x close

กว่าจะถึงวันนี้...แอนนี่ บรู๊ค

แอนนี่ บรู๊ค

แอนนี่ บรู๊ค

กว่าจะถึงวันนี้...แอนนี่ บรู๊ค
(M&C แม่และเด็ก)

          กลายเป็นข่าวดังครองพื้นที่สื่อมานาน นับเดือนไปแล้วสำหรับซิงเกิ้ลมัมรายล่าสุดของวงการ ไม่ว่าเรื่องราวที่หลายคนอยากรู้จะลงเอยอย่างไร จะมีการพิสูจน์ DNA หรือไม่ คงไม่มีคำตอบในตอนนี้ แต่เชื่อว่า ยังมีผู้อ่านอีกเป็นจำนวนมาก ที่อยากรู้จักตัวตนเจ้าของกระแสข่าวดังกล่าว เธอเป็นใคร มาจากไหน แล้วจู่ ๆ ทำไมเรื่องราวของเธอถึงได้กลายเป็นประเด็นที่คนทั้งประเทศจับตามอง อย่างนี้ ต้องลองไปทำความรู้จักกับเธอ...

          แอนนี่ บรู๊ค มีชื่อเดิมว่า รุ่งนภา แก้วไทรหาญ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น ฐิฏิพร เสฏฐภูมิ แอนนี่เป็นชาวลำปางลูกครึ่งไทย-สวิส เรียนจบนักเรียนผู้ช่วยพยาบาลจากวิทยาลัยพยาบาลเซ็นหลุยส์ ที่ผ่านมา แอนนี่ บรุ๊ค มีผลงานมากมาย และที่ทำให้ชื่อของ แอนนี่ บรู๊ค เป็นที่รู้จักก็จากการรับเล่นเป็นนางเอกภาพยนตร์เรื่อง เชอร์รี่ แอน การพูดคุยกับเธอในวันนี้ ทำให้เรารู้จักตัวตน ความรู้สึกนึกคิด รวมถึงชีวิตทั้งในอดีตและปัจจุบันของ แอนนี่ บรู๊ค

          แอนนี่ บรู๊ค : ตัวแอนนี่เองเกิดที่กรุงเทพฯ ค่ะ แต่ไปโตที่ลำปาง ฐานะบ้านแอนนี่ค่อนข้างยากจน บ้านก็รับจ้างทั่วไป ทำไร่ทำนาถางหญ้า ทำงานบ้าน มีอะไรทำก็ทำ บางทีแม่ก็ไปหาของป่ามา เราก็เป็นคนเอาไปขาย แอนนี่เป็นลูกคนเดียวค่ะ ตอนเด็ก ๆ จะเหมือนผู้ชาย เพราะว่าแถวบ้านไม่ค่อยมีเพื่อนผู้หญิง ก็จะเล่นกันแต่ฟุตบอล ไม่ค่อยได้เล่นขายของ ถ้าจะเล่นตุ๊กตากระดาษแอนนี่ก็จะเล่นคนเดียว ชอบจินตนาการ คุยคนเดียว แอนนี่เป็นเด็กดื้อค่ะ ถ้าแม่ตีก็จะวิ่งขึ้นต้นไม้ แล้วก็จะตะโกนท้าแม่ว่า ตีเลย มาตีเลย

          แอนนี่ บรู๊ค : ตอนอยู่ป.1-6 แอนนี่สอบได้ที่หนึ่งตลอดนะคะ พอขึ้นมัธยมก็ได้ทุนไปเรียนต่อที่โรงเรียนฟ้าหญิงอุบลรัตน์ ที่เชียงใหม่ค่ะ เรียนม.1-3 แล้วสอบเทียบกศน. ม.6 ได้ ทางโรงเรียนฟ้าหญิงฯ ก็มีทุนให้ไปเรียนต่อพนักงานผู้ช่วยพยาบาลที่เซ็นหลุยส์ค่ะ

