x close

ความรักของ ผศ.ดร.ธรณ์ และ บุญยรัตน์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

ดร.ธรณ์ - บุญยรัตน์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

รัก (ต้อง) ไม่เปลี่ยนแปลง บุญยรัตน์-ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ (I do)

เรื่อง : สุวิมล
ภาพ : Pro Master

          หลายคู่รักเลือกกันและกัน เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายช่วยเติมเต็ม ในส่วนที่ตนเองขาดหายให้สมบูรณ์ขึ้น บางคู่ก็รอคอยเขาหรือเธอคนนั้น เพียงเพราะรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ตามหากันมาเนิ่นนาน แต่สำหรับ คุณบุญยรัตน์ และ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไม่ใช่คู่รักที่เลือกกันและกัน เพราะใครคนหนึ่งขาดพร่อง แต่เป็นเพราะทั้งสองต้องการสานต่อความรัก ความสุขที่ตนเองที่พร้อมอยู่แล้ว ให้ดำเนินต่อไปในบทบาทอาจารย์กับลูกศิษย์

          หลังศึกษาจบในระดับปริญญาเอกจากต่างประเทศ ดร.ธรณ์ กลับมาเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ อาจารย์ธรณ์ พบกับ คุณดาว ในขณะที่เธออยู่ในสถานะนิสิตประจำคณะ

          อาจารย์ธรณ์ เล่าเรื่องในอดีตว่า ผมเรียนจบกลับมาเป็นอาจารย์ เราเจอกันในห้องเรียน ตอนนั้นคุณดาวเรียนอยู่ปี 3 ผมรู้สึกสะดุดตาเขานิดหน่อย แต่เพราะผมเป็นอาจารย์และผมก็มีแฟนอยู่แล้ว จึงไม่ได้คิดอะไร ตอนนั้นไปออกภาคสนามด้วยกันก็เยอะ เพราะผมทำงานด้านทะเลอยู่แล้ว เขาก็ไปดำน้ำกับผมตลอด แต่ก็ไปกันเยอะแยะมากมาย ไม่ได้จีบกัน

          ด้าน คุณดาว เล่าเสริม ตอนนั้นเราไม่ได้รู้สึกอะไรเลยเพราะว่าเขาเป็นอาจารย์ อาจารย์ก็คืออาจารย์ ไม่ได้สนใจ ตอนไปออกภาคสนามสนุก ไปกับเพื่อน ๆ อยู่กับเพื่อน เฮฮากับเพื่อนไปเรื่อย ๆ

          ด้วยบทบาทอาจารย์ทำให้ ดร.ธรณ์ เพียงแต่คิดเสมอว่ าคุณดาว เป็นผู้หญิงที่มีความน่าสนใจ ซึ่ง อาจารย์ธรณ์ เล่าวว่า นิสัยเขาน่าสะดุดตา พิสดารกว่าผู้หญิงคนอื่น เพื่อนเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย นิสัยเขาเหมือนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เขาไม่งอน พูดจาตรงไปตรงมา นิสัยเราตรงกันเยอะ อย่างรักการอ่านเหมือนกันอย่างเข้าไปในร้านอาหารไม่คุยกันเลย นั่งอ่านหนังสือของใครของมัน ตรงนี้สำคัญ เพราะบางทีผมทำงานแล้วเราอยู่ด้วยกันได้โดยที่ไม่ต้องมีเสียง ไม่คุยกัน เขาสามารถอยู่เงียบ ๆ ได้โดยไม่ต้องเรียกร้อง เพราะนี่คือสิ่งสำคัญ และเป็นข้อห้ามเลยว่าถ้าผมทำงานหรือเขียนหนังสือ ถ้ามีใครมารบกวน ผมทำงานไม่ได้ แล้วเขาก็มีความสุขไม่ได้ทน ผมเงียบ เขาก็เงียบ และเรายังรักการท่องเที่ยวเหมือนกัน สไตล์การเที่ยวเหมือนกันคือเที่ยวช้า ค่อย ๆ เที่ยวไป เจาะข้อมูลผมเห็นความเหมือนตรงนี้ จากการที่เราได้ออกภาคสนามด้วยกัน ตั้ง 2-3 ปี มอง ๆ ดูก็รู้แล้ว เราไม่ได้เจอกันเฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น

ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

ไม่เร็วไปใช่ไหมที่...แต่งงาน

          หลังจากคุณดาวเรียนจบเพียง 3 วัน อาจารย์ธรณ์ ก็ขอ คุณดาว แต่งงานทันที ซึ่งเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธในการที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกับอาจารย์ ถึงตรงนี้คงเกิดคำถามว่าแล้วทั้งคู่ไปศึกษานิสัยใจคอกันตอนไหน และเพราะสาเหตุใดคุณดาวจึงมั่นใจในตัวอาจารย์

          อาจารย์ธรณ์ เล่าว่า ตอนหลังผมเลิกกับแฟน พอเขาเรียนจบผมก็ขอเขาแต่งงาน ผมไม่จีบ จีบคืออะไร ไม่ต้องทำความรู้จัก เพราะรู้จักกันพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องจีบ เห็นกันอยู่ตลอดเวลา สำหรับผมไม่มีออกเดท เพราะเดทมันวางใจไม่ได้ คนมันจะกระแดะ ดูไม่ออกหรอกครับ ทุกคนก็เกร็ง รักษากิริยามารยาท แต่ผมเห็นเขามา 2 ปี ออกภาคสนามด้วยกันบ่อย เขาใส่กางเกงเล กินเหล้าแบบนี้มันชัดอยู่แล้ว ผมขอเขาแต่งงานภายใน 3 วัน หลังจากเขาเรียนจบ ไม่ได้บอกรักด้วยซ้ำ ถ้าถามว่าใช้เวลาในการรู้จัก 2 ปีก็ไม่เร็วนะ ผมไม่ได้นับถือความรักเป็นอันดับหนึ่ง ผมนับถือตัวตน

          ด้าน คุณดาว เพิ่มเติมว่า ตอนขอแต่งงานเขาก็บอกว่าแต่งงานกันเถอะ เราก็ตกใจ อะไรแต่งแล้วเหรอ ยังไม่อยากแต่ง จะไปเรียนต่อ เขาบอกว่าแต่งเถอะจะไปเรียนต่อทำไม กลับมาก็ไม่ต้องทำงาน คนอย่างนี้หาไม่ได้อีกแล้ว เพราะว่านิสัย ความเข้ากันได้ ความพร้อมเขาบอกว่าแต่งงานแล้วเขาจะเลี้ยงดูให้เหมือนเดิม เราชอบมากเลยในความคิดเรา คือตั้งแต่เด็กจนโตมาเราสบายมากแล้ว แล้วเขาก็บอกว่าจะเลี้ยงดูเราให้เหมือนเดิม แสดงว่าเราก็จะต้องสบายต่อไปก็เลยตกลง เขาบอกว่าหลังแต่งงานแล้วชีวิตจะไม่ต้องเปลี่ยน และเราก็คิดว่าคนแบบนี้คงไม่ได้ผ่านมาบ่อย ๆ คงไม่มีมาง่าย ๆ อีกแล้ว

          หลังแต่งงานแล้วทั้งสองเลือกอาศัยอยู่คอนโดมิเนียมด้วยกัน กระทั่ง คุณดาว ท้องจึงกลับมาอยู่บ้านของ อาจารย์ธรณ์ โดยตลอดระยะเวลาตั้งแต่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน กระทั่งปัจจุบันรวม 13 ปี ทั้ง อาจารย์ธรณ์ และ คุณดาว ไม่ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเลย

          คุณดาว เล่าว่า หลังแต่งงานแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจริง ๆ เราอยู่ด้วยกันที่คอนโด จนกระทั่งท้องหลายเดือนถึงกลับมาอยู่บ้าน เพราะอยากให้เด็กอยู่บ้าน อยู่กับดิน และคุณปู่คุณย่าจะได้ดีใจ เราอยู่ด้วยกันไม่ต้องปรับตัว เพราะเราสองคนไม่ใช่คนคิดมาก ทะเลาะกันก็มีบ้างแต่ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โต

คุณพ่อ คุณแม่ของเด็กชายลำไส้สั้น

          การรับบทบาทเป็นคุณพ่อคุณแม่ครั้งแรก สร้างความตื่นเต้นให้กับทั้งคู่ แต่สิ่งที่ตื่นเต้นกว่านั้นนั่นคือ หลังคลอดลูกชายคนที่สอง แล้วพบว่าลูกชายป่วยเป็นโรคลำไส้สั้นแต่กำเนิด ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่พบแล้วผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตยากมาก

          คุณดาว เล่าให้ฟังว่า หลังคลอดประมาณ 3 สัปดาห์ จึงทราบว่าลูกป่วยเป็นโรคลำไส้สั้น อาการของลูกคือท้องเสีย ทานอะไรเข้าไปถ่ายออกมาหมดเลย ตอนหาสาเหตุว่าเป็นอะไรทรมานมาก ตอนตรวจต้องเจ็บตัวทุกครั้ง อดอาหาร เจาะเลือด เข้าเครื่องเอ็กซเรย์ สวนแป้ง ทำเยอะมากกว่าจะหาสาเหตุเจอ

          ทันทีที่ทราบว่าลูกชายป่วยเป็นโรคลำไส้สั้น ประกอบกับคุณหมอบอกว่าใครที่เป็นแบบนี้มักไม่รอด แม้จะรู้สึกช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เข้มแข็งพอที่จะดูแล และประคับประคองลูกชายจนกระทั่งทุกวันนี้ลูกชายของทั้งคู่แข็งแรงดี

          อาจารย์ธรณ์ เสริมขึ้นว่า พอคุณหมอบอกว่าเคสแบบลูกชายผมมีโอกาสรอดยาก ผมรู้สึกมึน เพียงแต่ว่าผมรู้สึกช้า ผมอึด ก็ต้องทำต่อไป จะให้ทำอย่างไร

          ด้าน คุณดาว เล่าว่า วันที่ทราบเรื่องเราเศร้า ช็อค ตกใจมาก แต่คุณหมอก็พาไปดูคนอื่นที่เป็นมากกว่า อย่างเด็กที่ไม่มีผนังหน้าท้อง ถ้ามีคนอื่นทำได้ เราก็ทำได้ ตอนนั้นเขาดูแลลูกคนโตอยู่ที่บ้าน ส่วนเราอยู่กับลูกคนเล็กที่โรงพยาบาล เขามาเยี่ยมบ้าง แล้วเราก็โทรเล่าอาการให้ฟังทุกวันว่าวันนี้หมอตรวจอะไรไปบ้าง เราไม่ต้องให้กำลังใจกัน ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไป ทำไมต้องให้กำลังใจกัน ตัวเราไม่ได้เป็นอะไร ทำไมต้องการกำลังใจ เด็กคือลูกของเราก็ต้องดูแลเขา เป็นหน้าที่ ต้องทำทุกอย่างให้เขาดีขึ้น จะเศร้าก็ต้องสู้ คุณหมอเคยถามว่าลูกป่วยขนาดนี้ แล้วทำไมยังเดินเล่นสบายใจอยู่ในโรงพยาบาลทุกวัน ก็มีบ้างที่ร้องไห้เวลาเขาแย่มาก ๆ แต่ก็ไม่คร่ำครวญ เพราะมันไม่ได้ช่วยอะไร

บุญยรัตน์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

ความสุข + ความสุข = ความสุข

          หลักการใช้ชีวิตคู่ของทั้งสองนั้นฟังดูง่าย แต่เชื่อหรือไม่ว่าหลายคู่ทำไม่ได้ เพียงให้จำคำสัญญาที่บอกกับอีกฝ่ายหนึ่งไปตลอดชีวิตเพียงเท่านั้น ทั้งคู่ก็ยืนยันว่าความรักวันแรกกับวันสุดท้ายที่อยู่ด้วยกัน จะยังมีน้ำหนักเท่าเดิม ไม่เพิ่ม ไม่เปลี่ยน แต่มั่นคง

          อาจารย์ธรณ์ ขอเริ่มก่อนว่า เราจะไม่เปลี่ยน เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น อันนั้นสำคัญที่สุดในความคิดของผม ตอนให้สัญญากับใครหรือพูดอะไร เราไม่ได้ให้สัญญากับเขา แต่มันคือการให้สัญญากับตัวของเราเอง ผมไม่ได้คิดถึงเขา ที่สำคัญที่สุดคือเราห้ามทรยศกับตัวเอง ถ้าเกิดผิดสัญญาเท่ากับว่าในอนาคตคุณดำรงชีวิตไม่ได้ คุณไม่สามารถจะมีความเชื่อมั่น ผมทำงานที่ต้องใช้ความเชื่อมั่นสูง ดังนั้น ถ้าเกิดทรยศตัวเองมันไม่ใช่เฉพาะชีวิตรัก แต่มันพินาศหมดทั้งชีวิตครอบครัว ชีวิตเรา การทำงานที่ผ่านมา 45 ปี มันก็สูญเปล่า ผมว่าหลักการมันง่าย ๆ อันนี้ใครก็ทำได้ พูดอะไรก็ทำอย่างนั้น อย่าเปลี่ยน ถ้าไม่เปลี่ยนผมเชื่อว่าคนเราจะรักกันหวานจี๋ตั้งแต่ปีแรก จนถึงปีต่อ ๆ ไป

          บางคู่อาจมีหลักการครองคู่หลากหลายทั้งอดทน ซื่อสัตย์ ให้เกียรติ เข้าใจ ฯลฯ แต่สำหรับคู่ของ อาจารย์ธรณ์ กับ คุณดาว กลับมีอีกมุมมองที่น่าสนใจ

          คุณดาว แสดงความคิดเห็นว่า คุณไม่เคยให้เกียรติคนอื่นเลยเหรอ ต้องมีแฟนเท่านั้นใช่ไหมถึงให้เกียรติเขาได้ คนทั่วไปก็ได้ ไม่จำเป็น เรื่องความซื่อสัตย์ ต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์อยู่แล้ว เราไม่เปลี่ยน

          อาจารย์ธรณ์ เสริมต่อว่า เรื่องมันเริ่มตั้งแต่ตอนเลือกแล้วครับ เลือกคน ๆ นี้เพราะแน่ใจว่าจะไม่ทำให้เกิดปัญหากับเราในภายภาคหน้า เราจะอยู่ด้วยกันได้ ชีวิตเราจะเหมือนเดิม เขาก็จะใช้ชีวิตเหมือนเดิม ดังนั้น เป็นการเลือกตั้งแต่ต้นแล้ว ดังนั้น เมื่อคุณตัดสินใจ มั่นใจแน่นอนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากมาย ที่จะต้องมานั่งปรับตัว

          คุณดาว ทิ้งท้ายว่า ตอนเลือกเรามีสิทธิเท่าเทียมกัน ตอนเขามาขอเขาไม่ได้บังคับ แต่ตอนที่คุณบอกว่า I DO คุณรู้จักตัวเองดีพอหรือเปล่า นั่นสำคัญที่สุด เขาจะอยู่กับคุณไปอีกมากกว่าครึ่งชีวิตที่เหลือ แล้วถ้าอยู่ไม่ได้คุณก็ต้องอยู่กับตัวเอง ไม่ใช่คาดหวังว่าจะให้คนอื่นมาเติมเต็ม ดังนั้นต้องเลือกให้ดี

          บททิ้งท้ายการสนทนาที่น่าสนใจ เขาและเธอไม่ได้มาเติมเต็มสิ่งที่ขาดให้แก่กัน แต่ทั้งสองต่างเป็นผลของความสุข 2 ความสุข ที่มาบวกรวมกัน แล้วผลลัพธ์ที่ได้คือความสุขแบบไม่ต้องเติม ไม่ต้องให้และไม่ต้องเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ว่าความรักจะเกิดจากสิ่งใด ขอให้ผลลัพธ์ที่ผสานออกมาคือ รักแท้ ก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิต




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ฉบับเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2554 ISSUE 45


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ความรักของ ผศ.ดร.ธรณ์ และ บุญยรัตน์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อัปเดตล่าสุด 25 เมษายน 2559 เวลา 16:23:03 15,583 อ่าน
TOP