x close

กลิ่น...ทักษะช่วยเบบี๋รู้จักโลก

baby

กลิ่น...ทักษะช่วยเบบี๋รู้จักโลก
(modernmom)
โดย: นีน่า

            ถ้าเราเรียนรู้เรื่องประสาทสัมผัสในการได้กลิ่นของลูก จะช่วยลูกให้พัฒนาประสาทสัมผัสนี้ให้ดีขึ้น และเราเองก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ค่ะ

เรียนรู้โลกผ่านกลิ่นที่สัมผัส

            ทารกนี่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแยกแยะกลิ่นค่ะ เมื่อได้กลิ่นแปลก ๆ เช่น กลิ่นอาหาร กลิ่นสารเคมีต่าง ๆ ที่ใช้ในบ้าน หากเป็นกลิ่นที่ไม่คุ้นเคย หรือไม่ชอบ ทารกจะตอบสนองต่อกลิ่นนั้นด้วยการ ร้องไห้โยเย แต่ถ้าได้กลิ่นที่ชอบหรือกลิ่นที่คุ้นเคยก็จะสงบอารมณ์ดี เป็นต้น

            ถ้าเทียบกับผู้ใหญ่ ทารกสามารถรับรู้เรื่องกลิ่นได้ดีกว่า เพราะว่าประสาทสัมผัสการรับกลิ่น จะพัฒนาขึ้นมาก่อนเรื่องการมองเห็นเสียอีก แต่ระหว่างที่โตเป็นผู้ใหญ่ ประสาทสัมผัสเรื่องกลิ่นกลับลดประสิทธิภาพลง เรื่อย ๆ ซึ่งคงเกิดจากการที่ประสาทสัมผัสด้านอื่น ๆ พัฒนาขึ้นมา จนเรียกร้องความสนใจไปจากประสาทสัมผัสเรื่องกลิ่นนั่นเอง ดังนั้นสำหรับทารกแรกเกิด การใช้ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นเพื่อเรียนรู้โลก รอบตัวจึงมีมากกว่าผู้ใหญ่ แทบจะเรียกได้ว่าหนูเรียนรู้จักโลกผ่านการได้กลิ่นต่าง ๆ นั่นเอง

สัมผัสกลิ่นได้ตั้งแต่ในท้อง

            ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เบบี๋เขาก็สามารถรับสัมผัสเรื่องกลิ่นได้ โดยทารกจะสามารถใช้จมูกในการรับกลิ่นได้ตั้งแต่ตอนอายุครรภ์แค่ 6 เดือนค่ะ ไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะว่าจะเป็นไปได้ แต่เป็นไปได้ค่ะ ทารกอาจจะได้กลิ่นกาแฟที่เราต้มตอนเช้า สัมผัสถึงความอ่อนล้าจากกลิ่นเหงื่อของแม่

            แล้วเรารู้ได้ยังไงน่ะเหรอคะว่าเด็กในท้องได้กลิ่น ในต่างประเทศมีการศึกษาเด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนดตอนอายุครรภ์ประมาณ 30 สัปดาห์ พบว่าทารกจะตอบสนองต่อกลิ่นเดิม ๆ ได้ ดังนั้นจึงเชื่อว่า ทารกในครรภ์ที่มีอายุครรภ์เท่ากับเด็กที่คลอดก่อนกำหนด จึงน่าจะมีความสามารถในการสัมผัสกลิ่นได้ นั่นก็หมายความว่าวิถีชีวิตของแม่ ไม่ว่าจะกินอะไร ได้กลิ่นอะไรสามารถส่งผ่านไปถึงโลกลี้ลับของทารกน้อยในครรภ์ได้ เพราะว่าระบบอวัยวะสำหรับดมกลิ่นได้พัฒนาขึ้นมาแล้ว และสมองส่วนที่รับสัมผัสเรื่องการดมกลิ่นนี้ ก็มีความอ่อนไหวมากกับการรับรู้ ประสบการณ์ครั้งแรก ดังนั้นกลิ่นแรก ๆ ที่ลูกในท้อง มีโอกาสได้สัมผัสจึงมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประสาทสัมผัสในการแยก แยะเรื่องกลิ่นของลูกต่อไปเมื่อหนูน้อยคลอดออกมาลืมตาดูโลกค่ะ

แม่หลงไหลกลิ่นลูก

            คุณแม่หลายคนยอมรับว่าชอบดมกลิ่นของลูกน้อยวัยแรกเกิดมาก ๆ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่า การที่กลิ่นของลูกทำให้คุณแม่หลงไหลได้ เพราะว่ากลิ่นตัวของทารกนี้ ก็เกิดมาจากสิ่งที่คุณแม่ปฏิบัติตัวทุกอย่างในตอนตั้งครรภ์นั่นเอง สิ่งที่คุณแม่กิน กลิ่นที่คุณแม่สัมผัสสามารถส่งผ่านถึงลูกในท้อง ดังนั้นกลิ่นของทารกแรกเกิดจึงเป็นกลิ่นที่คุณแม่คุ้นเคยมาก ๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คุณแม่จะชอบกลิ่นของลูก ซึ่งเมื่อลูกโตขึ้นเริ่มกินอาหาร มีการเผาผลาญ และฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง กลิ่นร่างกายของลูกก็จะเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นแนะนำว่าขอให้คุณแม่ชื่นชมกับกลิ่นของลูกน้อยให้พอใจ เพราะกลิ่นแบบนี้มันจะคงอยู่ไม่นานหรอกค่ะ