          แอนนี่ บรู๊ค : ตอนเด็ก ๆ แอนนี่เป็นเด็กกิจกรรมค่ะ ส่วนมากจะเกี่ยวกันดนตรี คือตอนประถมเรียนดนตรีไทยค่ะ เล่นจระเข้ ซอด้วง ซออู้ ระนาดเอก ระนาดทุ้ม คือเป็นคนชอบแสดงออก จริง ๆ ก็ขอครูเป็นดรัมเมเยอร์ก่อน ยกมือแล้วยกมืออีก เค้าก็บอกว่าสวยไม่พอค่ะ พอขึ้นชั้นมัธยมทางโรงเรียนทำวงดุริยางค์ แอนนี่ก็ไปขอเค้าเป็นดรัมเมเยอร์อีก เค้าก็ไม่ให้เป็น บอกว่าเราไม่สวย เราก็คิดแล้วว่าจะทำยังไงดี ถึงจะได้เป็นตัวเด่น ได้อยู่ข้างหน้า ก็เลยไปเล่นกลองใหญ่ค่ะ เพื่อจะได้อยู่ใกล้ดรัมเมเยอร์ นอกจากเล่นดนตรีแล้วแอนนี่ก็เล่นกีฬาทุกอย่างค่ะ ทั้งตะกร้อ วอลเล่ย์บอล แชร์บอล แฮนด์บอล กรีฑาทุกชนิดค่ะ

          แอนนี่ บรู๊ค : แอนนี่ฝันอยากเป็นนักร้องค่ะ ก็ใช้วิธีส่งรูปไปตามค่ายเพลงต่าง ๆ ทั้ง ๆ ที่เราไม่มีรูปสวย ๆ นะ ก็จะใช้รูปที่เราไปงานลอยกระทงที่ครูแต่งหน้าให้ แล้วในรูปมีคนอยู่เยอะ เราก็วงกลมว่าเราเป็นคนนี้ ๆ นะส่งไป แต่ก็ไม่ได้ผลอะไรหรอกค่ะ แล้วก็มีไปประกวดตามเวทีบ้าง แต่ไม่เคยได้รางวัลอะไร แต่ที่ได้รางวัลส่วนมากจะประกวดดนตรี ประกวดอ่านร้อยกรองร้อยแก้วมากกว่าค่ะ

ก้าวเข้าวงการได้อย่างไร

          แอนนี่ บรู๊ค : ช่วงที่เรียนต่อพนักงานผู้ช่วยพยาบาลไปได้สักพักนึง แอนนี่ไปเดินเล่นที่สยาม แล้วมีพี่นางแบบคนนึงเค้าจะต้องไปเดินแบวันรุ่งขึ้น แต่ว่าเค้าได้งานโฆษณาพอดี ซึ่งได้เงินเยอะกว่า ก็เลยมาหาคนไปเดินแบบแทน ตอนนั้นแอนนี่ก็อายุ 19-20 ค่ะ ใจก็กลัวนะว่าจะโดนเค้าหลอก ยิ่งบ้านนอก ๆ อยู่ด้วย แต่ก็อยากลองดู คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไร เพราะเราก็ชวนเพื่อนไปด้วย

          แอนนี่ บรู๊ค : งานแรกเป็นการเดินแฟชั่นโชว์ หลังจากนั้นก็ได้งานพริตตี้ แล้วก็ถ่ายโฆษณา ถ่ายหนังสือ แล้วก็เล่นหนัง เล่นละคร ออกเทป แต่ก็ไม่ดังค่ะ หนังเรื่องแรกเรื่อง เชอรี่ แอน ค่ะ ถือว่าเป็นเรื่องที่สร้างชื่อมากที่สุด ละครก็เป็นเรื่องคู่แท้ชุลมุน ถนนสายหัวใจ แล้วก็มาออกเทปกับโซนี่ อัลบั้ม แอนนี่ค่ะ

