x close

อาลัยรัก 9 ปี ข้อความจากใจแฟนสาวถึง ดีเจโจ้ อัครพล เมื่องานแต่งกลายเป็นงานศพ



ดีเจโจ้ อัครพล

              เปิดข้อความสุดซึ้งจากใจแฟนสาวถึง ดีเจโจ้ อัครพล เมื่องานแต่งกลายเป็นงานศพ อาลัยรัก 9 ปีไม่มีลืมเลือน

              หากใครที่เคยดูรายการ เกมวัดดวง เชื่อว่าจะต้องจำ ดีเจโจ้ อัครพล ธนะวิทวิลาศ ดีเจหนุ่มอารมณ์ดีคนนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะเขาคือผู้ที่คอยสร้างเสียงหัวเราะให้แฟนคลับอยู่เสมอ แต่แล้วเมื่อปี 2549 ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อ ดีเจโจ้ ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ ก่อนที่จะต่อสู้กับโรคร้ายนี้ 3 เดือน และจากไปด้วยวัยเพียง 35 ปี นับจากวันนั้นมาถึงวันนี้ เป็นเวลานานกว่า 9 ปีแล้ว

              ล่าสุด (20 มิถุนายน 2558) เฟซบุ๊ก เม่าสงสัยได้มีการเผยข้อความจากแฟนสาวของ ดีเจโจ้ อัครพล ที่เขียนถึงชายหนุ่มอันเป็นที่รักของเธอด้วยความอาลัย แม้เวลาจะผ่านไปนานกว่า 9 ปีแล้ว โดยมีข้อความว่า "ตำนานความรักที่ทรงพลังของ นนทิยา พุทธาโภคาทรัพย์ กับ ดีเจโจ้ อัครพล ธนะวิทวิลาส ...ใกล้ดำเนินมาถึงบทที่ทั้งคู่เริ่มต้นชีวิตครอบครัวอย่างมีความสุข แต่เพียงไม่กี่เดือน รอยยิ้มถูกแทนที่ด้วยคราบน้ำตา งานมงคลกลายเป็นงานศพ ความฝันของผู้หญิงคนหนึ่งพังทลายลงชั่วพริบตา

ดีเจโจ้ อัครพล

              แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปีแล้วก็ตาม แต่จุ๊บยังจำวันแรกที่เจอกับพี่โจ้ได้ไม่ลืม เราเจอกันในงานคอนเสิร์ตของ นาวิน ต้าร์ เขาหันมามองจุ๊บ ยังจำดวงตาคู่นั้นได้เลยว่าสวยมาก เพื่อนแอบให้เบอร์จุ๊บกับพี่โจ้ ซึ่งสมัยนั้นเป็นเพจเจอร์ เขาส่งข้อความมาหลายครั้ง กระทั่งจุ๊บยอมไปทานข้าวด้วย แล้วจุ๊บก็หลงรักเขาโดยไม่มีเงื่อนไขว่าแฟนฉันต้องหล่อหรือรวย เพราะจุ๊บรักทุกอย่างที่เป็นพี่โจ้ รักเสียง รักรอยยิ้ม รักดวงตาคู่นั้น เขาเรียกจุ๊บว่าหนู จุ๊บก็เรียกเขาว่าที่รัก แม้ตอนแรกคุณพ่อคุณแม่จะไม่ชอบ แต่ความจริงใจที่เขามีให้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ประกอบกับเป็นคนมีจิตใจดี พี่โจ้จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวจุ๊บโดยปริยาย

