ชีวิตรักของเราในอินสตาแกรมหวานมาก จนหลายคนต้องแซว ?
อ๊อฟ : ว้าย…ก็อย่างที่เห็นแหละครับ เราเองก็เรื่อย ๆ มากกว่า และก็พยายามทำให้เห็นว่าทุกความรักมันคือเรื่องที่ดี ไม่ว่าจะรักรูปแบบไหนมันก็ทำให้เรามีความสุขได้เหมือนกัน ซึ่งอ๊อฟเชื่อว่าคนที่เห็นเขาก็จะคิดได้ทั้งสองแบบ คือรับได้กับรับไม่ได้ แต่มันก็สุดแล้วแต่ความคิดเห็นของแต่ละคน เพียงแต่ตัวอ๊อฟเองอ๊อฟรู้สึกว่าสิ่งที่อ๊อฟทำ มันไม่ได้เกินขอบเขตจนน่าเกลียด และมันก็เป็นความสุขของเราจริง ๆ
ที่ผ่านมาตัวเราเองเคยเจอกับเกรียนคีย์บอร์ดที่เข้ามาคอมเมนต์เหน็บแนมบ้างไหม ?
อ๊อฟ : ถ้าในอินสตาแกรมไม่มีหรอกครับ แต่เอาจริง ๆ นะ อ๊อฟคิดว่าโซเชียลมันก็จะมีการแบ่งกันเองอยู่แล้วเป็นหลายหมวด ซึ่งกลุ่มคนที่เขาใช้อินสตาแกรมเขาจะมีการแยกแยะ ไม่เหมือนกับทวิตเตอร์หรือคอมเมนต์ในยูทูบ ดังนั้นถ้าหากมันมีคอมเมนต์ที่อ๊อฟอ่านแล้วรู้สึกไม่ดี อ๊อฟก็จะไม่เดินไปดมขี้ และอย่างล่าสุดอยู่ดี ๆ ก็มีคนเอาข่าวเก่าของอ๊อฟกับน้องโมออกมารีรัน และอ๊อฟก็โดนด่าอีก ซึ่งเรื่องมันเก่ามากประมาณ 3 ปีแล้ว แถมอ๊อฟกับน้องโมก็เคลียร์แล้วด้วย ไม่มีอะไรเลย
ด้วยความที่เรากับแฟนค่อนข้างโรแมนติก มันทำให้ถูกเพื่อน ๆ แซวบ่อยไหม ?
อ๊อฟ : แซวเยอะครับ แต่จะแซวกันแค่ช่วงแรก ๆ มากกว่า เพราะช่วงหลังมานี้เพื่อน ๆ จะเริ่มด่าละ (หัวเราะ)
รู้สึกยังไงบ้างที่คนยกตำแหน่งให้เราเป็น คนอวดแฟน 2018 ?
อ๊อฟ : ไม่หรอก คืออ๊อฟอยากให้มันเป็นธรรมชาติมากกว่า
เราคบกันมาได้ปีกว่าแบบนี้ ยังมีอะไรให้ต้องปรับจูนอีกไหม ?
อ๊อฟ : เอ่อ…ก็ต้องปรับจูนกันอยู่ทุกวันนะครับ เพราะเราเติบโตมาจากคนละครอบครัว วิธีการเลี้ยงดูก็ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นเราจึงต้องเดินมาหากันครึ่งทางเพื่อที่จะทำให้เรามีความสุขครับ
มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษไหมที่เรามองว่ามันคือปัญหาของคู่เรา ?
อ๊อฟ : ไม่มีนะ เพราะอ๊อฟรู้สึกว่าเราอยู่ด้วยความเข้าใจมากกว่า
เห็นว่าตอนนี้แฟนเราเองก็เปิดอินสตาแกรมให้แฟน ๆ ได้เข้ามาส่องแล้ว ?
อ๊อฟ : คือก่อนหน้านี้ที่เขาตั้งไพรเวตไว้ก็เพราะเขายังตั้งรับไม่ถูก ไม่รู้ว่าเขาควรจะทำตัวยังไง แต่อ๊อฟเองก็พยายามบอกกับเขาว่า คนที่เขาอยากติดตามเราเขาก็แค่อยากลุ้นไปกับเราเฉย ๆ สุดท้ายเขาก็เลยเปิด แต่ถามว่าอ๊อฟต้องกล่อมเขาไหม จริง ๆ ก็ไม่เลยนะ เพราะเขามาถามอ๊อฟก่อนด้วยซ้ำว่าเขาควรเปิดหรือเปล่า อ๊อฟก็เลยบอกให้เปิดเลย แต่ที่ก่อนหน้านี้อ๊อฟไม่อยากให้เขาเปิดเพราะอ๊อฟเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่อยากติดตามเขาเป็นคนแบบไหน เพราะมันเคยมีนะอารมณ์เป็นแบบผู้หญิงส่งอินบ็อกซ์มาหาเขา บอกว่าเขาหยิ่ง ไม่ยอมรับแอด ไม่ยอมคุยกับเขาเลย
คบกันมานานขนาดนี้เคยมีโอกาสเจอผู้ใหญ่ของแฟนเราบ้างหรือยัง ?
