x close

สำรวจบ้านอย่างปลอดภัย



สำรวจบ้านอย่างปลอดภัย
(รักลูก)

            วัยเด็กคือวัยแห่งการสำรวจโลก และ "โลก" ที่เด็กสำรวจก็เห็นจะไม่พ้นภายในบริเวณบ้านนั่นเอง

            icon เริ่มต้นที่พื้นบ้าน โดยที่จะต้องปลอดภัยจากการลื่นล้ม หรือปลอดคราบมัน และปลอดภัยจากการลื่นล้ม หรือปลอดคราบมัน และปลอดภัยจากการวิ่งหรือเดินสะดุดล้มกระแทก เพราะบรรดาพวกของเล่นของใช้สารพัดถูกทิ้งระเกะระกะเรี่ยราดตามพื้น จึงควรหมั่นเก็บกวาดเช็ดถูบ้าน เพื่อเคลียร์พื้นที่ “ไม่ให้มีสิ่งใดมาทำอันตรายหรือมีอะไรให้คว้าใส่ปาก”

           อย่าลืมนะครับว่า...สิ่งใดก็ตามถ้าอุดตันหลอดลมเด็ก มีเวลาเพียง 4 นาทีเท่านั้นที่จะช่วยชีวิตของพวกเขาทางที่ดีถ้าลูกเราอายุน้อยกว่าสามปี ไม่ควรให้มีของที่มีขนาดชิ้นเล็กกว่า 3.2 x 6 ซม. อยู่รอบตัว เพราะเด็กวัยนี้เวลาเขาสนใจอะไรก็จะเอาเข้าปากสำรวจก่อนเลย

            icon บันได อุบัติเหตุที่พบได้บ่อย ๆ คือการที่เด็ก ๆ ร่วงหล่นลงมาจากราวบันไดหรือตัวลอดได้แต่ศีรษะติดคาที่ราวบันไดเกิดเป็นอุบัติเหตุในลักษณะแขวนคอ

            ดังนั้นจึงควรเตรียมการไว้ก่อน ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบบ้านเลยล่ะครับ โดยไม่ให้ซี่ราวบันได ราวระเบียง แต่ละซี่ห่างเกินกว่า 9 ซม. หรือมิฉะนั้นคุณก็ควรหาไม้ตาข่าย หรือแผ่นพลาสติกมาปิดกั้นตรงช่องว่างระหว่างราวบันได ส่วนประตูกั้นบันไดก็ควรติดตั้ง ตั้งแต่ลูกคลานได้แล้วล่ะครับ ยิ่งวัยหัดเดินไม่ควรละเลย แล้วก็จำเป็นต้องทำทั้ง 2 บาน คือ กั้นทางขึ้นและทางลง สิ่งที่ไม่ควรลืมก็คือ

            จะต้องมีกลอนที่ล็อกไว้เสมอ และควรล็อกทุกครั้งหลังจากที่เปิดเรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญก็คือต้องทำให้เปิดเข้าหาตัวได้เท่านั้น เพื่อกันไม่ให้เด็กผลัก หรือไถลตกลงไป

            การเลือกเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน ควรเลือกโต๊ะที่เป็นรูปทรงกลมหรือรูปไข่ เพื่อจะได้ไม่มีขอบ หรือมุมที่แหลมคมที่ลูกอาจจะเดินหรือวิ่งเข้ามาชน หรือหาซื้ออุปกรณ์กันกระแทกมุมขอบโต๊ะใส่ทั้ง 4 มุม รวมทั้งการงดใช้งดซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากกระจกและกระจกใสกั้นระหว่างห้องก็เป็นอีกสิ่งที่ควรงดเว้น เนื่องจากเสี่ยงต่อการที่เด็กเล็ก (รวมทั้งเด็กโต และผู้ใหญ่) อาจจะเดินชนกระแทกได้รับบาดเจ็บ

            icon การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ ไม่ควรวางโซฟาใกล้หน้าต่าง โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่เริ่มตั้งแต่วัยเตาะแตะ กระทั่งเด็กโตที่มักจะชอบปีนป่าย หน้าต่างสูงดีอยู่แล้ว เด็กปีนไม่ถึง แต่พอวางเฟอร์นิเจอร์ลงไป เด็กเลยใช้เป็นอุปกรณ์ปีนป่าย เป็นสาเหตุที่ทำให้เด็ก ๆ ร่วงหล่นมาเสียชีวิต