              เราตกลงกันว่าจะเก็บเงินซื้อบ้านเป็นเรือนหอ ช่วงนั้นอะไรประหยัดได้ก็ช่วยกันประหยัด เวลาพี่โจ้มารับที่บ้านคุณแม่ทำข้าวใส่กล่องเตรียมไว้ให้ ระหว่างทางจุ๊บจะป้อนข้าวพี่โจ้ หรือเสื้อผ้าพี่โจ้ก็จะเอามาซักที่บ้านจุ๊บจะได้ประหยัดค่าซักรีด กินข้าวนอกบ้านเรียกว่านับครั้งได้ เพราะแค่ซื้อน้ำส้มสักแก้วยังคิดแล้วคิดอีก กระทั่งพี่โจ้เริ่มมีชื่อเสียงและเข้าหุ้นกับพี่เอก กฤษณา วารินทร์ เปิดบริษัท มหัศจรรย์งานโชว์ แม้รายรับมากขึ้น แต่ก็มีปัญหาจุกจิกให้แก้ไขตลอดเวลา แต่เราจับมือสู้ไปด้วยกัน เขามักบอกให้จุ๊บชื่นใจเสมอว่า หนูเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่มีวันนี้

              ในที่สุดความฝันก็เป็นจริง เราซื้อบ้านด้วยเงินสดที่พยายามอดออมกันมา ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขกับการเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน ตกแต่งบ้านด้วยกัน วาดโครงการว่าปลายปี 2549 แต่งงานแล้วจะมีลูกทันที ตั้งชื่อไว้เสร็จสรรพ ซึ่งจุ๊บหวังว่าจะเป็นเจ้าสาวของพี่โจ้ตลอดเวลา รอคอยวันนั้นอย่างตื่นเต้น ซื้อหนังสือแต่งงานทุกฉบับ เราสองคนช่วยกันเลือกชุดเจ้าสาวเจ้าบ่าว เลือกแหวน เลือกสถานที่ เตรียมงานมาเป็นระยะ จนเมื่อปลายปีที่แล้วเราตั้งใจไว้ว่าทำงานเหนื่อยมาทั้งปีไปเที่ยวฮ่องกงกันดีกว่า แต่พี่โจ้มีอาการท้องเสียไม่หยุด ร่างกายอ่อนเพลียมาก

              จุ๊บพาพี่โจ้ไปหาหมอ หมอคลำที่ท้อง ปรากฏว่าตับโต พออัลตราซาวด์ พบก้อนเนื้อที่ตับประมาณ 10 เซนติเมตร ถ้าเทียบกับเนื้อที่ตับที่มีอยู่ 16 เซนติเมตร ถือว่าค่อนข้างใหญ่ หมอบอกว่าเป็นมะเร็งอยู่ในระยะที่ไม่มากไปไม่น้อยไป สันนิษฐานว่าเป็นมาเกือบปี แต่ไม่ถึงกับต้องให้คีโม ซึ่งพี่โจ้ไม่อยากรักษาด้วยคีโมบำบัดอยู่แล้ว ด้วยความที่เขาเป็นโรคตับอักเสบอยู่ก่อนแล้ว หมอจึงไม่กล้าเสี่ยงตัดตับให้ทันที กลัวอาการจะทรุดหนักกว่าเดิม ต้องสกัดตัวมะเร็งให้ฝ่อลงก่อนจึงค่อยตัดชิ้นเนื้อที่เสียออก

              เราทั้งสองคนยืนรับฟังประโยคนั้นด้วยกัน ใจพี่โจ้สุดยอดมาก ถามหมอเลยว่าผมจะอยู่ได้อีกกี่เดือน ถ้าอยู่ได้ไม่นาน ผมจะใช้ชีวิตอยู่กับแฟนให้เต็มที่ หมอบอกว่า สู้ได้ครับคุณโจ้ ขณะที่จุ๊บร้องไห้รับไม่ได้ พี่โจ้กอดจุ๊บบอกว่าห่วงหนู จุ๊บบอกว่าไม่ต้องห่วงเราจะอยู่ด้วยกันจนวันตาย ถ้าที่รักตายหนูจะตายตามไปด้วย เราจะจับมือเดินไปด้วยกัน พี่โจ้ร้องไห้บอกว่าชีวิตจริงทำอย่างนั้นไม่ได้ อยู่เพื่อสานฝันให้พี่ ถ้าหนูบอกว่าพี่ไม่เป็นอะไร พี่ก็จะไม่เป็นอะไร พี่โจ้อยู่โรงพยาบาล 3 วัน จากบ้านที่เตรียมไว้เป็นเรือนหอก็ใช้เป็นที่พักฟื้นของพี่โจ้

