ตุ๊กตุ่น รจเลข แถลงหัวใจ ชี้เป้ามือที่สามอยู่ลำปาง คุยกันพูดแค่ พี่ไปตกลงกันเอง

          ล่าสุด (1 กันยายน 2559) ตุ๊กตุ่น รจเลข ได้ออกมาเปิดเผยผ่านรายการ ไนน์เอ็นเตอร์เทน ว่า เมื่อวานเป็นวันเกิดอายุครบ 38 ปี แต่กลับเป็นวันที่ตั้มแถลงข่าว ซึ่งอาจจะมีประโยคพูดแล้วคนฟังก็สงสารตุ่น เช่น ความรักจืดจาง ซึ่งจริง ๆ แล้ว เมื่อวานเป็นวันเกิดของตนจริง แต่วันนั้นเป็นวันที่ GMM สะดวกที่จะแถลง และทาง GMM ก็มารู้ทีหลังว่าเป็นวันเกิดของตุ่น ส่วนตั้มเองอาจจะทราบอยู่ ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องที่แย่ แต่เราก็เห็นในหลาย ๆ มุมมอง ส่วนเรื่องคำพูดต่าง ๆ นั้น มันเป็นความรู้สึกของตั้ม ตนไม่สามารถไปเปลี่ยนได้ แค่คิดว่าน่าจะดีกว่านี้ ซึ่งก่อนหน้านี้นั้น ตั้มได้ส่งข้อความมาคล้ายกับที่ตั้มตอบ ตั้มบอกว่า ตุ่นน่าจะรู้ว่ารักของเรามันจืดจางลง และตนตอบตั้มกลับไปว่า ถ้ารักจืดจาง คงเป็นรักของตั้ม ไม่ใช่รักของตุ่น และหากจะจืดจาง คงเป็นระยะหลังมากกว่า

          เมื่อถามว่า ตุ่นเริ่มจับสังเกตได้ตอนไหน ตุ่นบอกว่า เรื่องนี้เกิดหลังจากที่คลอดแล้ว ตนเห็นหลายอย่างก็เริ่มเปลี่ยน แต่บางครั้งตนก็ไม่ทันได้สังเกต แต่มันก็มีสัญญาณเป็นระยะ ๆ เช่น ไม่ได้ไปไหนมาไหนกับเรา ไปไหนมาไหนกับเพื่อน ไปไหนมาไหนกับน้อง แต่ ณ ตอนนั้นเราไปพุ่งประเด็นกับเรื่องอื่น เช่น เรื่องเลี้ยงลูก เราเลยไม่ได้สนใจ

          นอกจากนี้ ตุ่นยังบอกว่า ช่วงที่ท้องนั้น ตนก็ไม่ค่อยได้ทำงาน ซึ่งโตโน่ก็ได้เข้ามาช่วยเหลือตั้ม เช่น พาตั้มไปขึ้นคอนเสิร์ต บอกว่าช่วยเหลือพ่อลูกอ่อน เป็นต้น

          เมื่อถามว่าตุ่นและตั้มมีปากเสียงกันไหม ตุ่นบอกว่า เรื่องปากเสียงก็มีบ้างเหมือนกัน แต่ที่ผ่านมาทุกครอบครัวอาจจะมีทะเลาะกันบ้าง แต่เราสามารถปรับความเข้าใจได้ แต่ว่าถ้ามันมีคนนั้นคนนี้มาแทรกก็ทำให้เราท้อใจ


          ถามว่าเรื่องอายุห่างกัน 11 ปีนั้น เข้ามาเป็นอุปสรรคกับความรักไหม ตุ๊กตุ่นบอกว่า เราเคยคุยกันก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เราไม่มีปัญหาอะไร แต่มาจนถึงวันนี้สำหรับตั้มน่าจะเป็นปัญหาหรือไม่ตนไม่ทราบ ตนเคยพูดเหมือนกันว่า ตนอยู่อย่างนี้ ตนเชื่อในพื้นฐานความรักมากกว่า ตอนที่คบกัน ตั้มเพิ่งอายุ 22 ส่วนตุ๊กตุ่นก็ 33 ปี สำหรับตุ่น ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาในชีวิตถ้าอายุไม่น้อยกว่าก็เท่ากัน ตอนที่รักกันก็แค่คิดว่าเข้ากันได้ รักกันได้

          นอกจากนี้ ตุ๊กตุ่นยังพูดถึงข้อดีของตั้มว่า ตั้งแต่ตอนที่เริ่มคบกันนั้นมี อาจจะมีบางอย่างที่สะดุดบ้าง ตอนที่มีลูกตุ๊กตุ่นก็ต้องดรอปงานลง ตั้มก็เข้ามาช่วย ซึ่งที่ผ่านมาตั้มเองก็เป็นคนดี แต่อย่างที่บอกว่าที่ผ่านมามันมีอะไรหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป

          ถามถึงเรื่องมือที่สามว่าตุ๊กตุ่นรู้ได้อย่างไร ตุ๊กตุ่นบอกว่า อย่าบอกว่าตนพยายามหาข้อมูลเลย จริง ๆ มีคนพยายามทำให้ตนรู้ข้อมูลมากกว่า เราเลี้ยงลูกปกติ แต่บังเอิญมีคนส่งภาพ หรือมีคนมาบอก ทำให้เราเช็กได้จากเช็กอินที่เดียวกัน และไปตามสืบจนเจอ

          ส่วนเรื่องที่ตั้มบอกว่า ตุ่นพูดว่า หากกลับมาแต่ตัวก็อย่ามาเลย ตุ่นบอกว่า สำหรับตนนั้นหมายความว่า ถ้าตั้มหมดรัก อย่ากลับมาดีกว่า เหมือนมาแต่ตัว มันไม่มีใจ ตนรู้สึกว่า เวลาตั้มตอบคำถาม วันนี้ตอบอย่าง พรุ่งนี้อีกอย่าง เหมือนตั้มสับสนว่าเขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร  บางอย่างที่ตั้มพูดเมื่อวาน มีบางอย่างที่ตนเคยได้ยินมาก่อน แต่บางครั้งก็เคยได้ยินว่าตั้มยังรักตุ่น เหมือนตั้มยังสับสน ไม่ใช่แค่ตั้มเองที่เลือกได้ ตุ่นก็เลือกได้

          หากตั้มกลับมาแล้ว ตุ่นจะยอมไหม ตุ่นบอกว่า ทุกอย่างต้องใช้เวลา การกระทำสำคัญกว่าคำพูด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เช่น เรื่องลูก อยากดูแลลูก ตั้มก็ควรทำให้ได้ ไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียว ตนยอมรับว่าเมื่อวานอ่อนแอ แต่วันนี้ดีขึ้น สำหรับตนลูกทำให้ตนคิดได้ หากลูกมีแม่ที่เข้มแข็ง ลูกก็จะมีความสุข แต่หากลูกมีแม่ที่เศร้า ลูกก็จะรับรู้ได้ โดยเฉพาะน้องเฌอตาร์ที่เริ่มรู้เรื่องแล้ว

          อย่างไรก็ตาม หากตั้มต้องการจะมาพบลูก ตนก็ไม่กีดกัน แต่ตอนนี้ตนยังไม่พร้อม ขอเวลารักษาตัวเองก่อน เพราะตนก็เจ็บ ตนไม่แน่ใจว่าถ้าเจอพ่อของลูกเล่นกับลูก ตนก็ไม่แน่ใจว่าตนจะเข้มแข็งมากพอ

          ส่วนที่ตั้มบอกว่า อยากจะขอลูกไปเลี้ยงด้วย ตุ่นบอกว่า ตุ่นไม่แบ่งลูกแน่นอน  ตนเชื่อว่าตนเลี้ยงลูกได้ดี ตนคบกับตั้มตั้งแต่ที่ตั้มยังไม่เป็นเดอะสตาร์ มีบางช่วงที่ตุ่นขายสมบัติเก่า หลังจากตั้งท้อง เพราะเป็นช่วงที่ตุ่นไม่มีรายได้ บางครั้งตั้มก็รอรายได้ เราก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวอยู่ได้ ซึ่งคบกันมาต่างฝ่ายต่างช่วย ตั้มเองไม่คิดเรื่องเงินจุกจิก ซึ่งก็เป็นข้อดีของตั้ม แต่มีบางครั้งที่คิดจุกจิกโดยเฉพาะระยะหลัง


          ถามว่าจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร ตุ๊กตุ่นตอบว่า ตอนนี้ตนกลับมาทำงานแล้ว และคงจะหาอะไรทำมากขึ้น ตนพยายามหาเงินเพื่อที่จะดูแลลูกต่อไปให้ได้ ตนไม่คิดว่าลูกจะต้องเรียนนานาชาติหรืออะไร เอาแค่ว่าเราไหว เพราะเรายังมีค่าใช้จ่าย จากแต่ก่อนมีช่วยกัน 2 คน ตอนนี้มีคนเดียว ตนต้องมาเป็นเสาหลักให้ที่บ้าน ตนรู้ว่าตั้มปรารถนาดีที่จะช่วย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ตนทราบว่าคงกระทบ ตั้มเองก็มีรายได้ที่กำลังจะมีมาในอนาคต ซึ่งตนก็รู้ว่าเขาก็พร้อมช่วยลูก เขาเองยังไม่เอ่ยว่าจะช่วยเหลือเท่าไร เพราะเรายังไม่ตกลงกันในเรื่องนั้น แต่หากเขาไม่มีงาน ตนก็ไม่รู้ว่าเขาจะช่วยลูกอย่างไร เขาก็คงมาช่วยดูแลลูกได้ และคงเป็นตนที่ดูคนเดียว

