พยายามกดสิวเอง แกะ หรือไปยุ่งกะมัน ให้เพื่อนที่เป็นหมอสกินจัดการอย่างเดียว
ทำให้พอหายแล้วทิ้งรอยเล็กน้อย ทายาเอา ผิวเลยไม่เป็นหลุม รักษามาระยะหนึ่งหน้าก็ดีขึ้นตามลำดับ สิวน้อยลง เหลือรอยเยอะอยู่ (สารภาพว่าพอกลับมาเห็นรูปตัวเองสมัยนั้นก็แอบตกใจ และสะพรึงในความเหียกของตัวเองมากค่า ^^)
พอถึงจุดหนึ่ง หน้าก็อยู่ในจุดที่เราโอเคแล้ว ช่วงนั้นปี 4 กำลังจะเรียนจบ เพื่อนชะนีก็เริ่มหาข้อมูลหมอทำศัลยกรรมจมูก แล้วก็เริ่มไปทำกัน เราก็เห็นว่าทำมาแล้วสวยขึ้น เริ่มกลับมาดูหน้าตัวเอง ถ้าจมูกโด่งขึ้นอีกหน่อยคงจะดูดี (มั้ง 555)
แล้วตอนนั้นเทรนด์เกาหลีหยดน้ำอะไรก็ยังไม่มา เราเลยบอกหมอว่าเอาแบบธรรมชาติ (ราคา 8,000 บาท) ด้านล่างคือรูปที่หมอถ่ายไว้ก่อนทำ ช่างน่ากลัวอะไรเยี่ยงนี้ ดั้งแม่บ ปีกจมูกห้อย เชิด ตาตี่ หน้ากลม คือผิดอ่ะ !
หลังจากทำมา ก็รู้สึกว่าโอเค ดูดีขึ้นมั้ง แต่พอมันเข้าที่เราก็สังเกตว่าหมอเหลาแกนเล็กไป และสั้นมาก พอมันโด่งขึ้น ทำให้จมูกยิ่งดูเชิด และแกนก็เป็นแท่ง ๆ เหลี่ยม ๆ ไม่ธรรมชาติ กลับมาดูรูปตอนรับปริญญาแล้ว ตกใจ จมูกโป๊ะมาก ปลายจมูกหายไปเลย T_T
ยิ่งมองข้าง ๆ ยิ่งไม่ใช่อ่ะ มันเชิดมาก นึกว่าจะไปเล่นหนังตะลุงค่า
ก็เริ่มคิดละว่าอยากไปแก้ แต่ยังไม่อยากเจ็บตัว
ช่วงหลังจากที่เรารับปริญญาตรี โบท็อกซ์หน้าเรียวเริ่ม ๆ เข้ามาในไทย แล้วเราก็รู้ตัวอยู่แล้ว ว่าเป็นคนหน้ากลม เลยแบบ เฮ้ย มีวิธีแก้หน้ากลมโดยไม่ต้องผ่าตัดเหลาหน้าแล้ว ดีใจมากตอนนั้น เลยไปปรึกษาเพื่อนหมอคนเดิมที่ดูแลเรื่องผิวให้ นางก็จัดโบมาให้ คือมันเวิร์กมาก หน้าเรียวขึ้น เริ่มเล็กลงและเห็นชัดใน 2 เดือน
แต่เนื่องจากหน้าเราคงมีกล้ามเนื้อตรงกรามเยอะ เลยไปเติมโบท็อกซ์อยู่เป็นระยะ ๆ ผ่านไป 1 ปี หน้าเล็กลงมาก แต่เนื่องจากเป็นคนคางสั้น ทำให้หน้าดูไม่เล็กสักเท่าไร ประกอบกับไม่กล้าเสริมซิลิโคนที่คาง กลัวเป็นแม่มด เพื่อนหมอก็เลยแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ที่คาง ของแท้นะคะ ไม่เอาซิลิโคนเหลว แล้วก็เอามาฉีดที่ปลายจมูกเพื่อเพิ่มหยดน้ำ (เพราะไม่อยากทำจมูกใหม่ในตอนนั้น) ทันตอนรับปริญญาโทพอดี
รูปด้านล่างคือตอนรับปริญญาโท จะเห็นว่าหน้าเล็กลง คางแหลมขึ้น จมูกก็เชิดน้อยลง แต่ยังดูแกนเล็ก ๆ อยู่ แต่ถ้าสังเกตดี ๆ หน้าจะดูแข็ง ๆ ตาไม่ยิ้ม มุมปากไม่ยิ้ม เนื่องจากกระแดะฉีดโบท็อกซ์มากเกินไป จนมันลามไปกล้ามเนื้อส่วนอื่น ทำให้แสดงสีหน้าความรู้สึกไม่ค่อยได้
เซ็งมากค่ะ ในรูปคือพยายามยิ้มสุด ๆ แล้ว แต่มันได้แค่นี้ ต้องรอสัก 4 เดือน มันก็จะหายไปค่ะ
