รีวิวการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ของอดีตสาวที่โดนผู้ชายทิ้งเพราะหน้าปลวก ปัจจุบันฮึดเปลี่ยนตัวเองจนสวยเช้ง บอกเลยว่าสวยขึ้นจนจำแทบไม่ได้
อดีตสาวที่เคยชอกช้ำจากความรัก เพราะโดนผู้ชายบอกเลิกหลายต่อหลายครั้ง อันมาจากประเด็นสำคัญที่ว่าเธอหน้าปลวก หน้าตาไม่สวย เรื่องราวนี้จึงกลายเป็นแรงผลักดันให้คุณ 2793032 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมฮึดสู้ และกล้าที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยสิ่งแรกที่เธอได้เริ่มทำก็คือการดัดฟัน จากนั้นก็ได้พัฒนาตัวเองมาเรื่อย ๆ ทั้งทำเลเซอร์ เพิ่มน้ำหนักให้หุ่นสมส่วน รวมไปถึงเริ่มที่จะหัดแต่งหน้า แต่งตัว และดูแลตัวเองให้ดูดีขึ้น จนสุดท้ายไปจบลงที่การทำศัลยกรรมหน้าอกเพิ่มความมั่นใจ และด้วยความพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งหมดที่เธอได้มุ่งมั่นตั้งใจทำมา ทำให้ปัจจุบันเธอกลายเป็นผู้หญิงคนใหม่ที่ดูสวยเช้งสุด ๆ ชนิดที่เรียกว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้ แต่ทั้งนี้เธอก็ไม่เคยโทษใคร แถมยังรู้สึกขอบคุณเรื่องราวที่ผ่านมาเสียด้วยซ้ำ ที่มันกลายเป็นแรงบันดาลใจทำให้เธอสามารถเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้ในทุกวันนี้
ทั้งนี้สำหรับใครที่อยากจะติดตามและชมพัฒนาการความสวยของอดีตผู้หญิงหน้าปลวกฮึดเปลี่ยนแปลงตัวเองจนสวยเช้ง วันนี้กระปุกดอทคอมได้นำเรื่องราวของเธอมาให้ชมกันแล้ว จะเป็นอย่างไร รีบตามไปดูกันเลย...
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกเลยค่ะ คิดมาตลอดว่าจะแชร์เรื่องของตัวเองดีไหมมานานมาก เพราะเรื่องราวก็ไม่ได้น่าสนใจมากมายอะไร แต่คิดไปคิดมา ยังมีผู้หญิงหลายคนที่เคยมีประสบการณ์แบบนี้แน่นอน เลยอยากจะแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้กับหลาย ๆ คนนะคะ
เข้าเรื่องเลยแล้วกัน เราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีประสบการณ์ความรัก 3 เส้ามาตลอด ย้ำว่า ตลอด !! ไม่รู้ว่าสาเหตุอะไรกันแน่ค่ะ แต่คิดว่านี่คือสาเหตุหนึ่งแน่นอน นั่นคือ หน้าตา รูปร่าง นั่นเองค่ะ เดิมทีเราเป็นคนผอม ผอมมาก แต่โชคดีที่สูง แต่ความสูงนี่แหละค่ะ ทำให้ดูเป็นคนเก้งก้าง ผอมแห้ง นอกจากหุ่นแล้ว มาประเด็นหลักกันที่หน้าตาเลยค่ะ เป็นยังไงบ้าง ตามนี้เลยค่ะ
ฟันเหยิน
เหงือกเยอะ
ตัวดำ (แต่จริง ๆ ก็ไม่ถึงกับดำหรอกค่ะ แค่ผิวสองสี ออกแนวผิวเสียซะมากกว่า)
ตกกระ ใช่ค่ะ ตกกระ เราเป็นกระบนหน้าและตามตัวตั้งแต่จำความได้ ตอนเด็ก ๆ ไปโรงเรียนเพื่อน ๆ ชอบล้อว่าเราเป็นตัวประหลาด มีจุด ๆ บนใบหน้าเต็มไปหมด ฟันก็เหยิน เหงือกก็เยอะ (ภาพแก้วหน้าม้าออกมาเลย)
5555555555 ก็นั่นแหละค่ะ
พอโตเป็นสาว ก็เริ่มมีความรัก ซึ่งตอนนั้นไม่รู้อะไรเข้าสิง คิดว่าตัวเองสวยมาก 55555555 (ย้อนกลับไปอยากจะร้องไห้) แล้วตามนั้นแหละค่ะ อกหักสิคะ ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของกระทู้นี้ ด้วยความแค้นที่มีอยู่ทั้งหมด ทำไม ?? ฉันไม่สวยขนาดนั้นเลยหรอ (เออดิ) โอเค ฉันจะสวยให้ดู อย่างแรกเลยค่ะ ดัดฟัน....