ทำไมแอนนี่มีแต่งานเซ็กซี่

          แอนนี่ บรู๊ค : แอนนี่ว่าเราอยู่ในวงการนี้ เราก็เปรียบเหมือนผลิตภัณฑ์หนึ่ง ๆ ที่ต้องเปลี่ยนแพคเกจบ้าง เพราะว่าแอนนี่ไม่มีผู้ใหญ่หนุนหลัง ไม่มีแบคอัพ จะทำอะไรก็ต้องคิดเอง ทำเอง ถ้าเกิดเรายังเป็น เชอรี่ แอน ตลอด ป่านนี้ก็คงไม่มีงานแล้วล่ะ คือพอหลังจากที่เป็นเชอรี่แอนแล้ว ก็เล่นละครอีก 2 เรื่องก็เป็นบทเรียบร้อยหมดเลย ไม่มีใครรู้ว่า แอนนี่ เล่นละครเรื่องอะไร พอมีพี่เค้ามาชวนให้แอนนี่มาถ่าย FHM ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าทำได้ไหม ก็อายก็เขินนะ เพราะว่าเราไม่เคยทำ แต่หลังจากถ่ายรูปออกมาแล้ว ทุกคนบอกว่าแอนนี่โอเคนะ หลังจากนั้น งานก็เข้ามาเองเรื่อย ๆ มีแต่งานเซ็กซี่ทั้งนั้นเลย หลังจากนั้นแอนนี่ก็เงียบหายไป 2 ปี เหมือนกับว่าเซ็กซี่จนอิ่มแล้วค่ะ ก็ยังมีติดต่อมาบ้างนะ แต่เรามีความรู้สึกว่าเราไม่ได้อยากจะเป็นคนเซ็กซี่ และบวกกับตอนนั้นมีงานของเวิร์คพอยท์ติดต่อให้แอนนี่ทำ พอทำแล้วเรามีความสุขกับตรงนั้นมากกว่า เราก็เลือกจะทิ้งเซ็กซี่ไปเลยดีกว่า

เซ็กซี่อยู่ดี ๆ ทำไมกลายเป็นตลก

          แอนนี่ บรู๊ค : ตอนนั้นทางเวิร์คพ้อยท์เค้ารับเชิญไปเล่นโคกคูนตระกูลไข่ พี่เค้าให้เล่นอะไร แอนนี่ก็เล่นได้ เค้าก็เลยมีความรู้สึกว่าเฮ้ย! มันทำได้ว่ะ งั้นเดี๋ยวลองไปเล่นชิงช้าสวรรค์ดูไหม ตอนแรก ๆ ก็เครียดมาก เพราะเราไม่ใช่ตลก แล้วเราต้องไปเล่นกับพี่ ๆ ตลกทั้งนั้น แต่พี่ ๆ เค้าก็ให้กำลังใจตลอด แอนนี่เคยลาออกด้วยนะ บอกเค้าว่าพี่หนูไม่เล่นแล้ว หนูกลัว พวกพี่ ๆ เค้าก็ไม่ให้ออกค่ะ เค้าบอกว่าแอนนี่เล่นได้ เค้าเชื่อขนาดเค้ายังเชื่อในตัวแอนนี่ ทำไมแอนนี่ไม่เชื่อในตัวเอง แอนนี่ก็เลยคิดว่าถ้าอย่างนั้น แอนนี่จะลองดูอีกซักตั้งนึง จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ 5 ปีมาแล้วค่ะ ก็ไม่ได้เซ็นสัญญากับเวิร์คพ้อยท์นะคะ แต่ว่าเค้าเป็นที่แรกที่ให้โอกาส แล้วก็เปลี่ยนบทบาทชีวิตเราค่ะ ทำให้เรามีงานทำจนถึงทุกวันนี้ ก็ต้องขอบคุณเค้า ถ้าไม่มีวันนั้น วันนี้ก็คงแย่ค่ะ

