x close

แม่ท้องอย่าให้ รกป่วย

ตั้งครรภ์

แม่ท้องอย่าให้ รกป่วย
(รักลูก)
โดย : เพียงขวัญ

รก...สำคัญนะจ๊ะแม่จ๋า

         รกมีความสำคัญมาก เพราะจะเติบโตควบคู่ไปกับหนูตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิไปจนถึงคลอด โดยจะทำหน้าที่เป็นเหมือนพี่เลี้ยงในขณะที่หนูอยู่ในท้องของแม่ คือช่วยแลกเปลี่ยนอาหารและออกซิเจนผ่านทางสายสะดือ แล้วยังช่วยสร้างฮอร์โมนที่จำเป็น เช่น ฮอร์โมน HCG ตอนที่แม่เริ่มท้อง พอรกเริ่มสมบูรณ์ขึ้นก็เริ่มสร้างเอสโตรเจน และฮอร์โมนอื่นๆ ซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตของหนู และยังเป็นทางที่หนูใช้กำจัดของเสียออกจากร่างกายด้วยจ้ะ

         เมื่อรกผิดปกติ ความผิดปกติของรกมีหลายอย่าง เช่น

          ฝังตัวผิดที่ รกสามารถเติบโตได้ทุกที่ ปกติแล้วรกจะฝังตัวที่ผนังมดลูก แต่ถ้าขณะที่กลิ้งเข้ามาในท่อนำไข่ซึ่งอาจช้าหรือกลิ้งไปไม่สำเร็จ เพราะในท่อมีความขรุขระหรือเคยมีการอักเสบ แทนที่รกจะฝังตัวที่ผนังมดลูก ซึ่งสามารถยืดตัวได้ 500-1,000 เท่า ก็ไปฝังตัวที่ผนังท่อนำไข่ซึ่งมีความบางเหมือนหลอดกาแฟกลายเป็นท้องนอกมดลูก พอรกเกาะตัวและเริ่มไชเข้าไปท่อนำไข่ก็จะแตก ซึ่งอันตรายต่อชีวิตของแม่ หรือถ้าไปเกาะในช่องท้องก็เป็นการตั้งครรภ์ที่ช่องท้อง ถ้าไปเกาะที่รังไข่ก็เป็นการตั้งครรภ์ที่รังไข่ เป็นต้น

          รกเกาะต่ำ ตำแหน่งที่ถือว่าดีที่สุดสำหรับการฝังตัวของรก คือยอดมดลูก แต่ถ้าเผอิญยอดมดลูกของแม่มีปัญหา เช่น แม่เคยขูดมดลูก หรือแม่เคยตั้งท้องพี่ ๆ มาหลายคนก่อนที่จะมีหนู บริเวณยอดมดลูกก็อาจเป็นแผล เป็นพังผืด พอเกาะไม่สำเร็จก็จะกลิ้งหล่นมาเกาะทางด้านล่างของมดลูกเป็นรกเกาะต่ำ และถ้ารกไปปิดอยู่ที่ปากมดลูก พอถึงกำหนดคลอด หนูก็จะออกมาไม่ได้ นอกจากคลอดรกออกมาก่อน แต่ถ้ารกออกมาก่อนหนูก็จะขาดออกซิเจนและต้องจากแม่ไปอย่างแน่นอนจ้ะ นอกจากนั้น รกเกาะต่ำยังอาจทำให้หนูคลอดท่าผิดปกติได้ด้วย เพราะพอรกมาขวางตรงเชิงกรานของแม่ ทำให้หนูกลับหัวลงไม่ได้ กลายเป็นท่าขวาง บางครั้งก็เอาก้นลง เพราะรกมาอยู่ที่ข้างล่าง ทำให้ตัวหนูต้องลอยอยู่ข้างบน

         รกเกาะต่ำจะไม่มีสัญญาณเตือนให้แม่รู้ตัวล่วงหน้าหรอกนะจ๊ะ แต่อาจสังเกตได้ เช่น นอนอยู่ดีๆ ตื่นขึ้นมาเลือดนองเต็มเตียงเลยก็มี เพราะเพียงแค่ขยับนิดหน่อยเส้นเลือดรกก็อาจฉีกขาดทำให้เลือดไหลออกมาได้เหมือนเลือดกำเดา คล้ายมีก๊อกเลือดที่พร้อมจะรั่วอยู่ตลอด ดังนั้น หากแม่มีเลือดออกทางช่องคลอดควรรีบไปพบคุณหมอนะจ๊ะ

          รกผิดปกติ นอกจากตำแหน่งแล้ว ในเชิงกายภาพรกก็อาจเกิดความผิดปกติได้จ้ะ เช่น รกใหญ่ไป รกบวมน้ำจากกรุ๊ปเลือดแม่ลูกไม่เข้ากัน หรือเกิดจากการติดเชื้อซิฟิลิส รกเล็กไป รกมีพังผืด มีแคลเซียมแทรก จากโรคครรภ์เป็นพิษทำให้ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดตีบหรือเล็กจนเลือดไหลผ่านไม่ได้ เป็นต้น

         หากรกเกิดความผิดปกติก็จะทำให้พื้นที่ในการแลกเปลี่ยนสารอาหารเหลือน้อยลง ซึ่งจะทำให้ตัวของหนูเล็กหรือผอม เพราะการแลกเปลี่ยนสารอาหารและออกซิเจนทำได้เท่าเดิมหรือน้อยลง แต่หนูเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และต้องการอาหารเพิ่มขึ้นทุกวัน ในที่สุดหนูก็กลายเป็นทารกที่ขาดอาหาร นานเข้าก็เกิดภาวะทุพโภชนาการ น้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ หรือคลอดก่อนกำหนด

         นอกจากนั้น ก็อาจทำให้มีของเสียคั่งอยู่ในตัวของหนูมากเกินไป ตามปกติเมื่อได้สารอาหารมาแล้ว ร่างกายของหนูจะมีการถ่ายเทของเสียออกไป แต่ถ้ารกผิดปกติการถ่ายเทของเสียก็จะทำได้ไม่ดี ทำให้มีของเสียคั่งอยู่ในตัวของหนู และอาจทำให้หนูต้องจากแม่ไปตั้งแต่อยู่ในท้องก็ได้ แต่สิ่งที่อาจจะช่วยให้แม่สังเกตเห็นความผิดปกติของรกได้ ก็คือการตรวจอัลตร้าซาวนด์จ้ะ

          รกเสื่อม กรณีนี้ขนาดของรกจะปกติ แต่พอนานไปจะเกิดความเสื่อม อาการก็จะมีตั้งแต่เป็นรูพรุน เนื้อรกจะแหว่งหายไปหมดคล้ายเนยแข็งที่ถูกหนูแทะ แล้วก็ถูกย่อยสลายไป

         สาเหตุของการเสื่อมอาจเกิดจาก มีโรคแทรกซ้อนบางอย่างที่ทำให้มีหินปูนหรือมีแคลเซียมมาเกาะที่รก ทำให้สารอาหารและออกซิเจนซึมผ่านได้ไม่ดีอย่างปกติ ในที่สุดก็จะกลายเป็นรกเสื่อม ส่วนใหญ่จะพบในแม่ที่อายุมาก ซึ่งเนื้อเยื่อจะเสื่อมเร็ว คือแทนที่อายุการใช้งานของรกจะเป็น 40 สัปดาห์แล้วคลอดออกมา กลายเป็นแค่ 36 สัปดาห์รกก็เริ่มพรุนแล้ว หรือหากแม่มีอาการครรภ์เป็นพิษ หรือเป็นโรคบางอย่าง เช่น เบาหวาน โรคที่เกี่ยวกับเส้นเลือดก็อาจทำให้เกิดรกเสื่อมได้

         แต่แม่สามารถสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ได้จากการอัลตราซาวนด์ และถ้าคุณหมอตรวจพบว่าหนูเริ่มมีสุขภาพไม่ดี ก็อาจจะให้แม่คลอดหนูก่อนกำหนดจ้ะ

          รกพันคอ หรือเรียกให้ถูกก็คือสายสะดือพันคอ เพราะความจริงแล้วรกไม่สามารถมาพันคอหนูได้หรอกจ้ะแม่จ๋า แต่สิ่งที่อาจจะมาพันคอหนูได้ก็คือสายสะดือของหนูเอง ถ้าจะเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพชัด ในระหว่างที่หนูอยู่ในท้องแม่ หนูก็จะลอยไปลอยมาอยู่ในมดลูกเหมือนกับมนุษย์อวกาศ มีสายสะดือคอยลำเลียงออกซิเจนและอาหารจากรกซึ่งติดอยู่กับผนังมดลูก และการที่หนูลอยไปลอยมานี่เอง ที่ทำให้สายสะดือของหนูสามารถม้วนไปม้วนมาจนพันคอหนูได้

         รู้แบบนี้แล้ว ต้องหมั่นคอยสังเกตถึงความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นกับรกด้วยนะคะ และอย่าลืมไปพบคุณหมอตามนัดทุกครั้ง





ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แม่ท้องอย่าให้ รกป่วย อัปเดตล่าสุด 4 พฤษภาคม 2553 เวลา 15:03:13 1,903 อ่าน
TOP