x close

สบายด้วยสมาธิ

ตั้งครรภ์

สบายด้วยสมาธิ
(รักลูก)

            สมาธิ...ช่วยให้คุณแม่รู้สึกสบายได้ แต่ไม่ใช่แค่การนั่งหลับตาอยู่นิ่ง ๆ เท่านั้นยังมีอีกหลายวิธีเลยค่ะ ที่จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกสงบ มีสมาธิ และสบายได้

สมาธิดีกับแม่ท้อง

            ธรรมชาติของผู้หญิงมักจะคิดมากและวิตกกังวลง่ายอยู่แล้ว ยิ่งอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งต้องแบกรับความเปลี่ยนแปลง ทั้งจากฮอร์โมนในร่างกาย สุขภาพของตัวเองและเจ้าตัวเล็กในท้อง รูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ไหนจะหน้าที่การงาน ฯลฯ
           
            สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งช่วยเร่งดีกรีความวิตกกังวลและความเครียดต่อคุณแม่ได้ทั้งนั้น หากปล่อยไว้ย่อมไม่ดีต่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และลูกน้อยในท้อง แต่การทำสมาธิสามารถช่วยคุณแม่ได้ค่ะ เพราะสมาธิทำให้เกิดความสงบทั้งกายใจ ทำให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดทั้งยังส่งผลดีต่อกระบวนการทำงานของสมองอีกด้วย

            มีงานวิจัยจากต่างประเทศพบว่าผู้ที่ทำสมาธิจนจิตสงบนิ่งคลื่นสมองจะเรียบขึ้นยิ่งจิตสงบมากเท่าไร คลื่นสมองก็จะยิ่งเรียบและเป็นเส้นตรงปกติมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้ความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของสมองทำงานได้เป็นอย่างดี และยังเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพของเซลล์สมองที่มีอยู่ให้มากขึ้น

            นอกจากนั้น สมาธิยังช่วยลดความดันโลหิต ลดความเจ็บปวด เพราะเมื่อคุณแม่มีสมาธิ จิตใจสงบและเป็นสุข สมองจะหลั่งสารแห่งความสุขหรือเอ็นโดรฟินออกมา ซึ่งเป็นสารที่ช่วยคลายความเจ็บปวดได้ และยังส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สมาธิไม่จำกัดรูปแบบ

            คุณแม่หลายท่านอาจสงสัยว่าจะให้มานั่งทำสมาธิอยู่ได้อย่างไร เพราะในแต่ละวันมีเรื่องมากมายที่ต้องคิด ต้องทำ แถมบางทีต้องคิดและทำหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกันและที่ผ่านมานอกจากจะไม่ค่อยได้นั่งสมาธิแล้ว ยังทำอะไรด้วยความรวดเร็วอีกด้วย

            ความจริงแล้วการทำสมาธิ คือ การเอาใจไปจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเดียว โยไม่คิดถึงสิ่งอื่นใด ซึ่งก็อย่างที่ดิฉันบอกได้ไปแล้วค่ะว่าไม่จำเป็นต้องเป็นการนั่งหลับตานิ่ง ๆ เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายวิธีที่จะทำให้คุณแม่มีสมาธิได้ เช่น
นั่ง คุณแม่ลองสวดมนต์และนั่งสมาธิ ตอนเช้าหรือก่อนนอนดูสิคะ จะช่วยทำให้จิตใจสงบและมีความสุขมากขึ้น หรือาจนั่งในท่าที่สบาย อากาศถ่ายเท ทอดสายไปยังสวนหย่อมหรือต้นไม้ในบ้านหายใจช้า ๆ

            หากลืมตาเห็นภาพต่าง ๆ แล้วอดที่จะคิดโน่นคิดนี่ไม่ได้ ก็ค่อย ๆ หลับตา กำหนดลมหายใจเข้าออกซึ่งการกำหนดลมหายใจนี้จะช่วยให้คุณแม่มีสติและสามารถกำหนดจังหวะในการหายใจขณะคลอดลูกได้ค่ะ

            เดิน การเดนิถือเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายและดีต่อคุณแม่ เพราะนอกจากจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตด้วย คุณแม่ที่คิดนิสัยเดินเร็ว ๆ ควรลดความเร็วลงเพื่อพิจารณาทุกย่างก้าวอย่างมีสติ ให้จิตใจได้จดจ่อกับการก้าวเดิน แต่หากรู้สึกว่าจดจ่อกับการก้าวเดินจนตึงเครียดเกินไป ก็อาจหันมาพิจารณาสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวไปด้วยทั้งนี้ต้องไม่เหม่อลอยจนเดินสะดุดนะคะ

            กิน หยุดกินอาหารด้วยความรวดเร็วพร้อมกับการคิดถึงเรื่องอื่นไปด้วยดีกว่า แล้วหันมาพิจารณาอาหารที่อยู่ตรงหน้าค่อย ๆ ตัก ค่อย ๆ เคี้ยว นอกจากจะทำให้คุณแม่มีสมาธิกับสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันแล้ว การเคี้ยวอาหารอย่างละเอียด ยังช่วยให้กระเพาะอาหารของคุณแม่ไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป ลดอาการท้องอึดท้องเฟ้อได้อีกด้วยค่ะ