          แอนนี่ บรู๊ค : หลังจากนั้นเราก็ได้เห็นแอนนี่อีกครั้งในบทสาวโรงงานในละคร คุณหนูฉันทนา และบทตลกที่แอบเซ็กซี่เล็ก ๆ ในละคร ปีศาจแสนกล หลังจากเรื่องนี้จบ เธอก็เงียบไป แล้วกลับมาสร้างความฮือฮาอีกครั้ง เมื่อมีภาพข่าวแอนนี่อุ้มลูกน้อยวัย 3 เดือน ปรากฏต่อสายตาประชาชน พร้อม ๆ กับข่าวฉาวที่ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเธอกับซุปเปอร์สตาร์คนนึง

แอนนี่ บรู๊ค

แอนนี่ บรู๊ค

จู่ ๆ ก็มีลูกชายวัย 3 เดือน

          แอนนี่ บรู๊ค : ตอนรู้ว่าท้อง ตกใจมาก คือประจำเดือนมาไม่ตรง แล้วก็เรารู้สึกว่าเราง่วงผิดปกติเท่านั้น ไม่ได้มีอาการแพ้อะไรเลย คือน้องมาดีมากนะ ไม่กวนแม่เลย น้องรู้ว่าแม่จะต้องลำบาก ก็เลยไม่แพ้ ไม่อาเจียน ไม่อยากกินอะไรแปลก ๆ เลย ตอนนั้นน้ำหนักขึ้นมาจาก 48 เป็น 70 กว่าค่ะ

          แอนนี่ บรู๊ค : คือตอนท้อง แอนนี่อยู่แต่ในบ้านอย่างเดียวไม่ออกไปไหนเลย ตอนนั้นเครียดมากร้องไห้ทุกวันค่ะ ก็กลัวว่าจะส่งผลถึงลูกในท้องนะ พอร้องไห้เสร็จก็ต้องดูตลกต่อ มีน้องหมาตัวนึงอยู่เป็นเพื่อน เวลาจะกินอะไร ก็จะใช้วิธีโทรไปหามอเตอร์ไซค์ปากซอยแล้วก็บอกเค้าว่าจะเอาอันนี้ ๆๆ แล้วก็ถามเค้าว่าราคาเท่าไหร่ พอเค้าบอกมาก็เอาตังค์ใส่ถุงไปแขวนไว้ที่ประตู คือแอนนี่ไปเช่าบ้านอยู่ไงคะ พอมอเตอร์ไซค์ไปซื้อของมาเค้าก็จะเอาแขวนไว้ให้แล้วเอาตังค์ไป ซักพักนึงเราดูแล้วว่าไม่มีใคร เราก็ออกมาเอาข้าวไปกิน คือมอเตอร์ไซค์เค้าเห็นแค่ตอนที่เราย้ายไปอยู่ ตอนนั้นท้องยังไม่ใหญ่ เค้าก็ไม่ได้เอะใจสงสัยอะไร เค้าก็คงคิดว่าเราไม่อยากเจอใครแค่นั้นเอง

          แอนนี่ บรู๊ค : เวลาที่เราเห็นคนท้องคนอื่นในทีวีที่ได้กินอะไรที่เค้าอยากกิน ก็รู้สึกแย่ เพราะถ้าเราเดินออกไปหาอะไรกิน มันก็เป็นข่าวสิคะ ถ้าเป็นข่าวเฉพาะตัวเรามันก็ไม่เป็นอะไรหรอก แต่มันจะไปมีผลกระทบต่อคนอื่นเราก็เลยอยู่เฉย ๆ ต้องเก็บตัว แต่แอนนี่ก็ใช้บีบีเสิร์ชหาข้อมูลการเลี้ยงน้องได้ค่ะ

