x close

5 สัญญาณ ภาษากายบอกความนัยระหว่างสองเรา

ความรัก


5 สัญญาณ ภาษากายบอกความนัยระหว่างสองเรา (Lisa)

          "คำพูด" ไม่ได้มีแค่การออกเสียงเท่านั้นนะ สำหรับคนที่รักกัน การสวมกอด เมกเลิฟ การทะเลาะ หรือแม้แต่การกินอาหารนั้น สื่อความหมายให้แก่กันได้หลายอย่าง และนี่คือภาษากายที่แปลสถานการณ์ชีวิตรักของเราได้ หากเราสนใจที่จะเรียนรู้กันและกันให้มากขึ้น

สถานการณ์ที่ 1 จุมพิตทักทาย

          สัญญาณที่ดี : จุมพิตแผ่วเบาที่ประทับไว้นานขึ้นอีกสักนิดบนริมฝีปาก สื่อความหมายได้ชัดเจนว่า "มีความสุขจริงๆ เวลาอยู่กับคุณ อยากทำมากกว่านี้จัง" ภาษาที่ไม่มีเสียงอาจบ่งบอกอะไรได้เยอะกว่าที่คิด และการสวมกอดให้ความอบอุ่นแก่กันก็พาหัวใจมาอยู่ชิดกัน ช่วยฟูมฟักรักอีกทางหนึ่ง

          สัญญาณอันตราย : ริมฝีปากที่ปิดแน่น หลีกเลี่ยงความใกล้ชิดทุกประการ หรือการกอดกันแค่ไหล่แล้วเอาตัวออกห่างไม่ใช่วิสัยของคนรักกัน พอหน้าอกอยู่ห่างกัน หัวใจอยู่ห่างกันรักก็เฉาลงเรื่อยๆ ด้วย

          สัญญาณแห่งรัก : โอ.เค. ตอนนี้เราอาจมีเจ้าตัวน้อยคอยทำข้าวหกให้ตามเช็ด แต่การได้อยู่ร่วมกันในตอนเย็น ๆ นั้น สำคัญมาก และค่ำคืนที่สวยงามเริ่มต้นที่การต้อนรับกลับบ้าน การประทับริมฝีปากแบบขอไปทีจะบอกเขาว่า "ที่จูบนี่เพราะต้องทำหรอกนะ" ไม่เอาอย่างนั้นค่ะ สวมกอดและจูบเขาด้วย ความกระตือรือร้นในแบบเดียวกับที่เราดีใจเมื่อลูกๆ กลับบ้านดีกว่า สละเวลาจ้องตาเขาสักนิด แฝงความรักเข้าไปสักหน่อย ให้เขารู้ว่า "เรื่องอื่นเอาไว้ก่อน คุณกับฉันสำคัญที่สุด"

สถานการณ์ที่ 2 กินอาหารนอกบ้าน

          สัญญาณที่ดี : ลองนึกถึงเวลาที่กินอาหารในภัตตาคาร เรามักจะเห็นคู่รักเขาสร้างโลกส่วนตัวกันเสมอ นี่ก็เป็นอย่างเดียวกับที่บ้าน คู่ชีวิตที่รักหอมหวานมักจะนั่งเคียงข้างกันหรือนั่งที่มุมชิดกันเสมอ ทั้งสองมักจะอยู่ใกล้ไม่ห่างกันแม้ว่าเด็ก ๆ จะอยู่กันเต็มโต๊ะ และถ้าโต๊ะกินข้าวตัวเล็กๆ ต่อให้นั่งตรงข้ามกัน ก็ยังใกล้ชิดกันได้ และไม่ว่ามื้อนั้นจะวุ่นวายแค่ไหน ทั้งสองมักจะหาวิธีสื่อถึงกันได้ ไม่ว่าจะเป็นแค่ชำเลือง ยิ้ม หรือเลิกคิ้วน้อย ๆ ให้ดวงตาเป็นประกายบอกความรู้สึกดี ๆ ที่เรียกว่ารัก แต่ถ้าสบตากันแล้วคุณไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย เขาอาจจะรู้สึกแย่ โดยไม่รู้สาเหตุด้วยซ้ำนะ

          สัญญาณอันตราย : อย่างแรกเลยต้องดูความเร็วในการกิน คุณอาจนั่งด้วยกัน แต่ถ้าเขาเริ่มกินของหวานแล้วในขณะที่คุณยังไม่เสร็จกับออร์เดิร์ฟ ปัญหาก็คือคุณไม่ประสานใจกันเลย ไม่เป็นกระจกของกันและกันในแบบที่คู่รักแฮปปี้เขาทำกันอย่างที่สองก็คือตำแหน่งที่นั่ง สามี-ภรรยาที่นั่งหัว-ท้ายโต๊ะ อาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกกำลังแข่งกันอยู่ "รู้มั้ยว่าใครใหญ่" ที่นั่งของหนูน้อยก็สำคัญนะ ถ้าคุณนั่งกลางระหว่างลูกกับสามี นั่นหมายความว่าในมื้อนี้เขาจะเห็นด้านหลังของคุณเป็นส่วนใหญ่น่ะสิ