อ๊อฟ : ไปหาบ่อยเลยครับ เจอกันตลอดเลย ทั้งเขามาบ้านอ๊อฟและอ๊อฟไปบ้านเขา
เรียกว่าตอนนี้ผู้ใหญ่ก็ให้ไฟเขียวแล้ว ?
อ๊อฟ : เอ่อ…อ๊อฟไม่รู้นะว่าไฟเขียวหรือเปล่า แต่ก็มองว่าลูกรักใครท่านก็คงรักด้วย
แสดงว่าความรักตอนนี้ลงตัวแล้ว ?
อ๊อฟ : เอาจริง ๆ อ๊อฟก็ไม่กล้าพูดนะว่ามันลงตัวกว่าทุกครั้งหรือเปล่า แต่ทุกวันนี้อ๊อฟมีความสุขมาก ๆ สุขที่สุดในความรักต่าง ๆ ที่อ๊อฟเคยมีมา
ได้มีโอกาสมองภาพงานแต่งงานไว้บ้างหรือยัง ?
อ๊อฟ : ไม่เลย คืออ๊อฟรู้สึกว่าถึงแม้สังคมไทยจะเปิดกว้าง หรือรับได้แล้วก็จริง แต่การทำอะไรแบบนั้นมันมีทั้งผลดีและผลเสียแน่นอน ฉะนั้นอ๊อฟขอเลือกทางที่จะเลี่ยงไม่ให้เกิดผลเสียทั้งกับอ๊อฟเองและสังคมดีกว่า
สามารถใช้คำว่ามีสติกับความรักมากขึ้นได้ไหม ?
อ๊อฟ : ใช่เลยครับ เหมือนอ๊อฟโตขึ้นด้วยมั้ง คือถ้าเป็นเมื่อก่อนหากมีใครมาทำอะไรกระทบกระเทือนความรู้สึกอ๊อฟแม้แต่นิดหน่อย อ๊อฟก็คิดว่าจะต้องเอาคืน ต้องแฉ ต้องด่า แต่เดี๋ยวนี้พอเราโตขึ้น เราก็เริ่มคิดมากขึ้น รวมถึงระวังการกระทำของตัวเองด้วย
เราไปทำศัลยกรรมเอเจนซี่เดียวกันกับ เม จีระนันท์ เรื่องนี้ส่งผลกระทบกับเรายังไงบ้าง ?
อ๊อฟ : ถ้าถามถึงผลกระทบ ไม่มีครับ แต่ถามว่าอ๊อฟเคยไปไหม ไปครับ คือเอาจริง ๆ อ๊อฟมองว่ามันแล้วแต่เคสมากกว่า เพราะการทำศัลยกรรมมันก็เหมือนซื้อหวย ถ้าหากแจ็กพอตแตกที่เราพอดี เราก็ซวย แต่โชคดีที่ตอนนั้นอ๊อฟไปทำแค่เลเซอร์ปกติ ไม่ได้ต้องกรีดหรือผ่าอะไรขนาดนั้น
ตอนมีข่าวออกมาเราตกใจไหม ?
อ๊อฟ : ตกใจครับ ตกใจมาก เพราะเอาจริง ๆ แล้วมันคงไม่มีใครอยากให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นหรอก เนื่องจากมันเกิดผลเสียหลายด้าน ยังไงอ๊อฟก็ต้องขอเป็นกำลังใจให้นะ
เราได้มีโอกาสสอบถามไปทางเอเจนซี่คลินิกศัลยกรรมบ้างหรือเปล่า ?
อ๊อฟ : ไม่ได้ถามครับ ไม่ถามอะไรเลย
คิดว่าเราจะกลับไปเลเซอร์กับเขาอีกไหมในอนาคต ?
อ๊อฟ : เอาจริง ๆ พี่มีที่ไทยดูแลพี่อยู่แล้ว (หัวเราะ)
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN