รีแพร์คืออะไร หลายคนคงพอได้ยินคำว่า รีแพร์ กันมาบ้าง และเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาน้องสาวไม่กระชับ หรือคุณแม่หลังคลอด วันนี้เราจะมาล้วงลึกกันค่ะว่า รีแพร์คืออะไร ? ช่วยอะไรได้บ้าง และทำอย่างไร ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
หนึ่งในปัญหาของผู้หญิงที่ส่วนใหญ่ละเลยและไม่กล้าเปิดเผย คือปัญหาช่องคลอดหลวม โดยมีผู้หญิงอายุมากกว่า 40 ปี ถึง 2 ใน 3 ที่ประสบปัญหานี้ แต่ไม่กล้าทำอะไร และปล่อยให้ปัญหาบั่นทอนสุขภาพทั้งกายและใจไปเรื่อย ๆ ทำให้ขาดความมั่นใจในตัวเอง ความสุขในเรื่องเพศสัมพันธ์ลดลง รวมไปถึงอาจเกิดปัญหาปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ซึ่งส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้
แต่ด้วยวิทยาการทางการแพทย์ "รีแพร์" เป็นทางออกหนึ่งของปัญหานี้ค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาทางสรีระได้อย่างตรงจุด ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คุณผู้หญิงได้ ดังนั้นเราไปทำความรู้จักกับการรีแพร์ให้มากขึ้นกันค่ะ
รีแพร์ คืออะไร
รีแพร์ (Repair) แปลตรงตัวคือการซ่อมแซม หมายถึง การผ่าตัดตกแต่งกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่หย่อนยานภายในช่องคลอดให้กระชับขึ้น เพื่อให้ขนาดหรือเส้นผ่าศูนย์กลางของช่องคลอดเล็กลงและเกิดการหดรัดที่ดีกว่าเดิม โดยเป็นการผ่าตัดตลอดแนวความลึกของช่องคลอด รวมถึงการผ่าตัดตกแต่งเนื้อเยื่อและผิวหนังบริเวณปากช่องคลอดด้วย
ทำไมช่องคลอดถึงหลวม
ช่องคลอดหลวม เกิดจากภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน หรือภาวะกระบังลมหย่อน สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน ได้แก่
- การมีเพศสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน
- การตั้งครรภ์ การคลอดบุตรทางช่องคลอด การคลอดบุตรหลายคน รวมถึงบุตรตัวโต การทำคลอดไม่ถูกวิธี
- อายุที่มากขึ้น
- ภาวะอ้วน
- ผู้ที่ต้องออกแรงเกร็งช่องท้องเป็นประจำ เช่น การยกของหนัก
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น ไอเรื้อรัง ท้องผูกเรื้อรัง มีก้อนในช่องท้อง ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง รวมถึงผู้ที่อยู่ในวัยทอง
อาการ
- มีเสียงคล้ายผายลมออกจากช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์
- เวลามีเพศสัมพันธ์จะถึงจุด Climax ยาก หรือไม่ถึงเลย
- กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ มีปัสสาวะเล็ดขณะไอ จาม กระโดด วิ่ง
- มีก้อนตุงบริเวณปากช่องคลอด
- ปวดท้องน้อยขณะมีเพศสัมพันธ์
- ท้องผูกเรื้อรัง
- กลั้นผายลมไม่อยู่
ใครบ้างที่เหมาะกับการทำรีแพร์
- มีปัญหาช่องคลอดหลวมและมีเสียงลมขณะมีเพศสัมพันธ์
- มีอาการปัสสาวะเล็ดเวลาไอ จาม กระโดด
- มีก้อนตุงมาที่ปากช่องคลอด
- มีปัญหาในการมีเพศสัมพันธ์ เช่น การไม่ถึงจุดสุดยอด
สำหรับผู้ที่ไม่สามารถทำรีแพร์ได้ คือ ผู้ป่วยเบาหวาน เพราะแผลอักเสบและติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ ผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศภายใน 1 สัปดาห์ และผู้ที่มีอาชีพที่ต้องเดินทางบ่อย ๆ เพราะ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัดเสี่ยงต่อการเกิดแผลแยก แผลอักเสบ และฉีกขาด
รีแพร์ช่วยอะไรได้บ้าง