ทำไมชื่อน้องต้องเป็นฑีฆายุ

          แอนนี่ บรู๊ค : ก็ปรึกษากับอาจารย์ที่นับถือ ให้ท่านตั้งชื่อให้ อาจารย์บอกว่าเด็กคนนี้ต้องชื่อนี้แหละ เพราะว่าเกิดวันพฤหัสตั้งชื่อยากมาก ถ้าตั้งชื่อไม่ดีก็คือแย่เลย แกให้มา 2 ชื่อ พอเราเห็นชื่อฑีมายุ ก็ใช่เลย ส่วนชื่อเล่น ตอนแรกนึกว่าลูกเป็นผู้หญิง ก็จะให้ชื่อว่าฝนหอม เพราะว่าชอบกลิ่นฝนตอนที่ตกใหม่ ๆ พอได้มาเป็นผู้ชาย ก็อาจจะเรียกน้องที มีพี่คนนึงตั้งให้ว่าบิ๊กเปา บอกว่าแก้มเหมือนซาลาเปา อีกชื่อนึงก็คากิ ก็เพราะว่าขาเหมือนขาหมูตรอกซุง อีกคนนึงบอกว่าชื่อ เสือใหญ่ เพราะว่าอยู่ซอยเสือใหญ่

          แอนนี่ บรู๊ค : แอนนี่คลอดแบบผ่าค่ะ คือเจ็บท้องตั้งแต่คืน วันที่ 15 พอวันที่ 16 ก็เจ็บอีกก็ไปโรงพยาบาล บางคนก็พูดว่าจะเก่งไปไหม ขับรถไปคลอดเอง ก็ไม่เก่งหรอกค่ะ เพราะว่าเรามีความรู้ว่าถ้าเราเจ็บห่างกันเท่านี้ควรจะไปได้แล้ว ไม่ใช่รอให้เจ็บมาก แล้วถึงจะไป พอไปถึงโรงพยาบาลแล้วปากมดลูกไม่เปิดซักที หมอก็เลยบอกว่าต้องผ่าแล้วล่ะ

          แอนนี่ บรู๊ค : วันนั้นมันคือความกลัว มันตื่นเต้น แล้วแอนนี่ไม่เคยผ่าตัดมาก่อนด้วย แอนนี่ต้องการกำลังใจต้องการคนที่มานั่งอยู่ข้าง ๆ คอยจับมือเรา แค่มองตาเท่านั้นเอง แต่วันนั้นเราไปคนเดียว เข้าห้องคลอดเอง หมอเค้าก็ถามว่าไม่มีคนมาให้กำลังใจเหรอ เราก็ว่าไม่มี ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะทุกคนในห้องคลอดเค้าก็ยุ่งกันหมด แอนนี่ก็ขอพยาบาลว่า ขอมองตาแป๊บนึงนะ คือเรามีความรู้สึกว่ามองหน้า มองตาก็ยังดี ไม่จับมือเราก็ได้ไม่เป็นไร อยากมีกำลังใจ พี่พยาบาลเค้าก็ให้มองแป๊บ ๆ แล้วก็เดินไป เรากลัวมาก แล้วก็สั่นเกร็งไปทั้งตัว คือจำได้เลย หลังจากวันนั้น 2-3 วัน ปวดไปทั้งตัว เพราะเราเกร็งมาก หมอบอกว่าตั้งแต่ผ่าคลอดมาไม่เคยเห็นใครกลัวแบบนี้มาก่อน

ลองเล่าวินาทีแรกที่เห็นหน้าลูก

          แอนนี่ บรู๊ค : โห! นี่เหรอลูกที่อยู่ในท้องเรามาตั้ง 9 เดือน เห็นหน้าลูกก็ร้องไห้ มองหน้าเค้าดูว่าครบ 32 ไหม ไม่ได้เป็นดาวน์ซินโดรมนะ แล้วก็ให้เค้าดูดนม แต่เสียดายที่เรากลับไปบ้านแล้วเจ็บแผลมาก จะทำอะไรก็ค่อนข้างลำบาก และเราเป็นภาวะเครียดหลังคลอด ซึมเศร้าหลังคลอด บวกกับอาหารไม่ถึงน้ำนมก็เลยน้อย ลูกได้กินแค่ 2-3 อาทิตย์เอง น้ำนมก็หมดไป