ทารกน้อยกับจมูกที่ทำงานหนัก

            มีหลักฐานจากการศึกษาหลายชิ้นที่ยืนยันว่า ประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นของลูกน้อยวัยทารก ช่วยให้ลูกปรับตัวให้เข้ากับสิ่ง แวดล้อมภายนอกครรภ์คุณแม่หลังจากที่เกิดมาลืมตาดูโลก ทารกจะค่อยๆ ทำความคุ้นเคยกับกลิ่นที่ได้สัมผัสบ่อย ๆ เช่น กลิ่นคุณแม่ หรือกลิ่นนม การได้สัมผัสกับกลิ่นที่คุ้นเคยเรื่อย ๆ จะทำให้ลูกปรับตัวเข้ากับสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

            และทารกนี่เขาเก่ง นะคะ สามารถแยกแยะกลิ่นชนิดต่าง ๆ ได้มากมาย เราจะสังเกตได้จากสีหน้าของลูกที่เปลี่ยนไป หรือลูกจะตื่นตัวขึ้นมาทันทีที่เราให้ลูกดมกลิ่นแปลก ๆ

            ยิ่งกว่านั้น การเรียนรู้ของทารกเกิดจากการที่แกได้กลิ่นซึ่งแตกต่างเป็นสำคัญ มีผลการวิจัยที่แสดงว่าทารกแรกเกิดสามารถแยกแยะกลิ่นของตัวเองได้ และในเวลาไม่กี่วันที่เกิดมา จะสามารถจำกลิ่นเต้านมหรือกลิ่นใต้วงแขนของคุณ แม่ได้ แม้คุณแม่จะอยู่ไกลจากลูกหลายฟุต เก่งไหมคะลูกของเรา และหลังจากนั้นแม้กระทั่งกลิ่นคุณพ่อลูกก็อาจจะจำได้เหมือนกัน ถ้าคุณพ่อมีความใกล้ชิดกับลูกเพียงพอ

            นอกจากนี้กลิ่นต่าง ๆ ที่เกิดจากคุณแม่ ซึ่งใกล้ชิดกับลูกมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นเหงื่อ น้ำลาย กลิ่นน้ำนมจากเต้านม หรือกลิ่นน้ำมันที่ระเหยออกมาจากต่อมไร้ท่อต่าง ๆ ในร่างกายของคุณแม่ ล้วนเป็นกลิ่นที่ลูกน้อยสัมผัสได้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาที่คุณแม่ให้นมลูก การที่ลูกได้สัมผัสกับเต้านมของคุณแม่อย่างใกล้ชิด โดยไม่ผ่านเสื้อจึงทำให้ลูกรู้สึกมีความสุขสงบมาก

ใช้กลิ่นที่คุ้นเคยสยบลูกน้อย

            คุณแม่สามารถใช้ประโยชน์จากกลิ่นที่ลูกคุ้ยเคยและชื่นชอบได้ เช่น ถ้าลูกงอแงหงุดหงิดไม่ยอมนอนหลับ คุณแม่ใช้เสื้อที่คุณแม่ใส่แล้วมาผูกกับเปลใกล้ ๆ จมูกลูก กลิ่นที่คุ้นเคยจะช่วยให้ลูกสงบและหลับสบายมากขึ้นได้

            หรือผ้าที่ลูกชอบกัดหรือเอามากอดมาดมเสมอ เราอาจจะไม่จำเป็นต้องซักทุกครั้งบ่อย ๆ ถ้าไม่สกปรกมากนัก เราสามารถเก็บไว้ใช้เวลาที่ลูกงอแงเพื่อให้ลูกสงบจิตใจลงได้

            การที่ให้ลูกได้สัมผัสกับกลิ่นที่คุ้นเคย จะช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นใจและสงบสุข ส่วนการที่ให้ลูกได้ดมกลิ่นที่แปลกไปจากวิถีชีวิตปกติบ้าง จะช่วยให้ลูกได้บริหารประสาทสัมผัส เรื่องการดมกลิ่นให้พัฒนายิ่งขึ้น ดังนั้นถ้าคุณแม่ทราบพัฒนาการตรงนี้ของลูก และใช้ประโยชน์จากมัน ทั้งคุณแม่และลูกน้อยก็จะได้รับประโยชน์ไปพร้อมกันค่ะ

เล่นแบบไหนพัฒนาทักษะเรื่องกลิ่น

            ดมกลิ่นหอมของดอกไม้ นำเอาเบบี๋ของเราไปดมกลิ่นดอกไม้สด ลูกน้อยจะได้สัมผัสกับผิวสัมผัสที่อ่อนนุ่มของกลีบดอก และสัมผัสกลิ่นหอมของดอกไม้ แต่ขอเตือนว่าต้องแน่ใจว่าลูกไม่แพ้เกสรดอกไม้ และถ้าเป็นดอกไม้ในสวนที่ปลูกเองจะปลอดภัยกว่าค่ะ เพราะสมัยนี้ดอกไม้ส่วนใหญ่จะใช้ยาฆ่าแมลงเยอะ

            อโรมาแบบเบบี๋ เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท แล้วจุดเตาน้ำมันหอมระเหย ให้มีกลิ่นบาง ๆ อบอวลอยู่ในบ้าน ควรใช้กลิ่นที่เป็นกลิ่นสกัดจากธรรมชาติ เช่น กลิ่นส้ม ลาเวนเดอร์ กลิ่นกุหลาบ และไม่ควรใช้น้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นฉุนมากสำหรับเด็ก และไม่ควรจุดไว้นาน แค่จุดไว้แป๊บเดียวพอให้ลูกได้กลิ่น และจุดแค่วันละกลิ่นหรือสองกลิ่นก็พอแล้วค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กลิ่น...ทักษะช่วยเบบี๋รู้จักโลก อัปเดตล่าสุด 27 กรกฎาคม 2553 เวลา 14:54:46 2,123 อ่าน
TOP