              ตอนนั้นจุ๊บย้ายมาอยู่ด้วย ไม่แคร์แล้วว่าต้องแต่งก่อนไหม คุณพ่อคุณแม่พี่โจ้มาจากเชียงใหม่อยู่ดูแลด้วย เอฟเฟกต์จากฤทธิ์ยาทำให้พี่โจ้ผอมลง เหนื่อยง่าย ผมร่วงเล็กน้อย แม้อากู๋ ไพบูลย์ พี่ฉอด สายทิพย์ และพี่ไก่ สมพล จะให้หยุดรักษาตัวก่อน แต่ความที่เขาทำงานมาตลอดก็แอบไปอัดสปอตสั้น ๆ บ้าง อัดเกมวัดดวงบ้าง ยังขำ ๆ ฮา ๆ ได้ ทุกคนจึงเชื่อว่าเขาต้องหาย ระหว่างนั้นพี่โจ้ไปตรวจเช็กอาการและทานยาตามปกติ เขาบอกว่าอย่างไรมะเร็งก็ไม่เล็กลงหรอก ขณะที่จุ๊บยังหวังว่าพี่โจ้ต้องหายอยู่ทุกเวลา ทุกนาที หมอทางเลือกที่ไหนดี จุ๊บพาไปรักษาทุกที่

              ขณะเดียวกันเราก็ใช้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ พระที่ไหนศักดิ์สิทธิ์ จุ๊บตามไปไหว้อีก ตระเวนทำบุญ 9 วัดเกือบทุกวัน ปล่อยปลาเยอะมาก แต่ความที่พี่โจ้เป็นมาก พอเข้าเดือนที่สอง อาการเริ่มทรุดลง แน่นท้องทานข้าวได้น้อยลง เพราะตับทำงานแย่ลง มีภาวะน้ำท่วมปอดและหัวใจร่วมด้วย ต้องไปให้หมอเจาะเอาน้ำออกเขาเริ่มเดินไม่ถนัด จากที่เคยไปทำบุญด้วยกันก็เริ่มอยู่บ้านดูทีวี จุ๊บไม่อยากให้เขาดูทีวีมาก เพราะถ้าสมองรับคลื่นกระแสไฟฟ้ามาก ๆ จะไม่ดีกับคนเป็นมะเร็ง เขาก็อ่านหนังสือเสียดายคนตายไม่ได้อ่าน บอกอ่านแล้วจะได้ปลง จุ๊บไหว้พระทุกวัน ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ถ้าหากถึงวันที่ต้องแลกชีวิตกันจริง ๆ ก็ขอให้เอาจุ๊บไปแทน เพราะถ้าพี่โจ้อยู่ยังทำอะไรให้กับคนรอบข้างอีกเยอะ จุ๊บยอมเสียสละ แขน ขา หัวใจ ตับ หรืออะไรก็ได้ ขออย่างเดียวให้ได้มองหน้าพี่โจ้ได้กอดเขาไปนาน ๆ