          แอนนี่ บรู๊ค : ก็อยู่โรงพยาบาลปิยะเวท 7 วัน กลับมาบ้านก็ดูลูกเองทุกอย่าง ไม่มีใครช่วย วันแรกจับอะไรทำอะไรไม่ถูกเลย น้องเป็นโคลิคด้วยค่ะ เป็นอยู่เดือนกว่า พอน้องหลับแม่ถึงได้หลับ แต่ก็ไม่สนิทหรอกนะ เพราะแค่ลูกขยับตัวนิดเดียว ไม่ได้ร้องไม่ได้อะไร เราก็ตื่นแล้วล่ะ

          แอนนี่ บรู๊ค : ตอน 2 เดือนครึ่งลูกเป็นไวรัสหวัด RSV ต้องพาไปโรงพยาบาล อยู่อาทิตย์นึง ตอนนั้นมันจำเป็นนะคะ คนเห็นก็ต้องยอม ก็มีคนทัก เราก็ไม่อายนะ เพราะลูกเราไม่สบาย มันก็คงจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มีเรื่องวันนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ เพราะว่าด้วยความที่เราปิดตัวมาตลอด แล้วจู่ ๆ มีภาพตอนมีลูกออกมาเลย

คิดบ้างไหมว่าข่าวจะแรงขนาดนี้

          แอนนี่ บรู๊ค : ไม่เคยคิดค่ะ มันตั้งตัวไม่ติดนะ เพราะว่าตั้งใจจะปิดไปเรื่อย ๆ จนถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คิดว่าพอลูกโตแล้วเดี๋ยวค่อยว่ากัน ก็ไม่ได้อยากจะเป็นข่าว ถ้าอยากจะเป็นข่าวนะ เราก็ออกมาตั้งแต่ตอนท้องยังจะดีกว่า อย่างน้อยอยากกินอะไรเราก็จะได้กิน ชุดคลุมท้องแอนนี่ไม่เคยได้ใส่เลยทั้ง ๆ ที่อยากใส่ชุดคลุมท้องสวย ๆ เหมือนคนอื่นเค้าบ้าง เพราะว่าอยู่แต่ในบ้าน ใส่แต่เสื้อยืดแล้วยืดอีก บางทีก็เอากรรไกรมาตัดข้าง ๆ ให้มันขยายออก

          แอนนี่ บรู๊ค : แอนนี่ไม่รู้นะว่าเรื่องนี้มันจะยาวนานอีกแค่ไหน แต่สำหรับแอนนี่มันจบไปนานแล้ว คือแอนนี่มีแค่หนึ่งสมองกับสองมือ จะไปสู้ใครเค้าได้ แอนนี่ไม่สามารถจะไปต่อล้อต่อเถียงกับใครได้ ทุกครั้งที่แอนนี่ออกไป แอนนี่ต้องใช้พลังในการพูดอย่างมาก เพราะแอนนี่ไม่มีสคริปต์ ไม่มีใครมาเขียนบทให้แอนนี่พูด ว่าถึงตอนนี้ให้ร้องไห้นะ ถึงตอนนี้ให้ทำอย่างนี้นะ เราไม่รู้หรอกว่านักข่าวจะถามอะไร เราไม่ได้มานั่งคิดว่าไหนลองมาระดมความคิดกันซิว่านักข่าวจะถามอะไรบ้าง ชั้นจะตอบยังไง คือไปก็คือไป ใช้ใจพูด จบ ไม่ต้องนั่งนึก ไม่ต้องท่องอะไรทั้งสิ้น ถ้ารู้สึกอยากร้องก็ร้องไม่อยากร้องก็กลั้นเอาไว้