เราดัดฟัน ใช้เวลาดัดประมาณ 4-5 ปี ถอนออกแค่ 3 ซี่ ไม่มีฟันคุดอะไรเลยค่ะ แค่ถอน 3 ซี่ (บน 2 ล่าง 1) และอุดฟันอีก 6-8 ซี่ แต่ที่ดัดนาน เพราะเราโดนปักหมุด หลายคนคงจะไม่เข้าใจคำว่าปักหมุดนะคะ ขออธิบายก่อนแล้วกัน ปักหมุด ก็คือ การใช้เหล็กอันเล็ก ๆ ลักษณะเหมือนหมุด ปักลงไปบนเหงือกค่ะ คาไว้แบบนั้น แล้วใช้ยางดึงหมุดที่ปักไว้ กับยางที่เราใส่นั่นแหละค่ะ หมอบอกว่า มันจะช่วยให้ดึงฟันบนขึ้นเพื่อให้เห็นเหงือกน้อยลง (ฟันเรามีลักษณะทับกันค่ะ ฟันบนทับฟันล่าง แล้วเป็นคนฟันเล็กด้วยค่ะ)
ปักหมุดอยู่ประมาณ 3 ปีได้ค่ะ พอถอดเหล็กออก ก็ทำให้ยิ้มเห็นเหงือกน้อยลง แต่มันยังเห็นอยู่พอสมควรค่ะ หมอเลยแนะนำให้ทำการเลเซอร์เหงือก (ใช้เลเซอร์ตัดนะคะ ไม่ใช่ผ่า) เลเซอร์เหงือก เป็นแผลอยู่ 2-3 วันเองค่ะ ไม่เจ็บอย่างที่คิดเท่าไรค่ะ สบายมาก หลักจากถอดเหล็ก ก็สวยขึ้นค่ะ
อ้อ ลืมบอกไปว่า ระหว่างที่ดัดฟัน ก็มีความรักนะคะ แต่ก็มีมือที่ 3 ที่สวยกว่าตลอดเลย อกหักอยู่ประมาณ 3 ครั้ง ในระยะเวลา 5 ปี แค้นสิคะ ฉันต้องสวย แล้วเทอจะต้องเสียดายฉัน คอยดูแล้วกัน !!!!
ระหว่างที่ดัดฟันด้วย ก็เพิ่มน้ำหนัก โดยใช้อาหารเสริมยี่ห้อหนึ่งค่ะ มีลักษณะเป็นโปรตีน ผสมนมแล้วเขย่า ๆๆๆ แล้วกินก่อนอาหาร กินอยู่ประมาณ 3-4 เดือน น้ำหนักขึ้น 5-6 กิโลกรัมเลยค่ะ ตอนนั้นเริ่มคิดว่า ไม่ได้ละ มันอ้วนไป
อย่าค่ะ อย่าเพิ่งด่าว่า นี่อ้วนแล้วเหรอ คือเราเป็นคนถ้าน้ำหนักขึ้นจะออกแก้มค่ะ แล้วข้ามไปที่พุง (ลงพุงเลยค่ะ แบบยื่นออกข้างหน้าเหมือนคนท้อง) แล้วไปที่ต้นขา และก้นเลย (ข้ามส่วนสำคัญของผู้หญิงไปอย่างน่าเสียดาย) ตอนนั้นก็เครียดนะคะ นมก็เล็กด้วย ไม่มีนมเลยก็ว่าได้ค่ะ ตอนนั้นประมาณ 30 เองค่ะ ใส่บราไซส์ 32 หลวมมากค่ะ 555555555
แล้วก็เริ่มหัดแต่งหน้าค่ะ โดยโมเมพาเพลินค่ะ ลองผิดลองถูกกับการแต่งหน้านานอยู่เหมือนกันค่ะ หลังจากพอเริ่มแต่งหน้าเป็น ก็ไปเลเซอร์ไฝที่หน้าค่ะ เรามีไฝที่หน้าอยู่ 3 เม็ด คือ หางตาขวา มุมปากขวา และใต้ริมฝีปากล่างค่ะ ตอนนั้นเลเซอร์ที่คลินิกหนึ่ง เม็ดละ 500 บาทค่ะ แล้วก็มีสักคิ้ว 3 มิติด้วย แต่ตอนนี้ มันก็ 2 ปีได้แล้ว มันก็จางลงไปเป็นเรื่องปกติ แล้วก็เริ่มทำเลเซอร์กระที่หน้าค่ะ เข้าคอร์สไป 10 ครั้ง ยิงแบบคิวสวิตช์ คือ แบบตกสะเก็ดเลยค่ะ หน้าจะตกสะเก็ดประมาณ 7 วันค่ะ แต่ทำเลเซอร์ไป 10 ครั้งแล้ว ก็ยังไม่หายขาด และยังไม่หมด ยังคงมีที่ใบหน้าอยู่ แต่น้อยลงกว่าเดิมเยอะมากค่ะ
