เฮียฮ้อ เปิดใจเป็นคนกลาง ฟิล์ม แอนนี่ บรู๊ค

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางช่อง 3


          เฮียฮ้อ ชี้ ฟิล์ม และ แอนนี่ ควรไปตรวจดีเอ็นเอ เพื่อทุกอย่างจะได้จบ โดยพร้อมจะเป็นคนกลางให้ ส่วนธุรกิจเสียหายไม่มาก แค่ 10 ล้าน

          หลังจากออกมาแถลงข่าว ระงับผลงานของศิลปินในสังกัด ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ล่าสุดวานนี้ (21 กันยายน 2553) เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางมาเปิดใจในรายการ เรื่องเด่นเย็นนี้ โดยยืนยันว่า ต้องการให้มีการตรวจดีเอ็นเอของเด็ก เพื่อให้เรื่องคลี่คลายโดยเร็ว โดยไม่ได้มีเจตนาที่จะกดดันทางฝั่ง แอนนี่ บรู๊ค แต่อย่างใด แต่ไม่ต้องการให้เรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับเด็กในอนาคต พร้อมกับได้เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับฟิล์มทางโทรศัพท์แล้ว ฟิล์มยังคงมีอาการเครียด และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเชื่อว่า ฟิล์มจะไม่คิดสั้นและทำร้ายตัวเองแน่นอน

          "ที่ควรจะพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพราะวันนี้สิ่งที่สำคัญกว่าฟิล์ม และแอนนี่ คือเด็กที่เกิดมา ถ้าผู้หญิงผู้ชายคบกันไปกันไม่ได้แยกทางกันเรื่องมันจบได้ แต่เรื่องนี้ประเด็นคือเด็ก เค้าควรมีสิทธิ์รู้ว่าใครเป็นพ่อเป็นแม่ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของคนสองคนและข้อมูลต่าง ๆ ที่หยิบมาพูดกันนั้นไม่ใช่ประเด็นแล้ว ยิ่งพูดยิ่งเสียหายทั้งสองฝ่าย"

แอนนี่ บรู๊ค และ ลูกแอนนี่



ฟิล์ม รัฐภูมิ

          ส่วนกรณีที่มีความคิดเห็นจากทางหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนตัวเชื่อว่า เมื่อสภาพจิตใจของฟิล์มพร้อมเมื่อไหร่ ฟิล์มจะออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวด้วยตนเอง และยังกล่าวต่อไปอีกว่า ในส่วนของผลกระทบทางด้านธุรกิจกับบริษัทยังส่งผลกระทบไม่มากนัก แค่ประมาณ 10 ล้านบาท แต่จะส่งผลกระทบต่อรายได้ที่ขาดหายไปของฟิล์มเองมากกว่า ทั้งนี้โดยส่วนตัวเชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด น่าจะคลี่คลายได้โดยเร็ว หากทั้งฟิล์มและแอนนี่ ยอมเจรจาและพูดคุยตกลงกันให้ชัดเจน

          "คือการที่ผมจะทำอะไรกับฟิล์มก็ต้องคิดเหมือนกันนะ เพราะรักเขาเหมือนลูกเหมือนหลาน ดูแลฟิล์มมาตั้งแต่อายุ 17 ทุกวันนี้ 25 ย่าง 26 เวลาจะทำอะไรกับลูกตัวเองก็ต้องเจ็บปวดอยู่แล้ว ในส่วนที่แอนนี่พูดก็ดี เห็นใจและเข้าใจว่าไม่อยากทำร้ายฟิล์ม แต่การที่ทิ้งไว้อย่างนี้แหละเป็นการทำร้ายฟิล์ม ถ้าพิสูจน์แล้วว่าเป็นลูกจริง ก็ต้องมาดูกันว่าฟิล์มกับครอบครัวเขาจะแสดงความรับผิดตามที่ประกาศไว้ไหม ถ้ารับผิดชอบเรื่องก็จบแบบแฮปปี้ ส่วนอนาคตของฟิล์ม ประชาชนก็จะพิจารณาว่าจะต้อนรับเขาต่อไปหรือไม่"

          เฮียฮ้อ กล่าวต่อว่า การที่ต้องสั่งระงับงานของนักร้องหนุ่มนั้น เพราะต้องการให้เวลาไปจัดการปัญหาต่าง ๆ โดยตนยินดีเป็นที่ปรึกษาให้ถ้าต้องการ เนื่องจากในช่วงเวลาแบบนี้ เชื่อว่าสภาพจิตใจของฟิล์ม ไม่สามารถทำงานได้อยู่แล้ว และอาร์เอสก็ปล่อยงานไม่ได้ ดังนั้น จึงอยากให้เวลาไปจัดการปัญหา อยากให้พิสูจน์ความจริง เพราะความจริงเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น

          "ลูกผู้ชายถ้ามีส่วนทำให้เด็กคนหนึ่งเกิดมา ก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่รับผิดชอบก็ไม่ใช่คน แต่ผมก็เข้าใจนะถ้ามันยังมีอะไรคาใจ ก็จะเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น เรื่องราวอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการก็เคยมีเรื่องแบบนี้มาแล้ว และผมก็ไม่ได้เข้าข้างใคร มันไม่มีเหตุผลที่เราต้องอยู่ข้างใคร เพราะเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ขนาดบางคนยังมองว่าผมรุนแรงกับฟิล์มเกินไปด้วยซ้ำ แต่มันไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของการปกครองคนตามที่ควรจะเป็น"

          พร้อมกันนี้ เฮียฮ้อ ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า ตนพร้อมจะเป็นคนกลาง หากคิดว่าจะสามารถเป็นทางออกให้เรื่องนี้จบได้ หรืออีกทางคือ ให้ทั้งสองคนเดินเข้ามาพิสูจน์ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าอยากให้จบก็ต้องให้ทั้งคู่มาร่วมแก้ด้วยกัน