วันหน้าลูกโตขึ้น จะบอกลูกยังไง

          แอนนี่ บรู๊ค : คือเลี้ยงเค้าด้วยความรักให้มากที่สุด เลี้ยงให้เป็นคนดี ให้มีจิตใจที่ดีงาม ถ้าเค้าจะรับรู้เรื่องราวเหล่านี้จากใครก็ตาม แอนนี่ก็เชื่อว่าเค้าต้องเข้าใจแม่ จะสงสารเราด้วยซ้ำ แล้วก็จะรักแม่มากขึ้น แล้วเค้าจะยิ่งเป็นผู้ชายที่ดี เพราะเค้าเห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แอนนี่เชื่อว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาจะทำให้เค้ามีจิตใจที่อ่อนโยน รักแม่ และก็ให้เกียรติผู้หญิง แทบจะไม่ต้องบอกอะไรเค้าเลยด้วยซ้ำ กลัวแค่อย่างเดียวว่าเค้าจะคิดมาก ว่าทำไมชั้นเกิดมาแล้วทำให้แม่เป็นแบบนี้ อันนี้ไม่อยากให้มีในความคิดของลูกเลย

          แอนนี่ บรู๊ค : ตอนนี้เค้าคือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต ไม่มีอะไรทดแทนได้ มันมากกว่าของขวัญอีกนะ ตอนแรกอาจจะงง ๆ ว่าเค้าคืออะไร แล้วชั้นจะอยู่ยังไงแล้วนี่คืออะไร แต่ว่าพอเราเลี้ยงเค้าไป แค่เค้าเบ่งอึ เราก็มีความสุขมากแล้วนะ ดูหน้าเค้าสิ แค่เค้ายิ้มนิดเดียว เราก็หายเหนื่อยเลย แล้วเราคอยดูพัฒนาการเค้า ตอนแรกเค้ายิ้มไม่เป็น แต่ตอนนี้เค้ายิ้มเป็นแล้ว เพื่อนแอนนี่เค้าบอกว่า เลี้ยงไปเถอะ แล้วเดี๋ยวลูกจะให้ของขวัญเราเอง ตอนแรกเราไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เราเข้าใจ มันมาเป็นสเต็ปนะ ตอนแรกได้แค่ดอกไม้ช่อนึง ตอนนี้เหมือนได้เพชร ได้พลอย มันจะเพิ่มขึ้นทุกวัน

อยากให้ลูกชายเข้าวงการไหม

          แอนนี่ บรู๊ค : อนาคตของลูกก็แล้วแต่ ให้เค้าเลือกเอง งานในวงการ แรก ๆ แอนนี่มองว่ามันสวยงามมาก เป็นสิ่งที่ตื่นตาตื่นใจ รายได้ดี มีแต่คนสวยคนหล่อ มีแต่คนชื่นชม ไปไหนมาไหนก็มีคนรู้จักเต็มไปหมด เหมือนกับว่าเราเป็นคนสำคัญ หลังจากที่เราอยู่มาเรื่อย ๆ ก็เห็นทั้งด้านบวก และด้านลบของมัน ก็เอามาบวกลบคูณหารกัน เราก็มองว่ามันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มันไม่ได้มีแต่พื้นเรียบนะ มันมีทั้งหนามและโขดหิน ถ้าลื่นปุ๊บ หนามแทงทันทีนะ

          แอนนี่ บรู๊ค : ส่วนเรื่องงานของแอนนี่ ตอนนี้กับที่เวิร์คพ้อยท์ก็ยังทำเหมือนเดิม กลับไปอัดเทปชิงช้าสวรรค์แล้ว แล้วก็มีซิทคอมเรื่องใหม่ มนต์รักมหานคร ของเวิร์คพ้อยท์ค่ะ คือแอนนี่เริ่มออกไปทำงานแล้วไง กะจะกลับไปทำงานเงียบ ๆ ก็เราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ เราไม่ได้ฆ่าใคร เราไม่ได้ขายยาบ้า อย่างที่แอนนี่บอก เวิร์คพ้อยท์น่ะ รักกัน มายังไงก็ยังรักกันอยู่อย่างนั้น เค้าไม่ทิ้งแอนนี่แน่นอนค่ะ