หลังจากที่โดนทิ้งอยู่เรื่อย ๆ ก็เอาความแค้นที่มีอยู่มาพัฒนาตัวเองทีละอย่างเท่าที่จะทำได้ค่ะ ก็เริ่มลดความอ้วน (ใช้คำว่าลดพุงดีกว่า) เริ่มออกกำลังกายบ้าง ช่วงหนึ่งเราไม่สบาย ตรวจเลือด เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็น พาหะธารัสซีเมีย (โลหิตจาง) ตอนนั้นพอรู้ว่าตัวเองเป็น ทำใจไม่ได้ค่ะ ร้องไห้หนักมาก ขออธิบายก่อนนะคะ บางคนจะไม่เข้าใจว่า แค่เลือดจาง มันก็ไม่เห็นต้องเสียใจอะไรขนาดนั้น ก็จริงค่ะ แต่ตอนนั้นเรามีความฝัน อยากทำงานอาชีพหนึ่งค่ะ อยากได้เงินมาซื้อบ้านให้พ่อแม่กับน้อง ๆ อยู่ อยากให้พ่อแม่สบาย แต่อาชีพนี้เขาไม่ค่อยรับหรือบางที่ก็ไม่รับพนักงานที่เป็นโรคนี้ หรือเป็นพาหะของโรคนี้เลย เนื่องจากการทำงานมีผลกับเลือด และความดันค่ะ และโรคนี้มันมีผลกับการมีลูกด้วยค่ะ ส่งผลให้สุขภาพร่างกายเราไม่แข็งแรงเหมือนคนอื่น อ่อนแอ เพลียง่าย ไม่สบายง่าย ติดเชื้อง่ายกว่าคนอื่น
พอเรารู้ว่าเราเป็นพาหะธาลัสซีเมีย เราเสียใจมาก รู้ว่าตัวเองเป็นได้แค่วันเดียว (ไม่ถึง 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ) เราก็โดนผู้ชายบอกเลิกกะทันหัน ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา มีทั้งบอกว่า เรานิสัยไม่ดี (อันนี้ก็อาจจะจริงก็ได้มั้งคะ) แต่ทำไมต้องมาบอกเลิกตอนที่ฉันป่วย (ตอนนั้นเป็นหลายอย่างค่ะ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลด้วย) หลายเหตุผลมาก จนเหตุผลสุดท้ายที่ฟังทำให้เราจำใส่สมองมาทุกวันนี้ เขาให้เหตุผลว่า เราเป็นพาหะธาลัสซีเมีย ซึ่งเขาก็เป็นพาหะเหมือนกัน อย่าคบกันต่อเลย มันเสียเวลา !!!!!!!!!! ตึงงงงงงงง เราเสียใจมาก มาก ๆ เลยค่ะ หลังจากนั้นไม่ถึงเดือน เขาก็มีคนใหม่ !!!!!!!!! มันทำให้เราเข้าใจคำว่า เราจะรู้ว่าใครรักเราจริง ตอนที่เราเจอเรื่องหนัก ๆ รู้เลยค่ะ รู้ชัดแจ้งมาก อีกเหตุผล เราก็คิดว่า ปล่อยเขาไปเถอะ เขาน่าจะมีอนาคตที่ดีแน่นอน เขาคงเดินได้ไกลกว่านี้ ซึ่งเราจะขอผ่านรายละเอียดตรงนี้ไปนะคะ ไม่อยากกล่าวถึง ไม่อยากมีประเด็นอะไรกันอีก ข้ามไปนะคะ