พอฉีดไปสักพัก ความที่เนื้อปลายจมูกน้อย พอฉีดฟิลเลอร์เข้าไป มันเลยลงมาไม่มาก แถมไหลขึ้นไปด้านบน ตรงล่างจมูกก็แดงมาก คงเกิดจากการระคายเคือง จุดนี้เลยคิดแล้วว่าแก้เลยดีกว่า
คราวนี้เปลี่ยนหมอที่ทำจมูก พอดีหาข้อมูลในดั้งโด่ง เขาบอกว่าหมอคนนี้ทำผู้ชายเก่ง ราคาสมเหตุสมผล แถมใกล้บ้านด้วย เลยเดินไปทำค่ะ เท็ดดี้ก็เอารูปไปให้หมอเลือก สุดท้ายหมอเลือกรูปนิชคุณบอกว่าหน้าหวานเหมือนกัน เรามองบนแป๊บ และในใจเราก็คิดเสียงดังว่า หร๋าาาาาาาาาา ? ช่างกล้าเนอะ ? นิชคุณเนี่ยนะ นิชมะรึง มากกว่า แต่ก็เชื่อหมอ เราก็บอกหมอว่าอยากมีหยดน้ำยาว ๆ แล้วก็ขอแท่งใหญ่ขึ้นหน่อย เราเลือกซิลิโคนแบบดีสุด รวมค่าแก้ ตอนนั้นอยู่ที่ 28,000 บาท (ตอนนี้หมออัพราคาขึ้นเยอะแล้วค่ะ)
ด้านล่างคือพอเข้าที่แล้ว ทำไมจมูกใหญ่จัง แล้วก็ไม่เห็นจะยาวด้วย สงสัยพอบอกหมอเอาใหญ่ขึ้น นางจัดใหญ่เลยค่า ก็คือออกมาแล้วไม่ได้รู้สึกพอใจในผลลัพธ์ เพราะเราอยากให้มันเรียวแต่ไม่โป๊ะอ่ะ เราก็ใช้ชิวิตอยู่กับมันมาปีนึงมั้งคะ เลยกลับไปหาหมอคนเดิม
หลังจากที่จมูกแกนใหญ่ไป และไม่มีท่าทีว่าจะเล็กลง ถึงตอนนี้เครียดนะคะ รู้สึกว่ามันไม่จบไม่สิ้น เจ็บตัว หยุดงาน เสียตังค์อีก อยากทำทีเดียวจบ คือแบบว่าเราไม่ได้เป็นคนเสพติดศัลยกรรมไงคะ (หร๋าาาาา ? นี่คือเสียงที่เพื่อนชะนีในกลุ่มพูดพร้อม ๆ กัน)
ตัดสินใจกลับไปหาหมอท่านเดิม เราบอกหมอว่า อยากให้มันเรียวกว่านี้ และยาวกว่านี้ หมอก็เลยบอกว่าจะเปลี่ยนเป็นใช้ซิลิโคนแบบแข็งกว่าเดิม มันจะได้ยาวลงมาได้อีก รวมถึงเหลาให้เล็กกว่าเดิม พร้อมทั้งบอกว่าเนื้อปลายจมูกเราบางและสั้น ถ้าใช้ซิลิโคนอย่างเดียว ในอนาคตจมูกอาจจะทะลุได้ ให้ใช้กระดูกหลังหูร่วมด้วย เพื่อต่อให้มันยาว พุ่ง และไม่มีปัญหาในระยะยาว
ด้วยความที่ไม่ชอบศัลยกรรมไงคะ เราเลยตัดสินใจ เย็บปากกระจับด้วยเลยละกัน ไหน ๆ ก็ลางานพักฟื้นแล้ว
ช่วงนั้น ณเดชน์เริ่มดัง แล้วปากนางสวยมาก ๆๆๆๆๆ เราก็อยากได้บ้าง หมอก็บอก พอก่อน ๆ ทำได้ แต่ออกมาไม่เหมือนนะ เพราะรูปปากไม่เหมือนกัน เราก็โอเค ทำตามที่หมอว่าโอ
ด้านล่างคือตอนพักฟื้นค่ะ ช้ำไปหมด โดยเฉพาะปลายจมูก และปาก (ปากมีเลือดมาคั่งตรงแผลผ่าตัด แต่ทานยา สุดท้ายก็หายค่ะ) น่ากลัววววววววว
หลังจากตัดไหม ผ่านช่วงพักฟื้นประมาณเดือนหนึ่ง เริ่มเห็นเค้าจมูกที่เข้าที่ขึ้น จมูกดูเรียวขึ้นมาก หมอเหลาซิลิโคนดีมากทีเดียว ไม่เหลี่ยม ปลายดูมนสวย ส่วนปากก็เริ่มเห็นหยักกระจับนิดหน่อยค่ะ ตอนนี้เราก็ยังฉีดโบท็อกซ์อยู่เรื่อย ๆ พร้อมกับไปเติมฟิลเลอร์ที่คางมาอีกรอบกับคุณเพื่อนหมอ เพื่อให้หน้าได้รูปมากขึ้น ความเป็นผู้เป็นคนมันเริ่มต้นจากจุดนี้ค่ะ
