ผู้ชายกับภาวะ Football Fever! (Modern Mom)
พอถึงเทศกาลลูกหนังทีไร พ่อเจ้าประคุณก็นั่งเฝ้าอยู่หน้าจอไม่ยอมไปไหนเลย อาการแบบนี้ใช่ไหมคะที่ผู้หญิงสงสัยอยากรู้มานาน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไอ้ลูกกลม ๆ ลูกเดียวที่ถูกรุมแย่งเตะกันไปมาในสนานตั้ง 20 กว่าคนนี่มีอะไรดีนักหนาสิน่ะ ดูได้ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่ยอมหลับนอน อย่าช้าเลยค่ะ เมื่อคุณอยากรู้ เราจะพาไปหาคำตอบกัน
จากใจคุณผู้ชาย...
ผู้ชายส่วนใหญ่บอกว่าการดูฟุตบอลเป็นความชอบส่วนตัว และที่นิยมกันมากเพราะเป็นกีฬาชนิดแรกที่พวกเขารู้จัก เล่นง่าย และสนุก ยิ่งการแข่งขันแมตช์ใหญ่ ๆ ยิ่งตื่นเต้น น่าสนใจทั้งเทคนิคการเล่น ซูเปอร์สตาร์ประจำทีม รวมทั้งมีข่าวคราวความเคลื่อนไหวให้ติดตามอยู่ตลอดเวลา คุณผู้ชายยังบอกอีกนะคะว่า การดูฟุตบอลยังช่วยเรื่องการเข้าสังคมได้ด้วย เพราะคุยกับใครก็รู้เรื่อง บางครั้งออกไปดูฟุตบอลข้างนอกก็ยังได้เพื่อนใหม่กลับมา
แล้วอย่างนี้ผู้หญิงควรทำอย่างไรดี?
แค่ทำความเข้าใจกัน เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง ถ้าผู้ชายเขาอยากดูฟุตบอลหรือกีฬาอื่น ๆ ก็ปล่อยให้เขาดูไปเถอะค่ะ ที่สำคัญถ้าเลือกได้ คุณผู้ชายเขาคงไม่อยากอดหลับอดนอนเพื่อดูบอลหรอกค่ะ แต่เผอิญว่าเวลาถ่ายทอดมักมีแต่ตอนกลางคืนต่างหากล่ะ
สร้างสัมพันธภาพระหว่างดูศึกลูกหนัง
เปลี่ยนจากการบ่นเป็นชวนคุยเรื่องเกมฟุตบอล หรือจะเตรียมเครื่องดื่มและขนมไว้เสิร์ฟระหว่างเกม
ลงไปนั่งติดจอดูด้วย หรือจะแบ่งทีมกันเชียร์เพื่อความมันส์ก็ได้นะ
ระหว่างพักครึ่งจะสะกิดคุณผู้ชายชวนกันทำประตูนอกจอก็ไม่ว่ากัน ฮิฮิ
หากการดูฟุตบอลรบกวนเวลานอนของคุณก็พูดคุยกัน ขอให้คุณผู้ชายออกไปดูที่ห้องอื่นของบ้านได้ค่ะ
ถ้าคุณรู้สึกเหงายามที่เขานั่งเฝ้าหน้าจอและคุณก็ไม่ชอบดูบอลล่ะก็ ลองหากิจกรรมอื่นทำดูค่ะ ถือเป็นเวลาส่วนตัวของแต่ละคนไงคะ
เห็นไหมคะฟุตบอลไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอย่างที่คุณคิดสักหน่อย อย่ากังวลไปเลยค่ะ แค่เข้าใจคุณผู้ชายเขาบ้าง แค่นี้สัมพันธภาพในครอบครัวก็มีความสุขได้แล้ว ดีกว่ามานั่งทะเลาะกันเป็นไหน ๆ คิดซะว่าสามีติดฟุตบอลก็ยังดีกว่าติดสาว ๆ นะคะ
รู้หรือเปล่าว่า...
ฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ผู้ชายชอบทำอะไรอย่างมีจุดมุ่งหมาย ชอบความท้าทาย ชอบการแข่งขัน ใช้พละกำลัง ผู้ชายถึงได้ชอบกีฬาหรือพวกเทคโนโลยีไงคะ
ฮอร์โมนเพศหญิง ทำให้ผู้หญิงเป็นเพศที่ชอบความนุ่มนวล อ่อนหวาน ใช้อารมณ์และความรู้สึกมากกว่า จึงเลือกที่จะหากิจกรรมเบา ๆ ทำหรือเลือกที่จะดูละครมากกว่าดูกีฬาไงคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
โดย : นพ.ดุสิต ลิขนะพิชิตกุล และ นพ.พันธ์ศักดิ์ ศกระฤกษ์