          สัญญาณแห่งรัก : เปลี่ยนบรรยากาศกินข้าวกับครอบครัวให้โรแมนติก โดยให้ลูกนั่งตรงกลางคุณจะได้มองสามีพร้อม ๆ กับป้อนข้าวลูกนาน ๆ ทีก็แอบส่งสายตาหรือโปรยยิ้มให้เขาบ้าง และทางที่ดีที่สุดนะ พอนั่งปุ๊บ ให้คอนเน็กต์กับเขาปั๊บ โดยการประคองใบหน้าเขาเอาไว้และบรรจงจูบเขาเบา ๆ ให้ไฟรักโรแมนติกลุกท่วมโต๊ะกินข้าวไปเลย

สถานการณ์ที่ 3 เมื่อเราไม่ลงรอย

          สัญญาณที่ดี : คนสองคนกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่เวลาคนรักกันทะเลาะกัน ภาษากายจะแตกต่างออกไปจากคนที่เกลียดกันมาก ๆ ทั้งคู่อาจจะเดือดดาลแต่ก็ยังใส่ใจและสนใจกันอยู่ ทั้งสองจะหันหน้าเข้าหากัน สบตากันบ่อยครั้ง สิ่งเหล่านี้สื่อว่า "ฉันจะไม่หนีไปไหนเพียง เพราะว่าเราทะเลาะกันหรอกนะ เรารักกัน ดังนั้น มาแก้ปัญหานี้กันเถอะ"

          สัญญาณอันตราย : ภาษากายบางท่าทางอาจบอกได้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น มันใหญ่กว่าที่เถียงกันอยู่ตอนนี้ ถ้าคุณสามียืนแยกเขี้ยวหรือขี้นิ้วมาที่คุณ (ต่อให้ไม่ถูกตัวเราก็เถอะ) สัญชาตญาณของเขาอาจกำลังข่มให้คุณต้องเป็นฝ่ายยอม และเมื่อเขาหันหน้าไปทางอื่น หรือทำหน้าเรียบเฉย มันบอกว่าเขาเลิกฟังคุณไปแล้วและก็หาทางหยุดคุย แต่นี่ยังไม่เลวร้ายพอ ยังมีกิริยาที่คู่ชีวิตไม่น่าทำอย่างถ้าเราเชิดหน้าและมองคนรักเหยียด ๆ ผ่านปลายจมูก หมายความว่าเขาต่ำต้อยกว่าเรา

          ในขณะที่การกลอกตาพร้อม ๆ กับกอดอกหมายถึง "ฉันจะไม่ฟังที่คุณพูดหรอกนะ คำพูดคุณ มันไม่มีค่า" ถ้าทำจมูกย่นก็คือ ทั้งหน้าและเสียงของเขามันช่างเน่าเหม็นสิ้นดี คุณอาจเถียงว่าไม่รู้ตัวเลยตอนที่ทำสีหน้าแบบนั้น แต่คู่ชีวิตของคุณสามารถอ่านออกได้ภายในวินาทีเดียว หรือบางทีสัญญาณที่เลวร้ายที่สุดคือการไม่มีสัญญาณอะไรเลย เมื่อคนรักไม่แสดงท่าทีว่าสนใจ ก็แปลว่าเขาไม่แคร์อีกต่อไป ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่มีทางจบลงด้วย

          สัญญาณแห่งรัก : ถ้าอยากยุติเรื่องยุ่ง ๆ ท่าทางของคุณต้องสื่อออกมาว่า "ฉันรักคุณ และก็ฟังอยู่ด้วย" เริ่มต้นด้วยการหายใจลึก ๆ สงบสติอารมณ์ จะได้แน่ใจว่าสิ่งที่สื่อออกไปจะถูกต้องอย่างที่คุณต้องการจริง ๆ ขั้นต่อไปให้แสดงไมตรีมากขึ้น หันหน้า เข้าหาคนรัก ลดแขนลง โน้มตัวเข้าไปหาเขาพร้อมกับลดศีรษะลงหน่อย เขาจะรู้สึกได้ว่าคุณฟังเขาอยู่จริง ๆ ในกรณีที่เขาไม่สนใจ ค่อย ๆ หันเหความสนใจจากเขามาหาคุณ สัมผัสแขน และจับมือเขาเบา ๆ จนกว่าจะหันมาสบตากัน นี่สำคัญมากเวลาที่เราหาข้อยุติ ปมจะไม่มีวันคลายจนว่าดวงตาจะพบกัน

          ถ้ากิริยาของเขารุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ให้สัมผัสแขนเขาเบา ๆ จ้องเข้าไปในดวงตาและพูดว่า "ฉันไม่อยากให้เราทะเลาะกันจริง ๆ นะ" ภาษากายของเรามีพลังมากค่ะ หนุ่มๆ หลายคนจะก้าวร้าวมากขึ้นเวลาที่รู้สึกเหมือนถูกขุ่มขู่ ความใจเย็นของคุณจะเป็นน้ำดับไฟ ช่วยให้เขารู้ว่าคุณก็ไม่สบายใจเหมือนกันนะที่ต้องทะเลาะกัน และคุณก็ยืนอยู่ข้างๆ เขาไม่ใช่ฝั่งตรงข้าม

สถานการณ์ที่ 4 ชิลล์ ๆ ดูทีวีหรืออ่านหนังสือ

          สัญญาณที่ดี : คนที่ใจตรงกัน แค่นั่งด้วยกันก็รู้สึกแล้วว่ารักกันโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ชิดกันเลยนะ คู่รักประเภทนี้ต่อให้นั่งบนโซฟาคนละด้านก็มักจะสื่อสารกันด้วยภาษากาย อย่างสบตากันบ่อย ๆ ท่านั่งโน้มเข้าหากัน หรือถ้าคนหนึ่งไขว่ห้าง อีกคนก็มักจะไขว่ห้างด้วยเท้าชี้เข้าหากัน จนกลายเป็นวงกลม (แห่งรัก) นี่เป็นเพราะคนรักมักจะเคลื่อนไหวในลักษณะสะท้อนภาพของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว แต่จิตใต้สำนึกมันฟ้องว่า "เราเป็นหนึ่งเดียวกัน"

          สัญญาณอันตราย : คู่ (ไม่) รักจะไม่มีความเชื่อมโยงกันส่วนนี้ ทั้งสองมักจะนั่งหันออกจากกัน พอถึงช่วงโฆษณาก็หาอย่างอื่นทำ หยิบอะไรมาอ่านหรือเปลี่ยนช่อง นี่คือสัญญาณอันตรายชัด ๆ

          สัญญาณแห่งรัก : ก่อนอื่นเลย มาสำรวจท่านั่งของคุณก่อน โน้มเอียงไปหาเขาบ้างมั้ย ถ้าเอนไปแล้วเขาเอนหนี ก็ลองรุกคืบดูอีกนิด ค่อย ๆ ยืดแขนไปหาเขาผ่านทางพนักพิง อีกวิธีหนึ่งซึ่งอาจฟังดูเด็ก ๆ ไปหน่อยแต่ได้ผลจริง ๆ ก็คือการ "เล่นจ๊ะเอ๋" อย่าได้ประเมินการละเล่นชนิดนี้ต่ำเป็นอันขาดนะคะ เพราะดวงตานั้นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สื่อสารกันด้วยความเข้าใจ เริ่มต้นด้วยการสร้างความคาดหวังให้เขา จากนั้น ก็เก็บกลับไป แล้วค่อยทำให้หัวใจพองโตอีกครั้ง นี่เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากสำหรับเด็กแบเบาะ เช่นเดียวกับผู้ชายตัวโต ๆ สักคน ลองแอบมองเขาผ่านหนังสือสักเล่ม พอคุณสามีหันมาก็แกล้งเอาหนังสือมาปิดไว้ จากนั้นก็ค่อย ๆ ลดหนังสือลงจนดวงตาประสานกันพอดี เชื่อเถอะ...คุณอ่านหนังสือไม่จบหรอกค่ะ

สถานการณ์ที่ 5 เรื่องบนเตียง

          สัญญาณที่ดี : สำหรับคู่สามี-ภรรยาที่รักกันดี เมกเลิฟก็คือเมกเลิฟ ไม่ใช่แค่เซ็กส์และเรื่องของเอาร่างกายมาสัมผัสกัน ในช่วงเวลาสุดพิเศษนี้ การสบตากันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าไม่เห็นตา ไม่เห็นใจ อย่างอื่นก็ไร้ความหมาย นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังทุ่มเท่ให้แก่กันและกันผ่านภาษากายที่บ่งบอกว่า "การที่คุณสัมผัสฉัน ทำให้ฉันมีความสุขเหลือเกิน" จริงอยู่ที่การพูดคุยว่าอีกฝ่ายชอบอะไรยังเป็นสิ่งจำเป็น แต่ร่างกายของคุณก็คุยกันได้ และจะเข้าใจกันเป็นอย่างดีอีกด้วย

          สัญญาณอันตราย : ถ้าคนรักของคุณปิดตาแน่นและเกร็งบริเวณไหล่หรือลำคอ นี่ไม่ใช่เมกเลิฟแล้วล่ะ สิ่งที่บอกมามีแต่ความเย็นชากับความวิตกกังวลเสียมากกว่า

          สัญญาณแห่งรัก : เราเข้าใจว่าตามธรรมชาติแล้วมันก็ต้องมีช่วงเวลาที่เราอยากจะหลับตาและเคลิบเคลิ้มกับประสบการณ์ตรงหน้าให้เต็มที่แต่เชื่อเถอะ สามีทุกคนเขาอยากรู้ใจจะขาดว่าเขาให้ความสุขคุณได้ถึงใจรึเปล่า และเขาอยากให้ดวงตาของคุณเป็นคนเฉลยน่ะค่ะ





ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Vol.11 No.33 25 สิงหาคม 2553


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
5 สัญญาณ ภาษากายบอกความนัยระหว่างสองเรา อัปเดตล่าสุด 13 กันยายน 2553 เวลา 09:51:50 2,739 อ่าน
TOP