แอนนี่ บรู๊ค

แอนนี่ บรู๊ค

ทุกวันนี้เอากำลังใจจากไหน

          แอนนี่ บรู๊ค : แอนนี่เคยฝันว่ามีเทวดามาบอกว่ากำลังใจจากคนอื่นก็เหมือนยาชูกำลัง มันดีขึ้นเดี๋ยวก็หาย แต่กำลังใจจากตัวเองมันจะอยู่ตลอดไป เสียอะไร ก็เสียได้ แต่อย่าเสียกำลังใจ การเป็นซิงเกิ้ลมัมเหนื่อยมากนะคะ เพราะว่าเราไม่ได้เลี้ยงลูกอย่างเดียว เราต้องทำงานบ้านด้วย กินข้าวก็ต้องล้างจาน ล้างขวดนม ซักผ้าของเรา ของลูก ทำความสะอาดบ้าน ถ้าเราผมยาว สระผมก็จะมีปัญหาทันที แล้วน้องไม่ใช่ว่าจะหลับได้นาน ๆ ที่เค้าหลับนาน ๆ เพราะว่าเค้านอนบนอกแม่ได้ยินเสียงหัวใจของแม่ คือเราต้องอยู่กับเค้าแทบจะตลอดเวลา

          แอนนี่ บรู๊ค : แอนนี่ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตในแต่ละวันให้ดีที่สุด อาจจะไม่ดีมาก ไม่ยอดเยี่ยม แต่ว่าผ่านพ้นไปได้โดยที่ไม่ผิดพลาดก็พอแล้ว ตอนนี้เราคือต้นแบบของลูก ถ้าอะไรที่ผิดพลาดมาในชีวิต ต้องไม่ทำแล้ว ต้องหยุด เราก็ไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะดีได้แค่ไหน เราก็ต้องพยายามให้มากที่สุด ไม่ว่าอดีตจะเป็นยังไง อย่าไปสนใจ ทุกคนเคยทำผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้น ณ วันนี้นับหนึ่งใหม่ได้ เป็นตัวอย่างที่ดีกับลูกให้ได้

          แอนนี่ บรู๊ค : ก็ยอมรับว่ามาจนถึงจุดนี้ เราก็ยอมรับว่าเป็นคน ๆ นึงมีผิดพลาดได้บ้าง มีหลงอะไรไปบ้าง ชีวิตก็ผ่านวัยรุ่นมา ไม่ใช่คลอดออกมาแล้ว 30 เลย ผ่านอะไรมาเยอะ ตลอดเวลาก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี แต่ก็จะพยายามทำวันนี้ให้ดีที่สุดค่ะ

คุณแม่เซ็กซี่...แอนนี่ บรู๊ค

         ชื่อเดิม : รุ่งนภา แก้วไทรหาญ

         ชื่อปัจจุบัน : ฐิฏิพร เสฏฐภูมิ

         เกิด : เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2525

         ลูกชาย : ด.ช.ฑีมายุ แก้วไทรหาญ (เกิดวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2553)

         ผลงานละคร : ถนนสายหัวใจ, คู่แท้ชุลมุน, ก็ว่าจะไม่รัก, หน้ากากดอกซ่อนกลิ่น, คุณหนูฉันทนา, ปีศาจแสนกล

         ผลงานเพลง : อัลบั้ม "แอนนี่"

         ผลงานภาพยนตร์ : เชอรี่ แอน, อีส้มสมหวังชะชะช่า, เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ, แต๋วเตะตีนระเบิด

         ผลงานหนังสือ : ผู้ชาย SEX ห่วย!!



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กว่าจะถึงวันนี้...แอนนี่ บรู๊ค อัปเดตล่าสุด 17 ธันวาคม 2553 เวลา 17:11:03 1,209 อ่าน
TOP