x close

วัยรุ่นรู้จักรักแค่ไหน เมื่อเขาขอจะปฏิเสธอย่างไร

ความรัก

วัยรุ่นรู้จักรักแค่ไหน เมื่อเขาขอจะปฏิเสธอย่างไร (MomyPedia)

โดย : นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล

          หนุ่มสาววัยรุ่นมีเรื่องความรักเป็นเรื่องใหญ่ แต่จริง ๆ แล้ววัยรุ่นรู้จักเรื่องรักแน่หรือ บางคนอาจจะบอกว่าความรักคือความผูกพัน ความรักคือการเสียสละ คือการให้อภัย แต่ผมชอบความหมายคำว่ารักจากหนังสือ "จิตวิทยาแห่งรัก" มากที่สุด ที่บอกว่า ความรักคือความรู้สึกชื่มชมยินดีอย่างยิ่งจนบังเกิดความปรารถนาขึ้น มี Key word อยู่ 2 คำ คือ ชื่นชมยินดี กับ เกิดความปรารถนา เพราะฉะนั้น ความรักจึงหมายถึง ชื่นชมยินดีกับใครคนใดคนหนึ่งจนเกิดความปรารถนา

          เราแยกความปรารถนาออกเป็น 2 อย่าง คือ ปรารถนาที่จะให้ กับปรารถนาที่จะรับ ถ้าปรารถนาที่จะให้ คือ รักและผูกพัน ปรองดอง ห่วงใย คิดถึง เห็นใจ เข้าใจ เอื้ออาทร เสียสละ และให้อภัย... นี่คือรักแท้ คือคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเอง รักแบบนี้ทางพุทธเรียกว่า เมตตา ทางคริสต์ อิสลาม เขาจะบอกว่า "พระเจ้าสอนให้มีความรัก"

          ต้องใจ ติดใจ วัยรุ่นเรียกว่า "ปิ๊ง" หลงเสน่ห์ คิดถึง คลั่งไคล้ โหยหา... เป็นรักเทียม ซึ่งแท้จริงคือราคะในรูปของความรัก ราคะก็คือฮอร์โมนเพศนั่นเอง อยากให้คนอื่นมาตอบสนองความต้องการของตัวเอง ถ้าไม่ได้ดังปรารถนาก็แปรรูปเป็นโกรธและหงุดหงิด

          แล้วความรักมี 4 ระดับด้วยกัน คือ ราคะ (lust) รักใคร่ฉันหนุ่มสาว (eros) ปรารถนาดี (well wish) รักแบบอุทิศตัว (devoted love) อาจจะจำว่า…

          ระดับ 1 รักใคร่ใฝ่กามา
          ระดับ 2 รักหวังวิวาห์มาคู่กัน
          ระดับ 3 รักปันแบ่งความสุข
          ระดับ 4 รักยอมทุกข์เพื่อสุขของเธอ

          ความรักของพ่อแม่เปรียบได้กับความรักระดับ 4 ส่วนความรักของหนุ่มสาวอยู่ในระดับ 1 และอาจพัฒนาไประดับ 2 ซึ่งที่จริงแล้วหนุ่มสาวควรพัฒนาความรักเป็นระดับ 3 และ 4 ทำให้คนรักมีความสุข หลีกเลี่ยงไม่ทำให้เขาเป็นทุกข์

          สำหรับวัยรุ่นผู้หญิงอาจเช็กดูได้ว่า ความรักของคนที่มาจีบเราเป็นแบบไหน ถ้ารักกันแล้วอยากจะมีเซ็กส์ให้ได้ ก็คือความรักในระดับ 1 ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ท่ามกลางเด็กวัยรุ่นผู้ชายในวัยที่มีความต้องการทางเพศสูง วัยรุ่นผู้หญิงอาจจะเจอภัยทางเพศที่ไม่คาดคิด มีการวิจัยพบว่า เซ็กส์ครั้งแรกของหนุ่มสาวไม่มีการเตรียมพร้อม ไม่ได้คาดคิด เกิดขึ้นเพราะว่าอยู่ในที่สองต่อสอง อยู่ในที่ลับตา แล้วบรรยากาศพาไป เพราะฉะนั้น...

          กฎข้อที่ 1 ผู้หญิงอย่าเปิดโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสองกับแฟน หรือผู้ชายคนไหนก็ตาม ให้พาเพื่อนไปเยอะ ๆ หรือไปในที่คนเยอะ ๆ แล้วอย่าคิดเอาเองว่าผู้ชายดี ๆ ไม่คิดไม่ดีนะครับ นอกเสียจากว่าผู้ชายคนนั้นจะเติบโตมีวุฒิภาวะ หรือความสามารถของสมองส่วนคิดทำงานควบคุมเหนือสมองส่วนหยาบ มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ความต้องการของตัวเอง มีความสามารถในการยับยั้งชั่งใจ แต่โดยทั่วไปวัยรุ่นเป็นวัยที่สมองส่วนหยาบทำงานมากกว่าสมองส่วนคิด เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรเปิดโอกาสให้ผู้ชายทำตามความต้องการของตัวเอง (การเปิดโอกาสยังรวมถึงการให้เบอร์โทรศัพท์ การรับนัดหมายด้วย)