ดีเจโจ้ อัครพล

              พยายามไม่ร้องไห้ให้พี่โจ้เห็น แต่...บางครั้งก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ เขามักบอกว่า ร้องไห้อีกแล้ว เดี๋ยวก็ร้องด้วยเลย จุ๊บบอกว่าร้องเพราะความปลื้มปีติว่าที่รักจะหายแล้ว ดีใจว่าสิ่งมหัศจรรย์จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ไม่มีปาฏิหาริย์..ไม่มีความมหัศจรรย์...ล่วงเข้าเดือนที่สาม พี่โจ้เริ่มทานข้าวไม่ได้ ตัวซีด เหนื่อยหอบ จุ๊บพาไปหาหมอคิดว่าให้เลือด น้ำเกลือแล้วก็กลับบ้าน แต่หมอส่งตัวพี่โจ้เข้าห้องไอซียู สวนท่อเพื่อฟอกเลือดเอาของเสียออก สามวันแรกพี่โจ้ยังร่าเริง พยาบาลบอกว่าพี่โจ้สุภาพมาก ไม่เอะอะโวยวายหรืออาละวาดดึงสายออก จากวันนั้นด้วยฤทธิ์ยา พี่โจ้มีอาการสะลึมสะลือพูดได้เป็นคำ ๆ จนกระทั่ง..ไม่รู้สึกตัวเลย จุ๊บขออนุญาตหมอเข้าไปนอนเฝ้าในห้องไอซียู จับมือเขาไว้ตลอดเวลา กอด หอม สวดมนต์ให้ฟัง เพราะอย่างไรก็มีความหวังว่าพี่โจ้ต้องหาย ตกค่ำความดันพี่โจ้ค่อย ๆ ตกจาก 100 มาอยู่ที่ 68 ขณะที่ระดับของออกซิเจนในเลือดอยู่ที่ 68 ซึ่งถือว่าโคม่าแล้ว แต่หัวใจเขายังเต้นอยู่

              ขณะนั้นพวกญาติ ๆ เริ่มลูบหัวพี่โจ้สั่งลากัน จุ๊บทนเห็นภาพนั้นไม่ได้ อย่าพูดแบบนั้น อย่าพรากคนรักไปจากจุ๊บ จุ๊บกอดพี่โจ้แน่น กราฟหัวใจของพี่โจ้กลับเต้นขึ้นมาใหม่ถึง 300 แต่หลังจากนั้นแป๊บเดียว กราฟหัวใจก็ตกไปที่ศูนย์ จุ๊บกรี๊ดเหมือนคนบ้าไม่ยอมกลับบ้าน ร้องไห้จะตามไปนอนกับพี่โจ้ในห้องเย็น พี่สาวบอกว่ากลับบ้านเถอะ เรียกโจ้กลับบ้านด้วย แม้ตัวไม่อยู่แต่วิญญาณเขายังอยู่ ก่อนเข้าบ้านจุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทาง ขอให้พี่โจ้เข้าบ้านด้วย วันรดน้ำศพจุ๊บร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ผู้ใหญ่เข้าใจถึงความรักเราแนะนำว่าให้เอาขี้เถ้าทำตำหนิไว้ เผื่อเจอหน้ากันจะได้จำหน้าได้ จุ๊บทำตามแล้วสวมแหวนให้ จับมือพี่โจ้ขึ้นพนมร่วมกัน บอกว่าสัญญานะว่าชาติหน้าเกิดมาจะรักกันอีกและอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า อย่าให้โรคภัยไข้เจ็บมาพรากเราจากกันอีก

