ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นแนะวิธีเอาใจ"ผม" (ไทยโพสต์)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการดูแลเส้นผมสำหรับผู้หญิงอย่างเรา ๆ นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะผมที่มีสุขภาพดี สามารถช่วยเสริมบุคลิกภาพของเราได้ แต่ปัจจุบันพบว่าสาว ๆ ส่วนใหญ่นิยมทำสีผมกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ผมแห้งเสียแตกปลาย ดูไม่มีชีวิตชีวา ดังนั้นการรู้จักวิธีดูแลเส้นผมอย่างง่าย ๆ จึงไม่ควรมองข้าม
จากผลสำรวจเกี่ยวกับเส้นผมพบว่า เส้นผมของผู้หญิงไทยประมาณ 40% มีลักษณะแห้งเสีย ซึ่งเกิดจากแฟชั่นการทำสีผม ดัดผม หรือทำรีบอนดิ้ง นอกจากนี้ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการไดร์ผม การขาดการบำรุงผมอย่างถูกวิธี หรือผมโดนความร้อนจากแสงแดดและมลภาวะต่าง ๆ ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผมของผู้หญิงไทยแห้งเสียเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากการสำรวจเกี่ยวกับเส้นผมดังกล่าวยังพบว่า แนวโน้มของการทำสีผมของสาวไทยนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับทุกปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเกิดจากการตามกระแสของโลกแฟชั่น และต้องการเปลี่ยนบุคลิกของตนเองให้ดูดี เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ในเส้นผมของคนเรานั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
1. เกล็ดผม ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันการซึมผ่านของสิ่งสกปรกที่จะเข้าไปทำลายเส้นผม และยังปกป้องชั้นเนื้อผมไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื่นและเม็ดสีผม รวมถึงปกป้องน้ำมันตามธรรมชาติ ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้ผมเงางามเป็นประกาย 2. เนื้อผม ซึ่งเนื้อผมนี้จะมีอัตราส่วนที่มากถึง 80% ของเส้นผม โดยเนื้อผมนั้นจะเป็นแหล่งรวมของเม็ดสีเมลานีน โปรตีน และเคราติน 3. แกนผม เป็นส่วนที่อยู่ชั้นในสุดของผม ประกอบไปด้วยโปรตีนและไขมัน ดังนั้น เมื่อเวลาที่เราทำสีผม ดัดผม หรือทำรีบอนดิ้งนั้น สารเคมีจะเข้าไปทำปฏิกิริยาภายในโครงสร้างของเส้นผม ให้เปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะเนื้อผม โดยปฏิกิริยาเคมีเหล่านี้จะทำร้ายภายในเส้นผมให้เกิดเป็นรูพรุน ขณะเดียวกันก็ทำให้เกล็ดผมภายนอกเปิดออก เมื่อเกล็ดผมเปิดออกเส้นผมก็จะสูญเสียสารเคลือบผมตามธรรมชาติไป ดังนั้นจึงทำให้เส้นผมขาดความเงางามและความยืดหยุ่น จึงแตกปลายและแห้งเสียอย่างที่เราพบเจอกันได้ในปัจจุบันมร.ยูตะ ซากุไร แฮร์สไตลิสต์มืออาชีพจากร้าน Hair Averment แฮร์ซาลอนชั้นนำสไตล์ญี่ปุ่น ได้เผยให้ทราบถึงวิธีดูแลเส้นผมที่แห้งเสียจากการทำสีในแบบง่าย ๆ ด้วยตัวเองว่า เริ่มจากการเลือกแชมพูและครีมบำรุงผม ที่เหมาะกับสภาพเส้นผมแห้งเสียของตนเองก่อน หลังจากนั้นก็ชำระล้างฝุ่นละอองจากเส้นผมด้วยแชมพู พร้อมกันนี้ มร.ยูตะแนะนำว่า ควรเทแชมพูลงบนฝ่ามือเพื่อลดการสัมผัสสารเคมีไปสู่เส้นผมโดยตรง จากนั้นตามด้วยครีมนวดบำรุงผม เพื่อเคลือบปิดเกล็ดผมที่เปิดออก และหากต้องการกักเก็บความชุ่มชื่นให้กับเส้นผม ควรนวดตั้งแต่บริเวณโคนผมจนถึงปลายผมด้วยความเร็วคงที่ เพื่อเพิ่มอุณหภูมิให้เส้นผมภายในขยายตัวเปิดรับสารอาหารไว้บำรุงผม ได้มากขึ้น ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการทำทรีตเมนต์สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อทำให้ผมกลับมานุ่มสลวยเงางามขึ้นอีกครั้ง
นอกจากการบำรุงเส้นผมแล้ว มร.ยูตะกล่าวว่า ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดที่เป็นสาเหตุของผมเสีย พร้อมเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน โปรตีน เหล็ก สังกะสี และโอเมกา 3 เช่น ผักใบเขียว ถั่ว ไข่ และปลาแซลมอน เพียงแค่วิธีง่าย ๆ แบบนี้ก็ช่วยทำให้สุขภาพเส้นผมทำสีของคุณกลับมาดูเงางามได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
