x close

อุทาหรณ์ ! หญิงทำดีท็อกซ์ถึงตาย แพทย์เตือนอย่าหลงเชื่อ ทำ 3 ครั้ง ขับถ่ายรวน




ดีท็อกซ์

          แชร์อุทาหรณ์หญิงทำดีท็อกซ์ถึงตาย แพทย์เตือนอย่าหลงเชื่อ ทำ 3 ครั้ง ขับถ่ายรวน บอกทัวร์ดีท็อกซ์เป็นเรื่องสิ้นเปลือง ชี้อาจเสพติดและขับถ่ายเองไม่ได้

          เป็นอุทาหรณ์ที่แชร์ทั่วเฟซบุ๊ก จากกรณีที่หญิงสาวคนหนึ่งเสียชีวิตหลังจากไปล้างพิษ หรือดีท็อกซ์ ที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง โดยข้อความระบุว่า วิธีการดีท็อกซ์ก็คือให้กินแต่ผลไม้ น้ำมะพร้าว และใบย่านางเท่านั้น ซึ่งหญิงคนดังกล่าวไปทำประมาณ 2-3 วัน หลังจากนั้นเมื่อขับรถกลับบ้านก็เกิดอาการปวดหัวและเจ็บหน้าอก จึงได้โทรไปถามแม่ชีที่สถานปฏิบัติธรรม ซึ่งทางนั้นแจ้งว่าคืออาการที่ดีที่ร่างกายเริ่มขับพิษออกมา แล้วให้ใช้ผ้าร้อนและเย็นสลับประคบที่หน้าอก ส่วนศีรษะให้เอาน้ำรด

ดีท็อกซ์
          แต่ทว่าหลังจากทำตาม ตื่นเช้าก็ยังมีอาการดังกล่าวอยู่ ก่อนที่จะบ่นหิว ทางญาติก็จะหาอะไรให้กิน แต่เนื่องด้วยเชื่อว่าหลังจากการล้างพิษห้ามทานอะไร จึงร้องขอแต่น้ำมะพร้าว สุดท้ายญาติหันไปดูอีกทีก็พบว่าชัก จึงช่วยกันปั๊มหัวใจและเรียกรถพยาบาล แต่ไม่ทัน เสียชีวิตระหว่างทาง ทางผู้โพสต์จึงอยากจะวอนกระทรวงสาธารณสุขให้ตรวจสอบเกี่ยวกับกรณีนี้ เพราะเกรงว่าจะมีผู้หลงเชื่อและเสียชีวิตไปมากกว่านี้

          อย่างไรก็ดี ล่าสุดวันที่ 21 มีนาคม 2559 ทางด้าน ศ. นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา ประธานคณะอนุกรรมการวิชาการ ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การล้างพิษลำไส้ หรือดีท็อกซ์ เป็นศาสตร์หนึ่งของแพทย์ทางเลือก ซึ่งตอนนี้กำลังกลายเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย มีเงินหมุนเวียนในระบบมากกว่าพันล้านบาท โดยปัจจุบันศูนย์ล้างพิษลำไส้มีกว่า 7 พันแห่งทั่วประเทศเลยทีเดียว และมีจัดทำเป็นแพ็กเกจท่องเที่ยวแบบค้างคืนและบริการล้างพิษไปในตัว หรือที่เรียกว่า ทัวร์ดีท็อกซ์

          ศ. นพ.ปิยะมิตร กล่าวว่า แม้วิธีการดังกล่าวไม่ใช่เรื่องผิด แต่การโหมโฆษณามาก ๆ อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด รวมทั้งวิธีการรักษาที่เกินความจำเป็น ซึ่งการสวนล้างลำไส้มักเป็นการสวนให้อุจจาระออกมาครั้งละมาก ๆ เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการเกิดความรู้สึกว่าลำไส้สะอาด แต่จริง ๆ แล้ว การสวนลำไส้บ่อย ๆ จะทำให้ลำไส้เกิดการบีบรัดตัวมากขึ้น หากรุนแรงก็เสี่ยงลำไส้ทะลุได้ ซึ่งพบได้ประมาณ 1 ใน 4,000 ราย และการล้างลำไส้บ่อย ๆ ยังทำให้สูญเสียแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะแบคทีเรียชนิดดีที่มีความจำเป็นกับระบบขับถ่ายและร่างกาย และหากต้องการล้างพิษเอง เพียงทานผักและผลไม้ที่มีเส้นใย เพราะเส้นใยอาหารจะช่วยในการขับถ่าย นี่คือวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

          พร้อมกันนี้ ศ. นพ.ปิยะมิตร กล่าวว่า การล้างพิษลำไส้ หากทำไปประมาณ 3 ครั้ง ก็จะรู้สึกติดในวิธีดังกล่าว เพราะทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น แต่จริง ๆ แล้วเป็นการกระตุ้นด้วยวิธีที่ไม่เป็นธรรมชาติ ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับถ่ายได้เอง และต้องอาศัยการทำดีท็อกซ์ตลอดไป ซึ่งก็ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อชีวิต จึงต้องมีการควบคุมให้ใช้ศาสตร์การแพทย์ทางเลือกอย่างถูกต้องและไม่โฆษณาเกินจริง นอกจากนี้ยังพบโฆษณาล้างพิษตับอีก ซึ่งไม่มีหลักฐานทางวิชาการว่า สามารถล้างพิษตับได้จริง ๆ เพราะจากการพิจารณาวิธีที่โฆษณาพบว่าสิ่งที่ใช้ในการล้างพิษคือน้ำมันมะกอกกับดีเกลือ ซึ่งดีเกลือนั้นมีคุณสมบัติช่วยในการขับถ่าย ส่วนน้ำมันมะกอกเมื่อกินเข้าไป ร่างกายดูดซึมไม่ทัน ก็จะขับถ่ายปนกับอุจจาระ จึงทำให้ผู้ดีท็อกซ์คิดว่า เป็นการล้างพิษตับได้ตามที่โฆษณา ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าสิ้นเปลือง

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อุทาหรณ์ ! หญิงทำดีท็อกซ์ถึงตาย แพทย์เตือนอย่าหลงเชื่อ ทำ 3 ครั้ง ขับถ่ายรวน อัปเดตล่าสุด 22 มีนาคม 2559 เวลา 17:01:56 37,688 อ่าน
TOP