           
icon โต๊ะวางทีวี หรือตู้วางสเตอร์รีโอและชั้นวางของโชว์ต่าง ๆ จะต้องไม่ล้มง่าย หรือควรจะหาอุปกรณ์ยึดติดกับกำแพง

            icon ปลั๊กไฟ ต้องจัดวางสูงกว่า 1.5 เมตร หรือมีเต้าเสียบป้องกันเด็กแหย่รู เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่นเครื่องทำน้ำเย็น เครื่องทำน้ำอุ่น ต้องต่อสายดิน และมีตัวตัดไฟอัตโนมัติป้องกันไฟดูดครับ

           icon การจมน้ำตายในบ้าน เกิดขึ้นบ่อยเกินกว่าที่พ่อแม่ทุกคนจะคาดคิด เด็กเล็กหัดนั่งอาจหน้าทิ่มลงไปในอ่างอาบน้ำหรือเด็กหัดเดินที่หัวทิ่มลงในถังน้ำถูบ้าน เพียงแค่ 4 นาที เด็กจะขาดอากาศหายใจจนสมองเสียหายนำไปสู่การตายหรือพิการถาวร เด็กวัยนี้จึงจัดอยู่ในวัยที่ผู้ดูแลจะต้องมองเห็นเขาตลอดเวลา และเด็กต้องอยู่ในระยะที่เอื้อมคว้าถึง

            สิ่งสำคัญอีกเรื่องที่ต้องทำควบคู่กับการเฝ้าดู คือการจัดการสิ่งแวดล้อมของเด็กให้ปลอดภัย โดยแยกเด็กออกจากแหล่งน้ำ เช่น กั้นพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กเคลื่อนไหวได้อิสระ กำจัดแหล่งน้ำ กั้นรั้วแหล่งน้ำ เป็นต้น

            icon ห้องน้ำ ถือเป็นจุดเสี่ยงต่อการจมน้ำเสียชีวิต ที่พบบ่อย ๆ ก็คือ ที่ผู้ใหญ่เผอเรอปล่อยให้เจ้าตัวน้อยอยู่ในห้องน้ำเพียงลำพังอย่าลืมนะครับว่า ระดับน้ำสูงกว่า 5 ซม. ล้วนเป็นจุดเสี่ยงที่จะทำให้จมน้ำได้ (บ้านไหนมีโอ่ง ไห บ่อเลี้ยงปลา และสระว่ายน้ำ แบบสูบลม ให้ไม่มีน้ำปริ่ม (เกิน 5 ซม.) อยู่ภายใน เด็ก 3-6 ขวบ ก็ยังไม่ควรปล่อยให้แช่ในอ่างอาบน้ำ เพราะความลื่นของอ่างและพื้น รวมถึงทักษะในการระมัดระวังยังไม่สมบูรณ์ มักทำให้ลื่นล้มกระแทกพื้นทั้งตอนก้าวลงหรือก้าวขึ้นจากอ่างอาบน้ำ บางคนศีรษะด้านหลังกระแทกขอบอ่างถึงกับสลบ บางคนไม่สลบ แต่มีแผลแตก เลือดออก ศีรษะเด็กด้านหลังบวม และฟกช้ำ คุณหมออาจให้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง

            กรณีเด็กล้มศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน โดยหลังจากกลับจากการตรวจที่โรงพยาบาลแล้ว ต้องสังเกตอาการที่บ้านอีก 24 ซม. ถ้าอาเจียน ปวดหัวมากขึ้น ซึมลงแขนขาอ่อนแรงหรือชัก ให้รีบกลับมาหาคุณหมอ เพราะอาจเกิดจากมีเลือดออกในสมองได้ครับ

            icon ห้องครัว นับได้ว่าเป็นแหล่งชุมนุมสิ่งที่เป็นอันตรายต่อเด็ก ๆ จะนำมาเล่น แถมมีหลาย ๆ อย่างอาจเป็นอันตรายต่อเด็ก ๆ การต้มน้ำร้อน ๆ ที่อาจหกรด หรือน้ำมันผัดกับข้าวเดือด ๆ ที่อาจจะกระเซ็นใส่หน้าใส่ตาเด็ก ๆ ได้ทุกเมื่อ หลาย ๆ บ้านทำประตูเตี้ย ๆ กั้นไม่ให้เด็กเล็กเข้าไปยุ่มย่ามในส่วนของห้องครัว ขณะต้มน้ำแกงอยู่บนเตา แต่หากไม่ได้ทำประตูกั้นครัว หรือแม้แต่ได้กั้นอย่างข้างต้น ก็อย่าประมาทถึงกับก้มหน้าก้มตาทำกับข้าว แต่จะต้องยืนในมุมที่ลูกอยู่ในสายตา ต้องไม่ให้ลูกน้อยอยู่ใกล้เตาแก๊สหรือเตาไฟฟ้าที่กำลังต้มน้ำ ไม่ให้ลูกเข้ามาใกล้ในขณะที่คุณแม่กำลังยกน้ำแกงร้อน เพื่อนำมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร อย่าเผลอลืมของแหลมของคมประจำครัว จนถูกเด็ก ๆ คว้าเอาไปเล่น (มีดสั้น มีดยาว และที่เจาะที่งัดกระป๋อง) อย่าใช้ผ้าปูโต๊ะเลยนะครับ เพราะเด็กเล็กอาจดึงผ้าปูโต๊ะพรวดลงมาพร้อมด้วยชามน้ำแกงร้อน ๆ ที่ยังตั้งวางอยู่

            icon ห้องนอน ต้องเป็นห้องที่หลับอย่างสบาย มีความสุขและปลอดภัย ที่นอนของทารกน้อยที่ปลอดภัย ควรเป็นเบาะขนาดบางค่อนข้างแข็ง และแยกออกจากเบาะที่นอนหรือเตียงผู้ใหญ่ เด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบ เสี่ยงต่อการถูกผู้ใหญ่หรือเด็กโต ๆ นอนทับจนขาดอากาศหายใจ โดยเฉพาะไม่วางทารกให้นอนใกล้ผู้ใหญ่ตัวอ้วน ๆ หรือคนที่กินยาประเภทช่วยให้หลับสนิท เช่น ยากันชัก กล่อมประสาท และไม่นอนใกล้คนที่เมาหลับ

            สาเหตุที่พบได้อีกคือ การตกเตียงลงไปในช่องว่างต่างๆ เช่นช่องว่างระหว่างเตียงกับกำแพง แล้วศีรษะเข้าไปติดค้างระหว่างเตียงกับกำแพง เตียงกับเฟอร์มิเจอร์อื่น ๆ หรือเตียงกับฝาผนัง นี่คืออันตรายจากการให้ทารกน้อยหรือเด็กเล็ก ๆ นอนบนเตียงผู้ใหญ่หรือแม้แต่ "เตียงเด็ก" ก็ใช่ว่าจะหายห่วง เพราะเมื่อลูกเข้า 2 ขวบแล้ว หรือสูงเกิน 90 ซม. เข้าสู่ "วัยซน" อันเป็นวัยที่ชอบปีนป่ายห้อยโหน ก็ได้เวลาให้ลูกเลิกนอนเตียงเล็กได้แล้วครับ เพื่อความปลอดภัยก็ควรเก็บเตียงเด็กขึ้นเลยดีกว่า เพื่อลดความเสี่ยงในการปีนจนพลัดตกลงมากระแทกพื้น

            นอกจากนั้น บางบ้างที่มีเด็กเกิน 1 คน ก็มักจะซื้อเตียง 2 ชั้น ควรเลือกเตียงที่มีซี่ราวกันตกและต้องมีช่องห่างไม่ให้เกินกว่า 9 ซม. เพื่อกันไม่ให้ศีรษะติดค้างระหว่างซี่ราว และเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 ขวบ อย่าให้นอนชั้นบน เพราะเด็กวัยนี้ชอบปีนป่ายมาก ในขณะที่ยังระมัดระวังตัวเองไม่เป็น ไม่ว่าจะให้ลูกนอนเตียงเด็กแบบชั้นเดียวหรือ 2 ชั้น จะต้องสำรวจให้ถี่ถ้วน เช่น ถ้าทำด้วยไม้ ต้องเลือกไม้ที่เรียบ ไม่มีเศษเสี้ยน น็อตจะต้องแน่นหนา

            การจัดการสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยเสีย แต่แรกเป็นสิ่งจำเป็นควบคู่ไปกับการเฝ้าดูแลระวังใกล้ชิด อ้อ...โตขึ้นมาอีกหน่อย เช่นเกินกว่า 6 ปีแล้ว เด็กจะรับรู้ความเสี่ยงได้ การสอนให้รู้ว่าอะไรเสี่ยงอย่างไร เด็กจะเข้าใจเหตุและผล สอนให้ดี ให้เด็กมีส่วนร่วมคิดไปด้วยจะสร้างเด็กยุคใหม่ที่ตระหนักในอันตราย และไม่ประมาทครับ

การปฐมพยาบาล

           
หกล้ม ชน กระแทก ฟกช้ำดำเขียว ประคบแผลด้วยน้ำเย็นภายใน 24 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นน้ำอุ่น

              บาดแผลฉีกขาด หากเป็นการชนกระแทก เช่น วิ่งชนมุมโต๊ะ หรือเล่นของมีคม จะทำให้เกิดบาดแผลฉีดขาดได้ ปฐมพยาบาลโดยล้างแผลด้วยน้ำสะอาดให้น้ำไหลผ่านแผล จากนั้นให้หยุดเลือดโดยการกดแผลด้วยผ้าสะอาด 4-5 นาที แล้ว ทาน้ำยาฆ่าเชื้อบริเวณรอบ ๆ แผล โดยไม่ต้องหยอดยาเข้าไปในเนื้อแผล

              โดนไฟดูด การปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง หลังจากที่ช่วยออกมาได้แล้ว ถ้าพบว่าไม่หายใจ ต้องกระตุ้น โดยการเป่าปาก และกดทรวงอก

               ถูกน้ำร้อนลวก การรักษาเบื้องต้น ล้างแผลด้วยน้ำเย็น หรือปล่อยให้น้ำก๊อกไหลผ่านสัก 10 นาที หรือจนกว่าอาการปวดจะทุเลา จากนั้นซับแผลให้แห้ง แล้วใช้ผ้าก๊อซปิดคลุมแผลแต่อย่าแน่นเพราะแผลจะบวม ที่สำคัญอย่าใช้สำลีเช็ด เพราะอาจจะบวมทำให้ระคายเคือง ให้ทานยาแก้ปวดสำหรับเด็ก และนำส่งแพทย์ ไม่ควรเอาเข็มไปเจาะให้แตก จะทำให้แผลติดเชื้อได้ง่าย ถ้าตุ้มแตกให้ล้างแผลด้วยน้ำเกลือสะอาด ควรปิดด้วยผ้าก๊อซแห้ง และควรจะเปลี่ยนผ้าก๊อซใหม่อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง

              กลืนสารพิษ กรณีนี้อย่าเพิ่งทำอะไรนะครับ ให้เก็บขวด แล้วโทรปรึกษาศูนย์พิษวิทยา รพ.รามาธิบดี 0 2201 1083 ทันที การช่วยเหลือผู้กลืนกินสารพิษเข้าไปด้วยการพยายามทำให้อาเจียนออกมานั้นเป็นวิธีที่นิยมกันมาเสมอ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าถูกต้อง และอาจมีอันตรายในบางกรณี เหตุเพราะสารพิษหลาย ๆ ตัวเมื่อลงไปถึงกระเพาะอาหารแล้ว หากทำให้ขย้อนหรือาเจียนขึ้นมาจะกัดกร่อนหลอดอาหาร หรือผนังลำคอได้ อาทิเช่น สารทำความสะอาดพื้นทั้งหลาย

เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สำรวจบ้านอย่างปลอดภัย อัปเดตล่าสุด 2 มีนาคม 2553 เวลา 11:31:23
TOP