โดม จารุวัฒน์ เผยพ่อเส้นเลือดในสมองแตก หมอบอกตายใน 2 วัน ก่อนฟื้นราวกับปาฏิหาริย์ พร้อมเล่าเส้นทางชีวิตกว่าจะกลายเป็นนักร้อง เคยโดน Bully หนักเรื่องหน้าตา
ชีวิตตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
โดม : ก็ดีครับ ปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่ได้ทำงานเยอะแยะมาก แล้วก็เป็นปีที่เราได้ทำงานที่เราใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต นั่นก็คือการเล่นละครเวที ก็เรียกว่าได้รับโอกาสที่ดีครับ คือเราคิดว่าละครเวทีเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจดี แล้วเราก็อยากทำมันมาตลอด หลังจากที่เข้าวงการบันเทิงมาสักพักหนึ่งปีนี้แหละเป็นปีแรกที่ได้เล่นละครเวทีครับ
โดม
: จริง ๆ ก็มีซื้อบ้านเอาไว้ครับ แต่ด้วยแบบบางทีเราทำงาน
ถ้าเกิดว่าขึ้นมาอยู่ปั๊บแล้วอาจจะไม่ได้มีคนดูแลเขาขนาดนั้น กลัวเขาเหงา
พอมาอยู่ที่นี่เขาก็ไม่รู้จะทำอะไร คืออยู่บ้านที่ภูเก็ต
อย่างน้อยเขาก็จะมีคนแถวบ้านหรือญาติ ๆ มาหาอะไรแบบนี้
ก็ยังรู้สึกว่าไม่เหงา แต่ว่าถ้าคิดถึงหรืออยากจะดูคอนเสิร์ต
หรือละครเวทีของเรา ก็จะมีการขึ้นมาหาผมครับ เป็นกรณีไป
หรือผมก็จะไปหาที่บ้านบ้าง ก็ผลัด ๆ กันครับ
ทราบมาว่าคุณพ่อป่วย ตอนนี้อาการท่านเป็นยังไงบ้าง ?
โดม : อาการตอนนี้ก็ดีขึ้นครับ คือดีขึ้นจากช่วงแรก ๆ เลย แล้วก็ผมว่าสิ่งที่มันเห็นและพัฒนาได้อย่างชัดเจน ก็คือ อารมณ์ สุขภาพจิต จากเดิมที่เขารู้สึกแย่เพราะว่า จากคนที่เคยสามารถทำอะไรได้เอง เดินเหินได้ปกติ อยากจะไปไหนก็ได้ไปอะไรแบบนี้ แต่ว่าพอเป็นอัมพฤกษ์ปั๊บ เขาจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างตามใจแล้ว ก็จะมีความหงุดหงิด ฉุนเฉียว แต่ว่าพอมันผ่านระยะเวลามาช่วงนึง เขาก็จะเริ่มเข้าใจ หรือปล่อยวางได้บ้างแล้ว
โดม
: ผ่านมา 8-9 ปีแล้วครับ คือวันนั้นจริง ๆ ผมไม่ได้อยู่บ้านไปทำงานครับ
คือต้องบอกว่าคุณพ่อเป็นคนดูแลสุขภาพนะ ออกกำลังกาย ตื่นเช้ามาจะวิ่งทุกวัน
แต่ว่าช่วงนั้นอาจจะทำงานหนัก ไม่ได้พักผ่อนเท่าที่ควร อยู่ ๆ
ก่อนจะนอนเขาก็ปวดหัวขึ้นมา แล้วก็ปวดตา แล้วก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลม
แม่เลยเรียกรถพยาบาลมา พอไปถึงโรงพยาบาลผมก็เห็นเขานอนอยู่ หมอบอกว่า
"คนไข้จะอยู่ได้อีกแค่ 2 วันเท่านั้น" ผมช็อคไม่รู้จะทำอะไรต่อ
เพราะว่าเราเคยชินกับการที่อยู่เป็นครอบครัว แม่ก็ร้องไห้
มันก็เป็นช่วงเวลา 2 วันที่ทรมาน
เส้นเลือดในสมองที่อยู่แกนกลางสมองมันระเบิดออกมา
เลือดคลั่งทับสมองส่วนที่ควบคุมการหายใจ
หมอก็ใช้เครื่องช่วยหายใจยื้อไปเรื่อย ๆ จังหวะนั้นคือนั่งข้างเตียงลุ้นมาก
แต่พอผ่าน 2 วันนั้นมาได้เราก็ค่อย ๆ ตั้งสติตัวเอง
ก็เห็นว่าเขายังอยู่กับเรา ยังไม่ไป ก็ผ่านมาเรื่อย ๆ เขาสลบไปประมาณ 24
วันครับ แล้วก็ฟื้นขึ้นมาถือเป็นปาฏิหาริย์ครับ
หลังจากคุณพ่อป่วย ชีวิตเราตอนนั้นเป็นยังไง ?