          ส่วนตัวเรื่องการทำพิธีกร ผู้ประกาศ ตุ่นบอกว่า ทุกวันนี้ตนยังมีงานบ้าง แต่อย่างที่บอกว่าช่วงตั้งครรภ์เราไม่ได้ทำงาน พวกงานจ๊อบต่าง ๆ ก็หายไป ซึ่งเราต้องพยายามกลับมาและทำให้ได้มากที่สุด

          นอกจากนี้ พิธีกรยังได้พูดย้อนว่า เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2558 เป็นวันที่ตั้มและตุ่นแต่งงานกัน และตั้มได้บอกว่า ตนไม่มีสินสอดให้ เพราะตนมอบชีวิตวัยรุ่นให้ตุ่นไปแล้ว ตุ่นบอกว่า ยังดีที่ไม่พูดเรื่องวันที่ 9 เดือน 9 เป็นวันที่ตั้มคุกเข่าขอแต่งงาน ตอนนั้นตั้มเพิ่งเรียนจบ ทำงานเป็นสตาฟ วันที่ 29 กันยายน 2558 เราแต่งงานกัน ตอนที่ตั้มเจอตุ่น ตั้มบอกว่าใช้ชีวิตวัยรุ่นพอแล้ว จากนั้นตนก็ให้อิสระกับตั้มทุกอย่าง ตั้มรู้ว่าตุ่นเป็นคนอย่างไร ตั้มจะมีเพื่อนหรืออะไร ตุ่นก็ให้อิสระตั้มเหมือนเดิม เพราะตุ่นพูดตลอดว่าเดี๋ยวอายุ 30 ก็เบื่อเที่ยวเองแหละ เดี๋ยวเหนื่อยเองแหละไม่เป็นไรหรอก เราให้ทุกอย่าง แต่เมื่อมาถึงวันนี้ เราไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่อย่างน้อยที่สุด ตนได้รับของขวัญที่มีค่ามากที่สุด คือ ลูก 2 คนที่เกิดจากความรัก

          พูดถึงเรื่องที่ตุ่นบอกว่า สังคมน่าจะให้ที่ตั้มยืนบ้าง ตุ่นบอกว่า ตุ่นไม่ได้โลกสวยหรือเป็นคนดี พูดเรื่องความโกรธก็มีบ้าง แต่ถ้าพูดตามเหตุและผล หากตั้มอยากดูแลลูก ตั้มก็ต้องพิสูจน์ หากตั้มไม่มีเงิน ตั้มก็พิสูจน์ไม่ได้ หากเขาไม่เหลือที่ยืนหรือเหลืองานเลย ก็คงใช้เงินไม่ได้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับว่าตนสงสารหรืออะไร

          ถามถึงเรื่องประเด็นเรื่องมือที่สามว่าตุ่นได้เจอไหม ตุ่นบอกว่า เราไม่ได้เจอ  เสียดายที่ไม่ได้เจอ เขาอยู่ต่างจังหวัด และลงมากรุงเทพฯ ในบางครั้ง เรื่องเห็นหน้านี่เห็นตามรูป แต่มีโอกาสได้คุยกับเขา โดยเราถามว่า คบกันเหรอ เขาก็ไม่ตอบ เขาบอกว่า พี่ไปคุยกันเองเถอะค่ะ พี่ไปตกลงกันเองเถอะค่ะ


          ถามว่าได้คุยกับจัเรื่องนี้ไม่ต้องถามอะไรแล้ว ตนทราบมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ครั้งแรกว่าจะไม่บอกอยู่แล้ว ตอนแรกก็พยายามฝืน แต่ฝืนไม่ได้ เราเลยทำให้เขารู้ว่าเราทราบ และทีนี้มีความคาดหวังว่าเขาจะปรับปรุง แต่เมื่อมันไม่เป็นอย่างนั้น เราก็ต้องยอมรับ