พอหลังจากนั้นค่ะ เราก็ใช้เวลาจมกับน้ำตาหลายเดือนอยู่ค่ะ ตัดผมเลยค่ะ จากผมยาวเลยกลางหลังไป เหลือแค่ระดับคางเลยค่ะ จะคิดสั้นก็เคย แต่ด้วยความรักของพ่อและครอบครัวเลยผ่านมาได้ ฮึดสู้อีกรอบ คิดว่าหนักกว่านี้เราก็ผ่านมาได้ แค่นี้เราก็ต้องผ่านได้ เสียใจหนักมาก คิดอะไรไม่ออก ขับรถจากย่านคลองตัน ไปตัดผมที่ดอนเมือง ตอนเวลา 4 ทุ่ม ซึ่งวันนั้นประกาศเคอร์ฟิวด้วย
ลืมเล่าอีกเรื่องค่ะ ช่วงที่ดัดฟันอยู่ เรามีความรักค่ะ ถึงขั้นจะแต่งงานกัน แต่อยู่ ๆ ผู้ชายก็ไปทำผู้หญิงอีกคนท้อง (น่าเศร้ามาก) เลยต้องจบกันไปแบบงง ๆ ช็อก ๆ จากนั้นเราหันมาออกกำลังกายค่ะ ตอนนั้นหมอแนะนำให้เล่นโยคะฟลาย เพราะกีฬาประเภทนี้จะปรับสมดุลในร่างกาย โดยเฉพาะส่วนของสมองได้ดีที่สุดค่ะ (จริง ๆ ก็เพิ่งรู้จากหมอว่าเราเป็นหลายอย่างมาก) เรามาเล่นโยคะฟลายได้แค่เดือนเดียวค่ะ กลับไปหาหมอตามนัด ตรวจเลือด ค่าความเข้มเลือดขึ้น จาก 9.8 เป็น 12.5 ภายใน 1 เดือน เท่านั้นเองค่ะ นอกจากความเข้มของเลือดจะขึ้น ทำให้เราหุ่นดีด้วย เอวกลับมาเล็กเหมือนเดิม สุขภาพดีกว่าเดิม
หลังจากที่หุ่นกลับมาดีแล้ว ก็เริ่มบำรุงผิวค่ะ เดิมแล้วเราเป็นผู้หญิงขี้เกียจทาครีม เราไม่เคยทาครีมกันแดด ไม่เคยทาครีมบำรุงก่อนนอน หรืออะไรทั้งนั้น เลยทำให้กระที่หน้าเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ก็กลับมาทาครีมกันแดด เลือกใช้ครีมที่แก้ไขปัญหาหน้าโดยเฉพาะ กินอาหารเสริมด้วย เครื่องสำอางก็เลือกของที่ดี ๆ กลัวแพ้ค่ะ
ล่าสุดกับการศัลยกรรมค่ะ
ด้วยความที่เรามีจุดด้อย เราก็พยายามลบจุดด้อยนั้นออกค่ะ เราเคยสาบานไว้ว่า ถ้าชาตินี้ไม่ได้ทำหน้าอก จะไม่ยอมตาย 555555555 ก็เลยไปทำหน้าอกค่ะ เราไม่รู้ว่าต้องทำขนาดกี่ cc เพราะเราไม่รู้ว่าใส่เท่าไรจะออกมาไซส์อะไร เราเดาขนาดไม่ถูก (ก็คนหน้าอกเล็กอะ มันอธิบายไม่ถูก) ก็ไปจัดมาสิคะ รออะไร จัดมา 410 cc เลยค่ะคุณ สมใจเลยค่ะ (เราว่ามันใหญ่ไป) แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าต้องใส่บราไซส์ไหน เพราะเราใส่สปอร์ตบราค่ะ ใส่สบายดี อีกอย่างเคยซื้อแบบไซส์ 36 c มาใส่ แต่ก็ใส่ไม่ได้ ก็เลยไม่ใส่เลยค่ะ อันนี้รูปล่าสุดนะคะ