          กฎข้อ 2 อย่าแต่งตัวโป๊ ล่อแหลม เพราะผู้ชายตื่นตัวทางเพศง่าย ผู้หญิงอาจไม่คิดอะไร แต่ผู้ชายมีฮอร์โมนเพศโดยเฉพาะในวัยรุ่นที่มีฮอร์โมนเพศสูง แล้วถ้าผู้ชายเกิดอารมณ์เซ็กส์แล้วไม่มีทางระบาย จะกลายเป็นความก้าวร้าว อาจจะบังคับขืนใจผู้หญิงโดยไม่ทันยั้งคิด

          กฎข้อ 3 อย่าเปิดไฟเขียว ต้องรู้จักปฏิเสธ ต้องรู้จักพูดคำว่า ไม่! อย่า! หยุด! พบบ่อยว่า หลายครั้งเด็กผู้หญิงไม่ได้อยากมีเซ็กส์กับแฟน แต่เป็นเพราะปฏิเสธไม่เป็น เด็กผู้หญิงเล่าว่า "เขาไม่เชื่อใจค่ะ เขาขอมีเซ็กส์ด้วย แต่เราไม่ให้เขา ก็เลยหาว่าเราเก็บไว้ให้คนอื่น" โดยทั่วไปแล้ว ผู้ชายทั่วโลกจะมีประโยคทำนองว่า "ถ้าเธอรักฉันจริง เธอต้องยอมเป็นของฉันนะ ถ้าเธอไม่ยอม แสดงว่าเธอรักฉันไม่จริง ถ้าอย่างนี้ฉันจะไปมีแฟนใหม่" ซึ่งผู้หญิงก็ต้องตั้งสติคิดให้ได้ว่า ถ้าเขาไม่ยอมรับคำปฏิเสธของเราก็แสดงว่าเขาไม่รักเราจริงเหมือนกัน เพราะเขากำลังจะใช้ร่างกายของเราเป็นที่ระบายความใคร่ของเขา

          มีวิธีที่ผู้หญิงปฏิเสธผู้ชายหลายแบบด้วยกัน เช่นบางคนอาจจะปฏิเสธแบบ "จะไม่ยอมเสียตัว และไม่กลัวเสียแฟน" โดยบอกอย่างเด็ดขาดว่า "อย่ามายุ่งกับฉัน ฝันไปเถอะ ถ้าทำ เลิกกัน ฉันจะแจ้งความด้วย" หรือ "คุณเป็นคนเห็นแก่ตัว คบไม่ได้ ฉันไม่อยากเสียตัวให้เธอ" ถ้าผู้ชายยังตื๊อต่อ ก็ลุกเดินหนี แต่ที่เป็นปัญหาคือผู้หญิงบางคนตอบอย่างกลัว ๆ กล้า ๆ ลังเลใจ ไม่แน่ใจ เช่น ...

          "เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นหรอก" ผู้ชายจะบอกว่า "ไม่มีใครเห็นหรอก มีแค่เราสองคน"

          หรือผู้หญิงบอกว่า "เกิดคนอื่นรู้ ฉันก็เสียหายสิ" ผู้ชายก็จะตอบว่า "ถ้าเธอไม่บอกคนอื่น ฉันก็ไม่บอกใคร ก็ไม่มีใครรู้หรอก"

          "เอาไว้วันหลังเถอะ” ผู้ชายจะบอกว่า "วันนี้แหละดีที่สุดแล้ว วันอื่นเราจะไม่ได้เจอกันแล้ว"

          "ไม่ได้หรอกกำลังมีเมนส์" "ผู้ชายจะบอกว่า "ไม่เป็นไรหรอก ไม่รังเกียจ มีเมนส์ก็มีเซ็กส์ได้ ดีซะอีก หน้า7 หลัง 7 ไม่ตั้งท้อง"

          "เธอตรวจเอดส์หรือยัง" ผู้ชาย... "ตรวจแล้ว ผลเป็นลบ สบายใจได้"

          "อุ๊ย เดี๋ยวท้อง" ผู้ชาย.. "ไม่ท้องหรอก เตรียมถุงยางมาแล้ว"

          มีการปฏิเสธที่ดีที่สุด คือ ปฏิเสธชัดเจน ผู้ชายไม่มีข้ออ้าง และก็ไม่เสียความสัมพันธ์ด้วย เช่น ถ้ารักฉันจริง อย่าบังคับใจฉัน ฉันไม่อยากให้เธอทำอย่างนี้, ไม่ดีหรอก ยังไม่ถึงเวลา ถ้ารักฉันจริงเธอต้องรอได้, เธอเป็นผู้ชายที่ฉันรัก แต่ฉันพร้อมก็ต่อเมื่อเราแต่งงานแล้วเท่านั้น, ฉันทำไม่ได้หรอก ถ้าทำอย่างนั้นฉันรู้สึกหมดศรัทธาต่อตัวเอง และพ่อแม่ฉันยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้

          การปฏิเสธเช่นนี้ยังเป็นการพิสูจน์ด้วยว่าผู้ชายคนนั้นมีวุฒิภาวะหรือเปล่า ถ้าเขารอได้หรือโอนอ่อนตามใจเรา ก็แสดงว่าเขามีวุฒิภาวะ เป็นคนที่เราน่าจะแต่งงานด้วยได้ครับ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เรียบเรียงจากนิตยสาร : Teens & Family

 
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วัยรุ่นรู้จักรักแค่ไหน เมื่อเขาขอจะปฏิเสธอย่างไร อัปเดตล่าสุด 7 ตุลาคม 2553 เวลา 13:55:59 4,466 อ่าน
TOP