              วันเผาศพ จุ๊บร้องไห้จนตาช้ำ วินาทีที่ไปส่งพี่โจ้ไม่รู้จะมีคำพูดอะไรบรรยายความรู้สึกได้มากกว่าคำว่าสาหัสทรมาน พี่ฉอดกอดจุ๊บบอกพี่เขาไปดีแล้ว จุ๊บตะโกนไปอย่างไม่รู้ตัวว่า อย่าให้เขาเอาพี่โจ้ของเราไป แล้วก็เป็นลมถึงเวลาเก็บกระดูก เสียงพระสวดบังสุกุลตายแล้ว ต่อด้วยบังสุกุลเป็น ดังอยู่ข้าง ๆ จิตใจดีขึ้น ไม่ร้องไห้ รู้สึกว่าพี่โจ้ตายไปเดี๋ยวก็มาเกิดใหม่ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ความทรงจำทุกอย่างที่มีกับพี่โจ้กำลังฆ่าจุ๊บ เพราะทุกอย่างที่เคยมีพี่โจ้ทั้งนั้น ออกจากบ้านไปได้แค่หน้าปากซอย ยิ่งเห็นพี่สาวกับพี่เขยไปเที่ยวกันแล้วยิ่งสะเทือนใจ เพราะเมื่อก่อนพี่โจ้พาจุ๊บไปกินข้าว เสาร์-อาทิตย์ไปเดินจตุจักรทุกวัน จุ๊บทำกับข้าวรอพี่โจ้กลับจากที่ทำงาน ทานข้าวเสร็จไปดูหนังแต่ตอนนี้เหมือนรออะไรอยู่ไม่รู้ไม่มีจุดหมาย ทุกคืนจุ๊บต้องกินยานอนหลับอย่างแรง แต่ทุก ๆ ตีสามต้องตื่น มีความรู้สึกเหมือนถูกสัมผัสเบา ๆ ที่ปลายเท้า เชื่อว่าต้องเป็นพี่โจ้แน่ ๆ เพราะเขาชอบตื่นมาดูบอลแล้วก็หอมแก้มบอกรักนะ

              ตั้งแต่นั้นความทุกข์จึงกลายเป็นความสุขกับการตื่นตีสามและรอคอยตอนเช้าเพื่อจะได้ใส่บาตรให้พี่โจ้ สิ่งเหล่านี้ช่วยเยียวยาจิตใจให้รู้ว่าพี่โจ้ยังอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลา ทุกวินาทีที่จุ๊บทำอะไรจะเรียกพี่โจ้ตลอด มีบอลก็เอาอัฐิมาตั้งดูทีวีด้วยกัน บางทีก็คิดว่าทำไมต้องทำแบบนี้ นั่งคุยกับรูปกับอัฐิ แต่นี้คือความจริงที่ต้องเผชิญ แม้ขณะนี้ญาติ ๆ จะมาอยู่เป็นเพื่อน แต่สักวันทุกคนต้องแยกย้ายกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติ เหลือจุ๊บที่ต้องอยู่บ้านนี้เพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นต้องพยายามทำตัวให้ชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้ แต่จะไม่พยายามทำใจเด็ดขาดว่าพี่โจ้ไม่อยู่แล้ว

              ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่โจ้ไม่คิดว่าตัวเองจะไปเร็วขนาดนี้ จนไม่ทันได้เตรียมอะไรไว้ให้ มีแต่บ้านหลังนี้กับคอนโดและรถ ระหว่างเราจะเป็นความฝันที่ร่วมสร้างด้วยกันเสียส่วนมาก ซึ่งจุ๊บต้องสานต่อ พี่โจ้รักพ่อแม่มาก ตั้งใจว่าจะรับหน้าที่เลี้ยงดูพ่อแม่พี่โจ้แทน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัท มหัศจรรย์งานโชว์ แม้จุ๊บจะทำได้ไม่ดีเท่าที่ตอนที่พี่โจ้อยู่แต่ต้องทำต่อไป ไม่อยากให้พี่โจ้เป็นแค่ความทรงจำแล้วสักวันก็จางหาย อยากให้พี่โจ้เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ ทุก ๆ คน ตลอดไป"

              และนี่คือข้อความสุดซึ้งจากใจของแฟนสาวถึง ดีเจโจ้ อัครพล ขอแสดงความเสียใจด้วยอีกครั้งนะคะ เชื่อว่าแฟนคลับหลายคนไม่มีทางลืมดีเจหนุ่มอารมณ์ดีคนนี้เช่นกัน...



world_id:558a292b4d265a606c8b456f


ภาพจาก  เฟซบุ๊ก เม่าสงสัย


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อาลัยรัก 9 ปี ข้อความจากใจแฟนสาวถึง ดีเจโจ้ อัครพล เมื่องานแต่งกลายเป็นงานศพ อัปเดตล่าสุด 24 มิถุนายน 2558 เวลา 11:15:18 285,814 อ่าน
TOP