            อ่านหนังสือ เคยไหมคะ...สายตาอยู่ที่ตัวหนังสือ แต่สมองกลับคิดอะไรต่อมิอะไรมากมาย แทนที่จะมีสมาธิยิ่งรู้สึกวุ่นวายใจมากกว่าเดิม แต่หากคุณแม่จดจ่ออยู่กับสิ่งที่อ่าน ไม่คิดเรื่องอื่น ก็จะทำให้คุณแม่มีสมาธิได้ค่ะ โดยคุณแม่สามารถเลือกอ่านหนังสือประเภทต่าง ๆ ได้ตามใจชอบ และที่สำคัญ ควรเลือกหนังสือที่อ่านแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เนื้อหาไม่ควรหนักมากจนทำให้รู้สึกเครียด

            ฟังเพลง นอกจากเพลงจะช่วยพัฒนาสมองของเจ้าตัวน้อยในท้อง ช่วยให้คุณแม่เพลิดเพลินขณะทำกิจกรรมต่างๆ และรู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดแล้ว เพลงยังสามารถ ช่วยให้คุณแม่มีสมาธิได้เช่นกัน คุณแม่สามารถเลือกฟังได้ทั้งเพลงที่ให้ความเบาสบาย เป็นบทเพลงที่มีเสียงดนตรีประกอบกับเสียงน้ำไหล เสียงนกร้องที่เรียกว่า green music หรือจะฟังเพลงที่ให้ความรู้สึกสดใสคึกคัก อย่างเพลงช้างหรือจิงเกิลเบลก็ได้ค่ะ ที่สำคัญคือควรเลือกเพลงที่มีจังหวะช้า เสียงไม่สูงจนเกินไป และฟังในระดับเสียงที่ไม่ดังมากเกินไป เมื่อเลือกเพลงที่ถูกใจแล้ว คุณแม่ก็หามุมสงบ นั่งเอนหลังให้สบายหลับตา แล้วปล่อยใจไปกับเสียงเพลง รับรองว่าสบายและมีสมาธิแน่นอน

            ออกกำลังกาย การออกกำลังกายเบา ๆ ที่เหมาสมกับแม่ท้องนั้น นอกจากจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น ช่วยให้มีกำลังวังชามากขึ้นแล้ว ยังช่วยให้มีสมาธิด้วยค่ะ เช่น ออกกำลังกายด้วยการเดิน คุณแม่ก็จดจ่ออยู่กับแต่ละย่างก้าว

            เต้นแอโรบิกในท่าง่าย ๆ คุณแม่ก็ต้องจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนไหวร่างกายในแต่ละท่า หรือการโยคะที่นอกจากจะต้องจดจ่อกับการเคลื่อนไหวร่างกายแล้ว ยังต่างจดจ่อกับการหายใจ เป็นต้น

            เล่นเกม เช่น ปริศนาอักษรไขว้ ต่อจิ๊กซอว์ ฯลฯ นอกจากความเพลิดเพลิน และมีสมาธิแล้ว ยังเป็นการบริหารสมองอีกด้วย และการที่บริหารสมองอยู่เสมอจะช่วยให้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ดีขึ้น ลดความเครียด ทำให้ใจสงบและรู้สึกสดชื่น ซึ่งส่งผลให้ลูกน้อยอารมณ์ดีไปด้วย

            งานอดิเรกอื่น ๆ การทำงานอดิเรกตามความสนใจ เช่น วาดรูป ทำงานฝีมือ ทำอาหาร ปักครอสติช ถักโครเชต์ ฯลฯ ล้วน แต่ช่วยสร้างความสุขใจ และสร้างสมาธิให้คุณแม่ได้ทั้งนั้น

เวลาของสมาธิ

            คุณแม่สามารถทำสมาธิตอนไหนก็ได้ขึ้นอยู่กับความสะดวกและกิจกรรมที่ทำ เช่น หากคุณแม่เลือกการนั่งสมาธิ ก็อาจนั่งตอนเช้าก่อนออกไปทำงานหรือก่อนนอน หากเป็นงานอดิเรกอื่น ๆ คุณแม่อาจเลือกทำในวันว่าง หรือในช่วงที่ไม่ต้องเร่งรีบไปทำภารกิจอื่น เป็นต้น

            ส่วนระยะเวลาของการทำสมาธิก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของคุณแม่อีกเช่นกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นเพียงวันละนิดละหน่อย 10-20 นาที หรือมีเวลาเป็นชั่วโมง หากจิตใจสงบและมีสมาธิก็เกิดประโยชน์ทั้งนั้น เพียงแต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ และต้องเป็นเวลาแห่งการผ่อนคลายอย่างแท้จริง

            เห็นมั้ยคะว่าทุกกิจกรรมทุกอิริยาบถที่คุณแม่ทำ หากเอาใจไปจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นล้วนแต่ทำให้จิตใจสงบ เกิดสมาธิ สดชื่น เบิกบานตลอดการตั้งครรภ์ได้ทั้งนั้นค่ะ

เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สบายด้วยสมาธิ อัปเดตล่าสุด 24 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา 14:05:30
TOP