x close

ชีวิตหลังม่านของตลกนักสู้ โก๊ะตี๋ อารามบอย



 







เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดย ladyEdnaMode
 
          รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของตลกร่างท้วม "โก๊ะตี๋ อารามบอย" ที่ปรากฏตัวในแทบจะทุกสื่อ ทุกช่องในเวลานี้ อาจทำให้ใครหลาย ๆ คน หัวเราะชอบใจกับความร่าเริง และความมีอารมณ์ดีของเขา แต่เมื่อการแสดงบนหน้าม่านสิ้นสุดลง จะมีใครรู้บ้างไหมว่า หลังฉากต่อจากนั้น ตลกคิวทองอย่าง "โก๊ะตี๋ อารามบอย" คนนี้ ต้องเผชิญกับความเครียด และเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ จนแทบจะ "ตลก" ไม่ออก

          รถยนต์คันหรูป้ายแดง บ้านหลังใหญ่ งานพิธีกร ละคร ภาพยนตร์ พรีเซ็นเตอร์ และอื่น ๆ อีกมากมายที่พรั่งพรูเข้ามาจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ทำให้หลาย ๆ คนเข้าใจว่า ชีวิตของนายเจริญพร อ่อนละม้าย หรือ "โก๊ะตี๋ อารามบอย" คงจะสุขสบายเช่นเดียวกับรอยยิ้ม และมุกตลกที่เขาสามารถเนรมิตออกมาได้ทุกครั้งยามที่ต้องอยู่หน้ากล้อง บนเวทีที่แสงไฟสาดส่องลงมายังตัวเขา

          แต่นั่นเป็นเพียงแค่หนึ่งบทบาทที่เขาต้องทำในฐานะที่เป็น "นักแสดง" เท่านั้น เพราะในอีกมุมหนึ่ง "โก๊ะตี๋" ยังต้องทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูครอบครัว ญาติพี่น้อง กระทั่งญาติของญาติพี่น้องอีกนับยี่สิบชีวิต ซึ่งมาอยู่ร่วมกันในบ้านหลังที่ "โก๊ะตี๋" ซื้อไว้ให้

          แต่ละเดือน "โก๊ะตี๋" ต้องจ่ายเงินไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท เพื่อเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากับข้าว และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในบ้าน รวมทั้งจ่ายเป็นเงินเดือนให้คนในครอบครัวฟรี ๆ โดยที่ครอบครัวของเขาไม่ต้องทำอะไร ซึ่งหากเดือนไหนที่ "โก๊ะตี๋" ไม่สามารถหาเงินได้ถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท นั่นเท่ากับว่าเดือนนั้นเขาต้องเป็นหนี้!!!

          "ถามว่าต้องใช้เงินเยอะไหม มันก็เยอะนะ แต่มันชินซะแล้ว เพราะเราทำอย่างนี้มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่เข้าวงการมา หาเงินมาได้ก็ต้องใช้เลี้ยงครอบครัว แต่นี่ก็เป็นทางที่เราเลือกแล้ว เพราะอยากให้แม่สบายใจ อยากเห็นแม่มีความสุข ใครไม่เป็นหนูไม่รู้หรอกว่า มันเหนื่อยมาก เหนื่อยจริง ๆ " ตลกร่างท้วม เผยความในใจ

          ทุก ๆ วัน โก๊ะตี๋ จะออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ กว่าจะกลับก็ค่ำมืดดึกดื่นเสียจนคนที่บ้านหลับไปหมดแล้ว จนแทบจะไม่ได้เจอหน้า หรือพูดคุยกับใคร แต่อย่างน้อย ทุก ๆ เช้า โก๊ะตี๋ยังได้พูดคุย และนั่งทานข้าวกับแม่ ก่อนจะออกไปหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว

          "ความสุขของคนดูคือการได้ดูตลก แต่ความสุขของตลก คือการได้ดูคนดูหัวเราะ" นี่คือคติพจน์ประจำใจของตลกมืออาชีพคนนี้






          โก๊ะตี๋ บอกว่า การที่เขาได้ออกไปนอกบ้าน ไปพบปะผู้คน ไปแสดงตลก เป็นทางที่เขาเลือกใช้ระบายความเครียดจากภาระหน้าที่ในบ้าน แต่หากอยู่ที่บ้าน เขาก็ต้องแบกรับความเป็นหัวหน้าครอบครัว และทำตัวมีสาระ ราวกับเป็นคนละคน คนละร่างก็ไม่ปาน

          "รู้ว่าเขาเหนื่อย แต่เขาทำเพื่อครอบครัว" ดาวเรือง อ่อนละม้าย แม่ของโก๊ะตี๋ บอก

          "ทุกวันนี้เงินทองทั้งหมดโก๊ะตี๋หาเข้ามาเพียงคนเดียว และคอยดูแลจัดการให้ ไม่ว่าจะถอยรถให้พี่คนนี้ ไปขอเมียให้พี่คนนั้น ส่งหลานคนนู้นเรียนหนังสือ เป็นภาระของน้องทั้งนั้น แม่ก็สงสารเขามาก แต่ไม่เคยถามหรอกว่าทำไมลูกต้องทำมากขนาดนี้ เพราะรู้อยู่เต็มอกแล้ว ว่าเขาต้องลำบากเพื่อพี่น้อง เพื่อแม่ เพื่อให้ทุกคนอยู่ดีกินดี ภาพข้างนอกของเขาอาจจะดูยิ้มสู้ แต่ข้างในเหมือนมีภูเขาลูกใหญ่กดทับอยู่ที่อก" แม่ดาวเรือง เผยความในใจที่สุดแสนจะสงสารลูกชาย

          และอย่างที่หลายคนพอรู้กันมาบ้างแล้วว่า นอกจากงานในวงการบันเทิง "โก๊ะตี๋" ยังได้ทำธุรกิจร้านข้าวมันไก่ของตัวเองอีกหนึ่งอาชีพ หากแต่ไม่ใช่เป็นการเปิดร้านเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวเท่านั้น แต่จุดประสงค์หลักของเขาก็เพื่อต้องการให้คนในครอบครัวได้หัดทำอะไรบ้าง และยืนได้ด้วยขาของตัวเอง ดังที่เขาบอกว่า ร้านนี้เป็น "โรงเรียนฝึกสันดานครอบครัว" เพราะคนในครอบครัวอยู่สบายกันเสียจนเคยตัวแล้ว ซ้ำยังมีปัญหากระทบกระทั่งกันมาโดยตลอด เขาจึงต้องตัดปัญหาด้วยการทำธุรกิจ และขยายสาขาให้คนแต่ละตระกูลแยกกันรับผิดชอบดูแล ซึ่งก็ยังมิวายเกิดปัญหาในครอบครัวอยู่ดี

          "ชีวิตหนูมันเศร้า พูดไปมันเหมือนนิยาย พระเจ้าเขาสร้างให้เรามาเป็นอย่างนี้ เหนื่อยกายนวดก็ยังหาย แต่เหนื่อยใจ ตื่นขึ้นมาก็ยังเจอเหมือนเดิม อีกไม่นานหรอก หนูจะปิดตาไม่รับรู้อีกแล้ว ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็ไม่ทนอีกแล้ว ไม่ไหวแล้ว" โก๊ะตี๋ ตัดพ้อชีวิต









          เมื่อถามว่า แล้วชีวิตของ "โก๊ะตี๋" มี "สุข" หรือ "ทุกข์" มากกว่ากัน ตลกคิวทองเปรียบเทียบอย่างน่าคิดว่า "หากคน ๆ หนึ่งว่ายน้ำไม่เป็นแต่กระโดดลงไปในแม่น้ำโขง ความทุกข์คือแม่น้ำโขงที่อยู่รอบตัว ส่วนความสุขก็คืออากาศที่อยู่บนฟ้า พอเงยหน้าขึ้นไปสูดอากาศได้ มีความสุขได้หน่อย ตะคริวก็กินอีก ก็ต้องพยายามตะกุยตะกายว่ายน้ำขึ้นมาอีก ชีวิตมันวนเวียนอยู่อย่างนี้"

          โก๊ะตี๋ ยังบอกอีกด้วยว่า เวลาที่เขาต้องออกไปทำงาน เขาเก็บเอาความเครียดทั้งหมดไปปรับเปลี่ยนเป็นพลังแสดงออกมา พร้อมกับให้คนดูลองดูว่า หากเขาเล่นตลกมากแค่ไหน ก็แสดงความทุกข์ของเขาก็มากเท่านั้น แต่อย่างไรเสีย เขาก็ไม่จมปลักอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง เพราะเข้าใจสัจธรรมของชีวิตดี

          "ชีวิตคนเราน่ะ อยู่กับความทุกข์ได้ไม่นานหรอก อีกไม่นานคุณก็แฮปปี้ เพราะคนเราไม่สามารถหัวเราะได้ตลอด 365 วัน เช่นเดียวกัน...ไม่มีใครร้องไห้ได้ตลอด 365 วัน เราต้องอยู่กับความจริง อยู่กับตัวเอง ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน จะทุกข์ หรือจะสุข เส้นเลือดใหญ่ของเราคือ ชีวิต...ชีวิตที่ต้องดำเนินต่อไป" โก๊ะตี้ ทิ้งท้าย

          และนี่คือชีวิตที่ไม่ตลกของตลกคิวทองอย่าง "โก๊ะตี๋ อารามบอย"


คนค้นฅน ตลกคิวทอง - โก๊ะตี๋ อารามบอย 1/3



คนค้นฅน ตลกคิวทอง - โก๊ะตี๋ อารามบอย 2/3



คนค้นฅน ตลกคิวทอง - โก๊ะตี๋ อารามบอย 3/3




คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ 











เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชีวิตหลังม่านของตลกนักสู้ โก๊ะตี๋ อารามบอย อัปเดตล่าสุด 6 กรกฎาคม 2554 เวลา 17:45:16 3,943 อ่าน
TOP