เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก news.sky.com
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน เว็บไซต์เดลิเมล ของอังกฤษ รายงานว่า ช่างเสริมสวยอังกฤษหัวใสเปิดร้านเสริมสวยสำหรับเด็ก เอาใจลูกคุณหนูด้วยบริการทำสวยสารพัด ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายว่าเป็นการสนับสนุนให้เด็กโตก่อนวัย และสูญเสียความเป็นเด็ก
โดยร้านเสริมสวยดังกล่าว ตั้งอยู่บริเวณเบรนท์วู้ด เขตเอสเซ็กซ์ ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัยของผู้ดีร่ำรวยชาวอังกฤษ เปิดขึ้นเพื่อเอาใจคุณหนู ๆ รักสวยรักงามทั้งหลาย ได้มานั่งให้ช่างแต่งหน้าทำผมได้รังสรรค์ความสวยอย่างที่อยากจะเป็น โดยทางร้านจะมีบริการทำสวยทุกอย่างเช่นเดียวกับร้านเสริมสวย ของผู้ใหญ่เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น แต่งหน้า ทำผม ทำทรีทเม้นต์บำรุงผิวหน้า ขัดผิว ทำเล็บ นวดฝ่าเท้า และฉีดสเปรย์เปลี่ยนสีผิวเป็นสีแทนซึ่งเป็นที่นิยมของชาวตะวันตกทั้งหลาย หรือหากลูกค้าไม่อยากจะทำทีละนิดทีละหน่อย ทางร้านก็มีแพ็กเกจสวยแบบเหมารวมทุกอย่างบริการ ให้ นั่นคือ แพ็กเก็จ "Princess Parlour" โดยแบ่งเป็น 3 ประเภทด้วยกัน คือ แพ็กเกจเจ้าหญิงอายุต่ำกว่า 6 ขวบ แพ็กเกจเจ้าหญิง 6 ขวบขึ้นไป และแพ็กเกจเจ้าหญิงแบบพิเศษที่จัดให้สวยเนี๊ยบทุกระเบียดนิ้ว นอกจากนี้ ยังมีแพ็กเกจ "Princess Pamper Parties" ที่คุณหนู ๆ สามารถปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ ไปด้วย และรับการปรนนิบัติความสวยเหมือนเป็นเจ้าหญิงเลอค่าไปพร้อม ๆ กัน โดยร้านเสริมสวยแห่งนี้จะเปิดให้บริการทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ขณะที่ลูกค้าที่อายุน้อยที่สุดที่เคยมาใช้บริการมีอายุเพียง 16 เดือนเท่านั้น!!
ด้าน มิเชล เดอไวน์ เจ้าของร้านเสริมสวยแห่งนี้ ได้เปิดเผยว่า การเปิดร้านเสริมสวยนี้ ก็เพื่อให้เด็กผู้หญิงมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น สร้างเสน่ห์ และความปรารถนาสำหรับสาว ๆ ที่จะดูดีอยู่ตลอดเวลาโดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงอายุ และเธอก็ทำตามความต้องการของลูกค้าทั้งนั้น โดยที่พ่อแม่ของเด็ก ๆ เหล่านั้นก็อนุญาตเช่นกัน บางรายก็พาลูก ๆ มาเสริมสวยเป็นลูกค้าขาประจำของร้านเลยทีเดียว
จากการเปิดร้านเสริมสวยสำหรับเด็กดังกล่าว ทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ออกมาว่า การเปิดร้านเสริมสวยสำหรับเด็กนี้เป็นธุรกิจที่หวังประโยชน์จากเด็ก ๆ ที่ยังอยู่ในวัยไร้เดียงสา และจะเป็นการปลูกฝังให้เด็กมีความคิดและแสดงพฤติกรรมที่โตเกินกว่าอายุ แม้เจ้าของร้านจะมองว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น แต่ต้องตระหนักด้วยว่า การที่สนับสนุนให้เด็ก ๆ มานั่งแต่งองค์ทรงเครื่องแทนที่จะได้ใช้ชีวิตเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อย่างที่วัยเด็กควรจะเป็นนั้น มันเป็นการทำร้ายเด็ก และปลูกฝังให้เด็กคิดถึงแต่เรื่องความสวยความงามมากกว่าเรื่องอื่นหรือไม่ นอกจากนี้ ใบหน้าและผิวพรรณของเด็ก ก็ยังบอบบางมาก ซึ่งก็อาจทำให้เกิดปัญหาผิวในระยะยาวเมื่อพวกเธอเติบโตขึ้นก็เป็นได้
ส่วนทางด้านนักจิตวิทยาเด็ก จูดี้ ฮัทชิงส์ แสดงความกังวล ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกันพร้อมทั้งเตือนว่า "ร้านเสริมสวยไม่ได้ทำให้เด็กรักสวยรักงามมากขึ้นเท่านั้น แต่มันเป็นการทำธุรกิจเพื่อหากำไรกับเด็ก มันแย่มากเลยที่เด็ก ๆ ต้องเสียช่วงเวลาในวัยเด็กอันบริสุทธิ์ของพวกเขาไป และยังเป็นสิ่งที่อันตรายอีกด้วย เพราะพวกเธอกลับคิดเรื่องของความสวยความงาม ซึ่งเป็นความคิดที่โตเกินวัยสำหรับเด็ก ๆ เหล่านั้น"
อย่างไรก็ดี แม้ว่าธุรกิจเสริมสวยสำหรับเด็กแห่งนี้ จะได้รับความนิยมจากลูกคุณหนูฐานะดีเป็นอย่างมาก แต่คาดว่าอีกไม่นาน ทางร้านอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาและแรงกดดันทางสังคมจนต้องปิดตัวลงก็เป็นได้ เพราะในช่วงนี้ ทางการอังกฤษกำลังออกมาตรการจัดระเบียบเสื้อผ้าเด็ก และสินค้าสำหรับเด็กที่เสริมสรีระและทำให้เด็กโตเกินวัย โดยก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน ทางการอังกฤษก็ได้ประกาศหยุดขายบิกินี่และชุดชั้นในเสริมหน้าอกสำหรับเด็กต่ำกว่า 13 ปีแล้ว หลังจากมีชุดชั้นในรูปแบบดังกล่าวออกขายกันเกลื่อน และทำให้เด็กดูโตเกินวัย ไม่น่ารักไร้เดียงสาอย่างที่พวกเขาควรจะเป็น