โดม : เราก็เริ่มเห็นแล้วว่าพอคุณพ่อป่วยปั๊บ คนที่จะต้องขึ้นมาเป็นเสาหลักมันก็ต้องเป็นเรา เพราะเราเป็นพี่ชายคนโต คุณแม่เขาก็อาจจะทำงานค้าขาย แต่ก็มันก็คงไม่ได้ช่วยเหลือในการเลี้ยงดูได้มาก ๆ แน่ เพราะฉะนั้นเราเองก็ต้องเริ่มรู้สึกแล้วว่าเราจะต้องเป็นเสาหลัก เราก็เลยต้องหาเส้นทางที่มันมั่นคงสำหรับชีวิตเรา ก็เลยเลือกเรียนนิติศาสตร์ จากตอนแรกที่เคยมีความฝันว่าอยากจะเรียนนิเทศศาสตร์เพื่อเป็นผู้กำกับ ก็เลยต้องเปลี่ยนตัวเอง เพราะว่าอันนี้เป็นสิ่งที่คุณพ่ออยากให้เรียน เขาก็คงเห็นว่าเราน่าจะไปทางนี้ได้ เราเองก็มีความชอบในด้านนี้อยู่ และเราก็คิดว่ามันต้องมั่นคงแน่ ๆ ก็เลยเลือกเรียนนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
โดม
: สมัครเพราะว่า ตอนนั้นเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมปี 54
แล้วมหาวิทยาลัยก็ปิด ไม่สามารถทำการเรียนการสอนได้
ผมก็เลยต้องกลับไปอยู่ที่ภูเก็ต แล้วก็เป็นช่วงที่เราว่าง
แล้วก็เห็นว่ามีเดอะสตาร์มารับสมัครที่ภูเก็ต ซึ่งปีก่อน ๆ
หน้านั้นเราก็เคยไปสมัครมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้เข้ารอบ ก็หาประสบการณ์ให้ตัวเอง
แล้วพอช่วงเวลามันพอดี ครั้งนี้ผ่านเข้ารอบครับ ก็ผ่านเข้ามาเรื่อย ๆ
จนมันไปไกลกว่าที่เราคิดไว้มาก ๆ กลายเป็น 8 คนสุดท้าย
แล้วก็คว้าแชมป์มาเป็น The Star 8 ครับ
หลังได้แชมป์ก็มีดราม่าเรื่องหน้าตา เล่าให้ฟังหน่อย ?
โดม : คือตอนที่อยู่ในบ้านจะไม่ได้รับรู้อะไรเพราะเขาไม่ให้ใช้มือถือ ไม่ให้รับกระแสใด ๆ เลย แต่พอออกจากบ้านเราก็เปิดดูว่าที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง คอมเมนต์ต่าง ๆ ใน YouTube อะไรแบบนี้ ก็เห็นว่ามันหนักกว่าที่เราคิดเอาไว้ สมัยก่อนเราอึ้งมาก รู้สึกแบบจุก มันขนาดนี้เลยเหรออะไรแบบนี้ เราอาจจะไม่ได้ทำให้เขามีความสุขขนาดนั้น ก็ขอโทษ เราทำอะไรไม่ได้เลย เพราะหน้าที่ของเราหมดแล้ว หน้าที่ของเราคือ ทำงานให้ดีที่สุด แล้วผู้เสพจะรู้สึกยังไงมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา เราไม่มีสิทธิ์ไปบังคับใครได้
โดม
: ไม่มี มันรู้สึกว่าสุดท้ายแล้ว
ผมยังมั่นใจว่าวงการนี้ยังมีที่ให้กับคนที่มีความสามารถ
มีที่ให้กับคนที่มั่นใจ มีที่ให้กับทุก ๆ คนเสมอ ผมมั่นใจอย่างนั้น
แล้วก็เราก็พร้อมที่จะเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ คน ที่อาจจะไม่มั่นใจในตัวเอง
เป็นกำลังใจให้เขาลุกขึ้นมาสู้
ถ้าเราทำได้ผมมั่นใจว่าคุณก็ต้องทำได้เหมือนกัน
สิ่งที่ทำให้เราผ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ มาได้ คืออะไร ?
โดม : ครอบครัวครับ แฟนคลับ คือแฟนคลับเราจะเป็นพวกเรียบร้อย อ่านแล้วก็มาฟ้องเบา ๆอะไรแบบนี้ แล้วเขาก็จะไม่ได้เข้าไปถล่มหรืออะไร สิ่งเหล่านี้แหละครับ ด้วยครอบครัวและแฟนคลับ คือกำลังใจที่ทำให้เรารู้สึกว่า อยากจะทำงานต่อไป
อยากจะบอกอะไรกับคนที่ชอบตัดสินคนอื่นที่รูปร่างหน้าตามากกว่าความสามารถบ้าง ?
ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow
เป็นนักร้องหนุ่มที่มีความสามารถก้าวเข้ามาในวงการจากเวทีประกวด สำหรับ โดม
จารุวัฒน์ ที่ต้องยอมรับเลยว่าเสียงของเจ้าตัวทรงพลังมาก ๆ
จนทำให้หนุ่มโดมคว้าแชมป์ The Star 8 มาครองได้สำเร็จ
แต่เส้นทางกว่าจะมาถึงดวงดาวของหนุ่มโดมมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
เจ้าตัวต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ มากมาย ทั้งพ่อป่วยหนัก โดนล้ออ้วนดำ
หน้าตาไม่ดี ฯลฯ ล่าสุด หนุ่มโดม ได้มาเปิดใจถึงเรื่องราวทั้งหมด
ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง ONE31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ บุ๋ม
ปนัดดา เป็นพิธีกร
ชีวิตตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
โดม : ก็ดีครับ ปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่ได้ทำงานเยอะแยะมาก แล้วก็เป็นปีที่เราได้ทำงานที่เราใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต นั่นก็คือการเล่นละครเวที ก็เรียกว่าได้รับโอกาสที่ดีครับ คือเราคิดว่าละครเวทีเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจดี แล้วเราก็อยากทำมันมาตลอด หลังจากที่เข้าวงการบันเทิงมาสักพักหนึ่งปีนี้แหละเป็นปีแรกที่ได้เล่นละครเวทีครับ
เห็นว่าสิ่งหนึ่งที่อยากทำคือการพาพ่อ-แม่มาอยู่ที่กรุงเทพฯ ตอนนี้สำเร็จแล้วหรือยัง ?
ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow
ทราบมาว่าคุณพ่อป่วย ตอนนี้อาการท่านเป็นยังไงบ้าง ?
โดม : อาการตอนนี้ก็ดีขึ้นครับ คือดีขึ้นจากช่วงแรก ๆ เลย แล้วก็ผมว่าสิ่งที่มันเห็นและพัฒนาได้อย่างชัดเจน ก็คือ อารมณ์ สุขภาพจิต จากเดิมที่เขารู้สึกแย่เพราะว่า จากคนที่เคยสามารถทำอะไรได้เอง เดินเหินได้ปกติ อยากจะไปไหนก็ได้ไปอะไรแบบนี้ แต่ว่าพอเป็นอัมพฤกษ์ปั๊บ เขาจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างตามใจแล้ว ก็จะมีความหงุดหงิด ฉุนเฉียว แต่ว่าพอมันผ่านระยะเวลามาช่วงนึง เขาก็จะเริ่มเข้าใจ หรือปล่อยวางได้บ้างแล้ว
ย้อนเหตุการณ์ตอนนั้นที่เส้นเลือดในสมองแตกหน่อยเกิดอะไรขึ้น ผ่านมากี่ปีแล้ว ?
ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow
หลังจากคุณพ่อป่วย ชีวิตเราตอนนั้นเป็นยังไง ?