สำหรับกลุ่มอายุ 30-50 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการแต่งงานและผ่านการคลอดบุตรมาแล้ว การรีแพร์จะเป็นการผ่าตัดในแง่ศัลยกรรมเพื่อความสวยงามและเพิ่มความมั่นใจ ช่องคลอดกระชับขึ้น ปากช่องคลอดเล็กลง กล้ามเนื้อช่องคลอดตึงตัวขึ้น ลดอาการแห้งของช่องคลอด ส่วนกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือวัยทอง จะเป็นการผ่าตัดเพื่อรักษาภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน ช่วยแก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้ค่ะ
รีแพร์ ทำอย่างไร
รีแพร์ทำได้ 2 วิธี คือการผ่าตัดและการใช้เลเซอร์
1. การผ่าตัดรักษาแบบดั้งเดิม
ทำได้โดยการเย็บติดระหว่างผนังช่องคลอดกับกระเพาะปัสสาวะ เพื่อให้ท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะเคลื่อนขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งเดิม ซึ่งจะช่วยทำให้เนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อในบริเวณนั้นมีความกระชับตึงมากขึ้น แต่เป็นวิธีการที่ไม่นิยมในปัจจุบัน เพราะมีอัตราการล้มเหลวถึง 25-60% จึงได้มีการพัฒนาการผ่าตัดรักษาด้วยเทคนิคใหม่ คือ การนำแผ่นพยุงตาข่ายพิเศษ (Mesh) แปะหรือฝังในผนังช่องคลอด ทำให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จมากขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาช่องคลอดหย่อนยานได้ถึง 95% และหลังทำผู้ป่วยจะไม่รู้สึกว่ามีแผ่นพยุงอยู่ในช่องคลอด
2. การใช้เลเซอร์
ปัจจุบันมีการนำเลเซอร์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่มาใช้ในการกระชับช่องคลอด ทั้งนำมาใช้แทนการผ่าตัดทั่วไป และการใช้เลเซอร์กระชับช่องคลอดโดยไม่ผ่าตัด
- การผ่าตัดด้วยเลเซอร์
แพทย์จะทำการผ่าตัดบริเวณผนังช่องคลอดด้านหลัง โดยตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินของผนังช่องคลอดออก เพื่อให้ช่องคลอดมีขนาดเล็กลง ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง การผ่าตัดด้วยเลเซอร์ช่วยลดการสูญเสียเลือดและลดความบอบช้ำของเนื้อเยื่อลง เจ็บน้อยกว่าและฟื้นตัวเร็วกว่า
- การใช้เลเซอร์กระชับช่องคลอดโดยไม่ผ่าตัด
ทำได้โดยนำหัวเลเซอร์สอดเข้าไปในช่องคลอด แล้วปล่อยพลังงานเลเซอร์ออกมาในคลื่นความยาวที่เหมาะสม ตลอดแนวความลึกของช่องคลอด เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้กล้ามเนื้อช่องคลอดมีความตึงตัวขึ้น ผนังช่องคลอดหดเล็กลง มีความแข็งแรงและกระชับขึ้น เป็นการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่มีการสูญเสียเลือดและไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ โดยมีการวัดความตึงตัวของช่องคลอดทั้งก่อนและหลังทำ จึงสามารถเห็นถึงผลของการใช้เลเซอร์กระชับช่องคลอดได้ ทั้งนี้ ผลการรักษาขึ้นกับสภาพปัญหาของแต่ละบุคคล
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดรีแพร์
- ควรทำในช่วงที่ประจำเดือนหมดไม่เกิน 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการอักเสบของแผลและการปนเปื้อนของเลือดในระหว่างการผ่าตัด
- ควรตรวจภายในและตรวจมะเร็งปากมดลูกให้เรียบร้อย เนื่องจากหลังผ่าตัดจำเป็นจะต้องงดตรวจไปสักระยะหนึ่ง เพื่อเป็นการป้องกันแผลผ่าตัดถูกกระทบกระเทือน
- ผู้ป่วยต้องงดน้ำและอาหารก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
- อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดตามปกติ
- งดการใช้ยาบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน
- ถ้ามีโรคประจำตัวหรือแพ้ยาต้องแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
การดูแลหลังการผ่าตัดรีแพร์
- งดการมีเพศสัมพันธ์ 2 เดือน
- งดออกกำลังกาย 1 เดือน งดการยกของหนักประมาณ 2 สัปดาห์ พยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันแผลแยกและเกิดการอักเสบ
- รับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ให้งดอาหารแสลงพวกของหมักดอง อาหารทะเล เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และบุหรี่ประมาณ 1 เดือน
- ทำความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัดด้วยน้ำสะอาดในเวลาเช้า-เย็น รวมถึงหลังจากปัสสาวะ-อุจจาระทุกครั้ง และกลับมาพบแพทย์ตามนัด แผลจะหายภายใน 7-10 วัน โดยไหมจะละลายไปเอง ไม่ต้องตัดไหม
- การทำรีแพร์เป็นการผ่าตัดในบริเวณที่มีเลือดไหลเวียนมาหล่อเลี้ยงมาก ดังนั้นหลังผ่าตัดและแผลแห้งสนิทดีแล้ว จึงไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็น
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดรีแพร์
ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดรีแพร์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่ เสียเลือดมาก เกิดการติดเชื้อ ผนังกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ทะลุ หากผ่าตัดบริเวณฝีเย็บสูงเกินไปอาจทำให้เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ อวัยวะเพศอาจผิดรูปร่างไปทำให้ไม่เป็นที่พอใจได้ เป็นต้น
แม้การทำรีแพร์จะช่วยให้ช่วงคลอดของสาว ๆ กลับมากระชับขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการมีเพศสัมพันธ์ แต่ความกระชับก็ยังไม่ได้เท่ากับคนที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนนะคะ อีกทั้งเมื่อเวลาผ่านไป ช่องคลอดก็อาจจะกลับมาไม่กระชับได้อีก ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น มีเพศสัมพันธ์บ่อย ต่อเนื่องยาวนาน หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ ฮอร์โมน รวมถึงวัยที่เพิ่มมากขึ้น
เพราะฉะนั้น ก่อนจะทำรีแพร์ควรศึกษาข้อมูลให้ดี เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และสิ่งสำคัญก็คืออย่าลืมดูแลสุขอนามัยของช่องคลอด ควบคู่กับการบริหารร่างกาย เพื่อความฟิตกระชับ จะได้มัดใจสามีไปได้นาน ๆ ค่ะ
ข้อมูลจาก : th.yanhee.net, kamolhospital.com, lelux.co.th
แต่ด้วยวิทยาการทางการแพทย์ "รีแพร์" เป็นทางออกหนึ่งของปัญหานี้ค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาทางสรีระได้อย่างตรงจุด ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คุณผู้หญิงได้ ดังนั้นเราไปทำความรู้จักกับการรีแพร์ให้มากขึ้นกันค่ะ
รีแพร์ คืออะไร
รีแพร์ (Repair) แปลตรงตัวคือการซ่อมแซม หมายถึง การผ่าตัดตกแต่งกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่หย่อนยานภายในช่องคลอดให้กระชับขึ้น เพื่อให้ขนาดหรือเส้นผ่าศูนย์กลางของช่องคลอดเล็กลงและเกิดการหดรัดที่ดีกว่าเดิม โดยเป็นการผ่าตัดตลอดแนวความลึกของช่องคลอด รวมถึงการผ่าตัดตกแต่งเนื้อเยื่อและผิวหนังบริเวณปากช่องคลอดด้วย
ทำไมช่องคลอดถึงหลวม
ช่องคลอดหลวม เกิดจากภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน หรือภาวะกระบังลมหย่อน สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน ได้แก่
- การมีเพศสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน
- การตั้งครรภ์ การคลอดบุตรทางช่องคลอด การคลอดบุตรหลายคน รวมถึงบุตรตัวโต การทำคลอดไม่ถูกวิธี
- อายุที่มากขึ้น
- ภาวะอ้วน
- ผู้ที่ต้องออกแรงเกร็งช่องท้องเป็นประจำ เช่น การยกของหนัก
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น ไอเรื้อรัง ท้องผูกเรื้อรัง มีก้อนในช่องท้อง ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงดันในช่องท้อง รวมถึงผู้ที่อยู่ในวัยทอง
- มีเสียงคล้ายผายลมออกจากช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์
- เวลามีเพศสัมพันธ์จะถึงจุด Climax ยาก หรือไม่ถึงเลย
- กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ มีปัสสาวะเล็ดขณะไอ จาม กระโดด วิ่ง
- มีก้อนตุงบริเวณปากช่องคลอด
- ปวดท้องน้อยขณะมีเพศสัมพันธ์
- ท้องผูกเรื้อรัง
- กลั้นผายลมไม่อยู่
- มีปัญหาช่องคลอดหลวมและมีเสียงลมขณะมีเพศสัมพันธ์
- มีอาการปัสสาวะเล็ดเวลาไอ จาม กระโดด
- มีก้อนตุงมาที่ปากช่องคลอด
- มีปัญหาในการมีเพศสัมพันธ์ เช่น การไม่ถึงจุดสุดยอด
สำหรับผู้ที่ไม่สามารถทำรีแพร์ได้ คือ ผู้ป่วยเบาหวาน เพราะแผลอักเสบและติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ ผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศภายใน 1 สัปดาห์ และผู้ที่มีอาชีพที่ต้องเดินทางบ่อย ๆ เพราะ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัดเสี่ยงต่อการเกิดแผลแยก แผลอักเสบ และฉีกขาด
สำหรับกลุ่มอายุ 30-50 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการแต่งงานและผ่านการคลอดบุตรมาแล้ว การรีแพร์จะเป็นการผ่าตัดในแง่ศัลยกรรมเพื่อความสวยงามและเพิ่มความมั่นใจ ช่องคลอดกระชับขึ้น ปากช่องคลอดเล็กลง กล้ามเนื้อช่องคลอดตึงตัวขึ้น ลดอาการแห้งของช่องคลอด ส่วนกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือวัยทอง จะเป็นการผ่าตัดเพื่อรักษาภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน ช่วยแก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้ค่ะ
รีแพร์ ทำอย่างไร
รีแพร์ทำได้ 2 วิธี คือการผ่าตัดและการใช้เลเซอร์
1. การผ่าตัดรักษาแบบดั้งเดิม
ทำได้โดยการเย็บติดระหว่างผนังช่องคลอดกับกระเพาะปัสสาวะ เพื่อให้ท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะเคลื่อนขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งเดิม ซึ่งจะช่วยทำให้เนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อในบริเวณนั้นมีความกระชับตึงมากขึ้น แต่เป็นวิธีการที่ไม่นิยมในปัจจุบัน เพราะมีอัตราการล้มเหลวถึง 25-60% จึงได้มีการพัฒนาการผ่าตัดรักษาด้วยเทคนิคใหม่ คือ การนำแผ่นพยุงตาข่ายพิเศษ (Mesh) แปะหรือฝังในผนังช่องคลอด ทำให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จมากขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาช่องคลอดหย่อนยานได้ถึง 95% และหลังทำผู้ป่วยจะไม่รู้สึกว่ามีแผ่นพยุงอยู่ในช่องคลอด
2. การใช้เลเซอร์
ปัจจุบันมีการนำเลเซอร์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่มาใช้ในการกระชับช่องคลอด ทั้งนำมาใช้แทนการผ่าตัดทั่วไป และการใช้เลเซอร์กระชับช่องคลอดโดยไม่ผ่าตัด
- การผ่าตัดด้วยเลเซอร์
แพทย์จะทำการผ่าตัดบริเวณผนังช่องคลอดด้านหลัง โดยตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินของผนังช่องคลอดออก เพื่อให้ช่องคลอดมีขนาดเล็กลง ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง การผ่าตัดด้วยเลเซอร์ช่วยลดการสูญเสียเลือดและลดความบอบช้ำของเนื้อเยื่อลง เจ็บน้อยกว่าและฟื้นตัวเร็วกว่า
- การใช้เลเซอร์กระชับช่องคลอดโดยไม่ผ่าตัด
ทำได้โดยนำหัวเลเซอร์สอดเข้าไปในช่องคลอด แล้วปล่อยพลังงานเลเซอร์ออกมาในคลื่นความยาวที่เหมาะสม ตลอดแนวความลึกของช่องคลอด เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้กล้ามเนื้อช่องคลอดมีความตึงตัวขึ้น ผนังช่องคลอดหดเล็กลง มีความแข็งแรงและกระชับขึ้น เป็นการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่มีการสูญเสียเลือดและไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ โดยมีการวัดความตึงตัวของช่องคลอดทั้งก่อนและหลังทำ จึงสามารถเห็นถึงผลของการใช้เลเซอร์กระชับช่องคลอดได้ ทั้งนี้ ผลการรักษาขึ้นกับสภาพปัญหาของแต่ละบุคคล
- ควรทำในช่วงที่ประจำเดือนหมดไม่เกิน 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการอักเสบของแผลและการปนเปื้อนของเลือดในระหว่างการผ่าตัด
- ควรตรวจภายในและตรวจมะเร็งปากมดลูกให้เรียบร้อย เนื่องจากหลังผ่าตัดจำเป็นจะต้องงดตรวจไปสักระยะหนึ่ง เพื่อเป็นการป้องกันแผลผ่าตัดถูกกระทบกระเทือน
- ผู้ป่วยต้องงดน้ำและอาหารก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
- อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดตามปกติ
- งดการใช้ยาบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน
- ถ้ามีโรคประจำตัวหรือแพ้ยาต้องแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
การดูแลหลังการผ่าตัดรีแพร์
- งดการมีเพศสัมพันธ์ 2 เดือน
- งดออกกำลังกาย 1 เดือน งดการยกของหนักประมาณ 2 สัปดาห์ พยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด เพื่อป้องกันแผลแยกและเกิดการอักเสบ
- รับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่ให้งดอาหารแสลงพวกของหมักดอง อาหารทะเล เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และบุหรี่ประมาณ 1 เดือน
- ทำความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัดด้วยน้ำสะอาดในเวลาเช้า-เย็น รวมถึงหลังจากปัสสาวะ-อุจจาระทุกครั้ง และกลับมาพบแพทย์ตามนัด แผลจะหายภายใน 7-10 วัน โดยไหมจะละลายไปเอง ไม่ต้องตัดไหม
- การทำรีแพร์เป็นการผ่าตัดในบริเวณที่มีเลือดไหลเวียนมาหล่อเลี้ยงมาก ดังนั้นหลังผ่าตัดและแผลแห้งสนิทดีแล้ว จึงไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็น
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัดรีแพร์
ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดรีแพร์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่ เสียเลือดมาก เกิดการติดเชื้อ ผนังกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ทะลุ หากผ่าตัดบริเวณฝีเย็บสูงเกินไปอาจทำให้เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ อวัยวะเพศอาจผิดรูปร่างไปทำให้ไม่เป็นที่พอใจได้ เป็นต้น
แม้การทำรีแพร์จะช่วยให้ช่วงคลอดของสาว ๆ กลับมากระชับขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการมีเพศสัมพันธ์ แต่ความกระชับก็ยังไม่ได้เท่ากับคนที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนนะคะ อีกทั้งเมื่อเวลาผ่านไป ช่องคลอดก็อาจจะกลับมาไม่กระชับได้อีก ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น มีเพศสัมพันธ์บ่อย ต่อเนื่องยาวนาน หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ ฮอร์โมน รวมถึงวัยที่เพิ่มมากขึ้น
เพราะฉะนั้น ก่อนจะทำรีแพร์ควรศึกษาข้อมูลให้ดี เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และสิ่งสำคัญก็คืออย่าลืมดูแลสุขอนามัยของช่องคลอด ควบคู่กับการบริหารร่างกาย เพื่อความฟิตกระชับ จะได้มัดใจสามีไปได้นาน ๆ ค่ะ
ข้อมูลจาก : th.yanhee.net, kamolhospital.com, lelux.co.th