เราอยากบอกกับเพื่อน ๆ ผู้หญิงหรือผู้ชายที่อกหัก หรือท้อแท้อะไรในชีวิตค่ะ อย่าหยุดอยู่กับที่ค่ะ ไม่ว่าจะเจออะไร เราต้องก้าวขาเดินต่อไปค่ะ แล้วต้องมั่นใจว่า เราจะทำให้มันดีกว่าเดิม คิดซะว่าที่ผ่านมาในชีวิตมันเป็นประสบการณ์ดี ๆ ที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลง เป็นตัวผลักดันเราให้ดีขึ้นกว่าเดิม อย่าอยู่กับที่นะคะ เราต้องพัฒนา ไม่ว่าจะพัฒนาในเรื่องอะไรก็แล้วแต่ แต่เราต้องพัฒนาค่ะ ถ้าเราไม่เจอความผิดหวัง เราคงไม่ได้ยืนอยู่ในจุดที่ดีที่สุดในชีวิตแบบนี้แน่นอนค่ะ แต่ละคนมีชีวิตและประสบการณ์ที่ต่างกัน แต่เรามั่นใจว่า เราทุกคนก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือประสบความสำเร็จในชีวิต ท้อเมื่อไร แพ้เมื่อไร ยอมเมื่อไร คำว่าสำเร็จมันจะออกจากตัวคุณไปไกลเรื่อย ๆ นะคะ
ไม่จำเป็นต้องทำศัลยกรรมอะไรมากมายค่ะ เราก็ทำเท่าที่เล่าให้ฟังแค่นั้น แต่เราเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ที่ใจค่ะ ใจเท่านั้นที่ทำให้ทุกอย่างมันดูดีขึ้น ลุกขึ้นมาแต่งตัว ลุกขึ้นมาดูแลตัวเองนะคะ มันส่งผลดีกับตัวคุณเองทั้งนั้นค่ะ ทั้งทางใจและทางกาย รวมทั้งทางสังคมด้วย จริง ๆ นะ
ถึงแม้ว่าเราจะเจอประสบการณ์ชีวิตในเรื่องของความรักที่แย่มาตลอดก็ตาม แต่เราขอบคุณทุกคนที่ทำเรื่องแย่ ๆ กับเรา ทำให้เราผลักตัวเองขึ้นมาได้ขนาดนี้ เราขอบคุณมาก แรก ๆ เราแค้นทุกคน เราสัญญากับตัวเองไว้ว่า วันหนึ่งเราต้องทำให้พวกคุณที่ทำให้เราเจ็บเสียดายเราบ้าง วันนี้เราพอใจแล้ว เราไม่เคยเอาความแค้นไปทำให้ใครเดือดร้อน เราเอาความแค้นมาใช้กับตัวเราแทน
ตอนนี้เราก็จะอายุ 30 แล้ว คิดว่าคงได้เวลาแต่งงานมีครอบครัวค่ะ อีก 2 เดือน เราจะเข้าประตูวิวาห์แล้วกับผู้ชายที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของเรามาตลอด ตั้งแต่เพิ่งดัดฟันใหม่ ๆ จนมีนมค่ะ
ขอให้เพื่อนทุกคนสู้นะคะ ให้ท่องไว้เสมอว่า คนที่เจอหนักกว่าเรา เขาก็ยังผ่านไปได้ เขาไม่ใช่ลมหายใจเราค่ะ พ่อแม่และครอบครัวเราต่างหากคือลมหายใจของเรา
ถือเป็นเรื่องราวดี ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถึงแม้ต้องผ่านความเจ็บช้ำมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้และได้นำความเสียใจนั้นมาเป็นแรงผลักดันให้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น จนทุกวันนี้เธอหน้าตาสวยขึ้น แถมกำลังจะมีอนาคตที่สดใส น่าภูมิใจและน่ายินดีกับเธอจริง ๆ เลยนะคะเนี่ย ^^
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ 2793032 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม