x close

หนูน้อยช่างพูด

baby

หนูน้อยช่างพูด
(รักลูก)
โดย: สุภาวดี หาญเมธี

หมั่นพูดคุยกับลูกเพื่อให้ลูกเรียนรู้คำศัพท์และภาษา

            เพราะแม่เลี้ยงมากับมือ ไม่ได้เอาไปให้พี่เลี้ยงวัยรุ่นหรือคนข้างบ้านเลี้ยง อยู่กับแม่สองคนคุยกันกระหนุงกระหนิงตลอดเวลา ถ้าแม่ทำงานยุ่งเจ้าตัวเล็กก็เล่นของเล่นอยู่ข้าง ๆ สมองนึกสงสัยอะไรก็ถามแม่ขึ้นมา "คุณแม่ขา นี่อะไร.." คุณแม่ก็ชอบตอบ ถามกันไปตอบกันมาอย่างนี้อยู่ทั้งวัน พอแม่เลิกงานเจ้าตัวเล็กก็ถูกสอนให้เก็บของเล่นเข้ากล่อง บางวันแม่ไปดูงานที่โรงงานก็กระเตงกันไปด้วย ลูกก็ได้โอกาสเจอะเจอมีคนโน้นคนนี้มาทักทายบ้าง


            ยกเว้นบ่ายวันไหนแม่มีประชุม บางทีก็เอาลูกสาวไปฝากเลี้ยงที่เนิร์สเซอรีสัก 2 ชั่วโมง หรือไม่ก็ไปฝากอาม่าสักพัก สาวน้อยหน้าจีนที่ชื่อ"ยูจีน"วัยเกือบสองขวบ เลยพูดจ้อทั้งวัน แล้วก็ไม่โยเยกวนผู้ใหญ่ เพราะพ่อแม่ให้เวลาพอจนไม่ต้องเรียกร้องความสนใจเป็นพิเศษอีก ภาษาพูดของเจ้าหล่อนก็ร้ายเหลือ

            "ยูจีน จะไปเที่ยวที่ไหน" "ไปกุงเทพค่า" ....เสียง"ค่า" ชัดแจ๋วเลย

            "ถ้าป้าขอขึ้นรถไปด้วยได้ไหม" "ได้ค่า"

            "รถของปะป๊ะนี่จะนั่งได้อีกกี่คนเนี่ย" ป้ารำพึงอยู่ลำพัง ........"ฉองคน ฉามคนค่ะ"

            แน่ะ...ทำยังกับนับเลขได้งั้นแหละ แม่เขาก็สอนนับเลขอยู่หรอก นับหนึ่งไปถึงสิบแต่ไม่ยอมนับแปด ข้ามไปเก้าเสียหน้าตาเฉย จนแม่ต้องบอกว่า "ไม่นับแปด เดี๋ยวเลขแปดเขาน้อยใจนะ" เจ้าหล่อนจึงได้เห็นใจยอมนับแปดเข้าในสารบบ แต่จะรู้ความหมายของสองคนสามคนนั้น คงหาไม่ แต่ก็รู้จักพูด..

            สงสัยว่าแม่เขาทำอย่างไรลูกถึงพูดได้เร็วนัก ก็พบว่าแม่ของเขาใจเย็นกับลูก เวลาพูดจะค่อย ๆ พูดช้า ๆ ชัด ๆ และพูดโต้ตอบกันแบบให้เหตุผลเป็นเรื่องเป็นราว ถึงบางคราวสาวตาตี่จะไม่รู้เรื่อง แต่แม่ก็พยายามอธิบาย ไม่นิยมระบบดุด่าว่าตี แต่เจ้าหล่อนก็เรียนรู้ว่าอะไรที่แม่ยอมและไม่ยอมให้ นานๆเข้าเจ้าหล่อนก็คงซึมซับเข้าไป

            นอกจากพูดแล้วแม่ก็ไปทบทวนอาขยานมาท่องจนเจ้าหล่อนจับคำได้

            "โยกเยกเอย..."

            "แม่ไก่อยู่ในตะกร้า....."

            ก.เอ๋ย ก.ไก่ .................ฮ.นกฮูกตาโต๊....."

            แถมยังหาหนังสือมาอ่านให้ลูกฟังก่อนนอนเป็นประจำ ก่อนสองขวบ ยูจีนจึงพูดได้รู้เรื่อง มีคลังคำศัพท์เยอะ บอกความต้องการของตนเองได้ สื่อสารกับคนอื่นได้รู้เรื่อง แล้วก็ฟังคนอื่นพูดรู้เรื่อง ปะติดปะต่อได้ทีละเล็กละน้อย

            สมองของทารกในปีแรกนั้น เติบโตอย่างรวดเร็ว เห็นยังนอนแบเบาะ ได้แต่กลิ้งคว่ำหงาย คืบคลานแล้วก็ตั้งไข่อย่างช้าๆแบบนั้นน่ะ รู้ไหมคะว่าในสมองของเจ้าตัวน้อยประจุไฟฟ้าแล่นไม่ช้าเลยสักนิด วิ่งปรู๊ดปร๊าดไปทั่ว เซลล์ขยายกิ่งก้าน โตเอา ๆ ภายใน 3 ปีแรกของชีวิตเท่านั้น เซลล์สมองของเด็ก ๆ ก็พัฒนาไปได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดที่ควรมี

            เซลล์สมองพัฒนาเติบโตได้โดยผ่านการสัมผัส การพูดคุยของพ่อแม่ ได้ฟังเพลงกล่อมนอน ฟังนิทาน ฟังดนตรี ได้สัมผัสอ้อมกอดพ่อแม่ ได้จับโน่นคว้านี่ ได้มองเห็นสังเกตสิ่งรอบตัว ได้ลองจิบชิม แอบดูด...

            สามปีแรกนี่ ใครไม่ได้สังเกตลูก ไม่ได้ใกล้ชิด คอยจัดการเรียนรู้ให้เขา ไม่ได้พูดคุยสื่อสาร ปล่อยให้นอนตาลอยอยู่กับพี่เลี้ยง พ่อกับแม่กอดประทับรับขวัญเดี๋ยวเดียวตอนเข้าบ้าน จากนั้นส่งคืนพี่เลี้ยง..."พ่อกับแม่เหนื่อยจังเลยลูกจ๋า ขอพักก่อนนะลูก....???"

            ต่อให้กินนมผสมสารเร่งสมองขนาดไหนก็ไม่ได้ลูกสมองดีหรอก แล้วก็ไม่ได้ลูกสุขภาพจิตดีด้วย เจ้าตัวเล็กย่อมวิเวกวิเหวโหว หัวใจเป็นรูโหว่ตั้งแต่เล็ก ๆ

            นักวิชาการวิจัยออกมาแล้วว่า เด็กที่พ่อแม่หมั่นพูดด้วยจะรู้คำศัพท์มาก เด็กที่รู้คำศัพท์มาก จะเป็นคนอ่านหนังสือเก่ง คนอ่านหนังสือเก่งต้องเป็นคนฉลาดและมีความรู้ดีแน่

            เลยสามขวบไปแล้วโดยไม่ได้ใกล้ชิดกัน ไม่ได้ฝึกการพูด หรือเพิ่มคำศัพท์ ไม่ได้ฝึกฝนพัฒนา (อย่างเป็นธรรมชาติ ประสาแม่ ๆ ลูก ๆ ไม่ใช่เอาลูกฉองฉามขวบไปเข้าคอร์สเด็กปัญญาไวหรอกนะคะ) ต่อให้เอาเงินแสนใส่พานอุ้มลูกไปฝากเข้าโรงเรียนที่ว่าดีว่าดังได้ ผู้เชี่ยวชาญท่านก็รับรองว่า คุณครูจะชดเชยเสริมช่วงวัยทองอันควรได้ฝึกภาษาที่หายไปของน้องหนู หาได้ไม่..

            ความจริงไม่อยากไปใช้คำโฆษณาของมือถือยี่ห้อนั้นเลย แต่มันก็เป็นจริง...พูดกันมากขึ้น ฟังกันมากขึ้น และเข้าใจกันมากขึ้น....นั่นแหละใช้กับลูกตัวจิ๋ว ๆ ได้แน่ (ความจริงใช้ได้กับทุกวัยหรอก)

            เพียงแต่ต้องไม่ผ่านมือถือนะคะ ขืนมีวิถีชีวิตที่ต้องใช้มือถือสื่อสารกับเจ้าตัวเล็กละก็...ทำนายได้เลยค่ะว่า ไม่เพียงแต่ไม่ได้ลูกช่างพูด หากยังจะต้องเตรียมรับมือกับปัญหาไปอีกตลอดทาง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หนูน้อยช่างพูด อัปเดตล่าสุด 5 พฤษภาคม 2553 เวลา 15:03:44
TOP