จมูกดูยาว เรียวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หน้าเล็กลงมาก คางยาว ปากเป็นกระจับขึ้นแต่ยังเจ่อ ๆ อยู่ เพราะยังยุบไม่หมด
ถ้าคิดว่าเท็ดดี้จะจบแค่นี้ คิดใหม่นะคะ เดี๋ยวมาต่อค่ะ
เท็ดดี้นางก็ยังคงเวิ่นเว้อกับปลายจมูกหยดน้ำ เรารู้สึกว่ามันไม่ชัดเจน (จุดนี้เริ่มเสพติดเบา ๆ ) ก็กลับไปหาหมอคนเดิมอีก บอกหมอว่าจะเอายาวอีก เอาอีก เอาอีก !!! ทำไมไม่ทำให้สักที เบื่อจะมาแก้แล้วนะ
หมอบอกว่ายาวกว่านี้ไม่ได้แล้ว แกนจมูกมันยาวแล้ว แต่เป็นเพราะปีกจมูกมันห้อย เลยทำให้หยดน้ำเห็นไม่ชัด เราก็เลยนัดหมอผ่าตัดยกปีกจมูก บอกก่อนนะคะว่าไม่ได้เก็บปีกนะคะ เป็นการยกให้ปีกจมูกสูงขึ้น แต่ปีกไม่ได้แคบลง เพราะเรากลัวเดี๋ยวโหงวเฮ้งเปลี่ยน
ก่อนทำคุณหมอก็เตือนว่ายกปีกเนี่ย จะมีแผลเป็นนะ ตรงซอกจมูก เราก็โอเคค่ะ รับแซ่บ ผลคือเป็นแผลทั้งซอกจมูกเลยค่า หมอบอกถ้าดูแลแผลดี ๆ แผลเป็นก็จะเห็นชัดน้อย
เราก็พักฟื้นไป จมูกดูพุ่งขึ้นเพราะปีกมันโดนยกขึ้นไปค่ะ
เราก็ว่าง ๆ นั่งคิดว่า เหลืออะไรยังไม่ได้ทำอีกหล่ะ อ้อ ตาค่ะตา เนื่องจากเท็ดเป็นคนตาสองชั้นหลบใน บางวันชั้นชัด บางวันหลบใน บางวันโตข้างเล็กข้าง เลยตัดสินใจทำตาสองชั้นดีกว่า พอดีคุณหมออีกคนเป็นเพื่อนกัน เปิดคลินิกที่สยาม ทำแบบเย็บจุดเดียว ไม่มีรอยแผลเป็น พักฟื้นแค่เสาร์อาทิตย์ก็ไปทำงานได้ค่ะ
ระหว่างนี้ก็ไปสักคิ้วสไลด์, สักปากชมพู, หัวนมไม่สักเพราะอยู่ในร่มผ้า เปลืองค่ะ, ไปเคลือบฟันขาว Veneers, และทำเลเซอร์ Thermage หน้าเรียว
หลังจากผ่านช่วงเวลายกปีกจมูกไป ประมาณ 1 ปี จมูกเข้าที่ ยุบเต็มที่ คนเริ่มทักจมูกมากขึ้น ว่าจมูกสวยทำที่ไหน โด่ง พุ่ง แต่ดูไม่โป๊ะ และแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะหยุดทำศัลยกรรม (สำหรับตอนนี้)
ข้างล่างคือรูปปัจจุบันของเท็ดนะคะ ตอนนี้ไม่ได้ฉีดโบท็อกซ์ หรือ ฟิลเลอร์มาเกิน 2 ปีแล้ว ก็อาศัยรักษาผิว กินวิตามิน ทำเลเซอร์ ทรีทเม้นท์บ้างประปราย ตอนนี้เครียดเรื่องริ้วรอยมากกว่า พอขึ้นเลข 3 แล้วมาพรึมเลยค่ะ
สาบานหน้าไฟ ว่าคนเดียวกันค่ะ
จมูกมา คางมา โบมา ชีวิตเปลี่ยนค่ะ
จบแล้วค่ะขอบคุณที่ติดตามอ่านชีวิตศัลยกรรมเวิ่นเว้อปลายจมูกหยดน้ำจนจบ ไม่เบื่อกันไปซะก่อน หวังว่า คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ จำไว้อย่าหยุดสวยเพื่อตัวเองค่ะ
ขอให้ทุกคนโชคดีในการที่จะทำให้ตัวเองดูดีขึ้น ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งนะคะ
ขอบคุณและสวัสดีค่ะ
***หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 15.59 น. วันที่ 1 ธันวาคม 2557