          ส่วนเรื่องที่ตุ่นเคยบอกว่า ตุ่นเองมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์นั้น ตุ่นบอกว่า ตนเติบโตมากับคุณแม่ ทั้งตุ่นและตั้มเราสองคนเกิดมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ แต่ก่อนหน้านั้นเราบอกว่าเราจะมาทำครอบครัวให้สมบูรณ์ ตั้มเองก็อยากมีลูกเพราะเขาชอบเด็ก เราจึงตัดสินใจมีลูกด้วยกัน เราอยากให้ครอบครัวมีความสุข เราไม่อยากให้เหมือนกับเราที่เป็น แม้ชีวิตวัยเด็กที่ไม่มีพ่อของตนจะไม่เลวร้าย แต่แค่ไม่สมบูรณ์เท่านั้นเอง

          ถามถึงเรื่องคุณแม่ ตุ่นบอกว่า คุณแม่อยู่ในเหตุการณ์ และรู้เรื่องมาตลอด คุณแม่มาช่วยเลี้ยงหลาน คุณแม่รู้อยู่แล้ว คุณแม่เสียใจมาก ตั้งแต่ที่ตุ่นคบตั้มนั้น คุณแม่ก็ไม่ค่อยเห็นด้วย แต่พอตั้มมาพูดว่าจะดูแลอย่างดี ตั้มไม่ต้องการอะไรเลย และตั้มพิสูจน์ให้เห็น ตอนตั้มเป็นเดอะสตาร์ ตั้มก็ดูแลตุ่น คุณแม่ก็ภาคภูมิใจ คุณแม่เองก็รักตั้ม ดูแลเรื่องต่าง ๆ การใช้ชีวิตร่วมกันมันคือส่วนหนึ่ง แม่ภูมิใจในตัวลูกเขย เอาไปพูดกับคนอื่น และตั้มเองก็เปิดเผยว่าเขามีลูกมีเมียและเปิดเผย แต่พอมา ณ วันที่มันมีปัญหา แต่ตั้มกลับมาพูดว่า สำหรับตั้ม ตั้มรักลูก แต่ไม่รักตุ่นแล้ว แม่ก็เลยถามว่า พูดแบบนี้ได้ยังไง นี่ลูกสาวเขานะ มันเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้เลย

          เรื่องรักจืดจาง ตุ่นบอกว่า ตนได้ยินมาแล้วครั้งหนึ่ง ร้องไห้หนักไปแล้วรอบหนึ่ง อย่างที่บอก วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน ส่วนการเริ่มต้นใหม่ จริง ๆ คนเราเจ็บแล้วต้องจำ ต้องเข้มแข็งเพื่อตัวเอง ตุ่นว่าต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เพราะพูดใคร ๆ ก็พูดได้ สำนึกผิด ถ้าเป็นแค่ลมปาก ก็เป็นแค่คำพูด รักหรือไม่รักแค่พูดออกมา เชื่อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ ทำอย่างไรที่จะพิสูจน์ตัวคุณเองได้ ตุ่นไม่ได้คาดหวังว่าตั้มจะมาขอโอกาส ไม่ว่าสถานะจะเปลี่ยนไปอย่างไรในอนาคต การกระทำจะพิสูจน์เองว่า จริง ๆ แล้ว ตั้มยังอยากจะอยู่ในสถานะไหน และอันนี้ต้องเคารพใจของตุ่นในสถานะไหน ตุ่นต้องกลับไปทบทวนตัวเองด้วย


          ถามว่าเสียดายเวลาไหม ตุ่นบอกว่า เวลาที่เสียไป มันไม่มีค่าเท่ากับเวลาในอนาคต เวลาที่จะเดินไปในอนาคตมันมีค่ากว่าอดีต ถึงอย่างไรแล้วทุกอย่างก็เป็นทางที่ตนเลือกเอง

          ส่วนเรื่องการฟ้องร้อง ตุ่นบอกว่า มีการพูดคุยกับทนายอยู่แล้ว เรื่องการดูแลลูก เพราะคิดว่าตั้มอาจจะไม่มีปัญหา นอกจากเรื่องที่ตั้มไม่มีงาน ซึ่งต้องดูอีกทีในรายละเอียด และให้เขาดูแลในส่วนของเขา ให้เขารับผิดชอบด้วย ให้ตนรับผิดชอบทั้งหมดคงไม่ใช่

          และสุดท้าย ตุ่นได้บอกว่า สาวที่เห็นในเฟซบุ๊กของตั้ม และมีคนโยงว่าคนนี้คือมือที่สาม จริง ๆ แล้ว ไม่ใช่ คนนั้นอาจจะแค่หน้าคล้าย ส่วนอีกคนที่ไปเดินซื้อของกับตั้มก็ไม่ใช่ จริง ๆ แล้วมือที่สามอยู่ลำปาง