โดม : เราก็เริ่มเห็นแล้วว่าพอคุณพ่อป่วยปั๊บ คนที่จะต้องขึ้นมาเป็นเสาหลักมันก็ต้องเป็นเรา เพราะเราเป็นพี่ชายคนโต คุณแม่เขาก็อาจจะทำงานค้าขาย แต่ก็มันก็คงไม่ได้ช่วยเหลือในการเลี้ยงดูได้มาก ๆ แน่ เพราะฉะนั้นเราเองก็ต้องเริ่มรู้สึกแล้วว่าเราจะต้องเป็นเสาหลัก เราก็เลยต้องหาเส้นทางที่มันมั่นคงสำหรับชีวิตเรา ก็เลยเลือกเรียนนิติศาสตร์ จากตอนแรกที่เคยมีความฝันว่าอยากจะเรียนนิเทศศาสตร์เพื่อเป็นผู้กำกับ ก็เลยต้องเปลี่ยนตัวเอง เพราะว่าอันนี้เป็นสิ่งที่คุณพ่ออยากให้เรียน เขาก็คงเห็นว่าเราน่าจะไปทางนี้ได้ เราเองก็มีความชอบในด้านนี้อยู่ และเราก็คิดว่ามันต้องมั่นคงแน่ ๆ ก็เลยเลือกเรียนนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
แล้วเข้ามาประกวดรายการเดอะสตาร์ได้ยังไง ?
ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow
หลังได้แชมป์ก็มีดราม่าเรื่องหน้าตา เล่าให้ฟังหน่อย ?
โดม : คือตอนที่อยู่ในบ้านจะไม่ได้รับรู้อะไรเพราะเขาไม่ให้ใช้มือถือ ไม่ให้รับกระแสใด ๆ เลย แต่พอออกจากบ้านเราก็เปิดดูว่าที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง คอมเมนต์ต่าง ๆ ใน YouTube อะไรแบบนี้ ก็เห็นว่ามันหนักกว่าที่เราคิดเอาไว้ สมัยก่อนเราอึ้งมาก รู้สึกแบบจุก มันขนาดนี้เลยเหรออะไรแบบนี้ เราอาจจะไม่ได้ทำให้เขามีความสุขขนาดนั้น ก็ขอโทษ เราทำอะไรไม่ได้เลย เพราะหน้าที่ของเราหมดแล้ว หน้าที่ของเราคือ ทำงานให้ดีที่สุด แล้วผู้เสพจะรู้สึกยังไงมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา เราไม่มีสิทธิ์ไปบังคับใครได้
เคยท้อถึงขนาดคิดอยากจะออกจากวงการไหม ?
ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow
สิ่งที่ทำให้เราผ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ มาได้ คืออะไร ?
โดม : ครอบครัวครับ แฟนคลับ คือแฟนคลับเราจะเป็นพวกเรียบร้อย อ่านแล้วก็มาฟ้องเบา ๆอะไรแบบนี้ แล้วเขาก็จะไม่ได้เข้าไปถล่มหรืออะไร สิ่งเหล่านี้แหละครับ ด้วยครอบครัวและแฟนคลับ คือกำลังใจที่ทำให้เรารู้สึกว่า อยากจะทำงานต่อไป
อยากจะบอกอะไรกับคนที่ชอบตัดสินคนอื่นที่รูปร่างหน้าตามากกว่าความสามารถบ้าง ?
โดม
: จริง ๆ มันก็เป็นสิทธิ์ของทุกคนอยู่แล้ว ในเรื่องของรสนิยม
ชอบหรือไม่ชอบ งานศิลปะมันไม่มีถูกผิด มันจะมีแค่คำว่าชอบหรือไม่ชอบ
ผมถือว่าเรามีหน้าที่ทำงานศิลปะชิ้นหนึ่งให้กับคุณผู้ชม
ถ้าเกิดคุณผู้ชมชอบหรือไม่ชอบอันนี้ก็จะเป็นความรู้สึกส่วนตัวของแต่ละคน
หน้าที่ของเรามันหมดแล้วครับ มันหมดตั้งแต่เป็นผู้ส่งสาร ส่งความรู้สึกดี ๆ
ส่งงานดี ๆ ให้กับทุกคน เราเต็มที่กับงานแค่นี้พอแล้ว
ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow
ติดตามรายการ
คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00 น. ทางช่อง one31 Facebook
Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama