ศาสนาเปลี่ยนชีวิต ปิยวรรณ วีรวรรณ ไฮโซผู้รักษาผืนป่า

เรียบเรียงข้อมุลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube รายการวีไอพี โพสต์โดย 4everKradon

          ใครเลยจะคิดว่าสาวไฮโซที่เพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง ธุรกิจ และบริวารมากมาย จะตัดสินใจทิ้งชีวิตที่สุขสบาย หันหลังให้กับสังคมหรูหรา แล้วอุทิศตัวเองให้แก่พุทธศาสนา และการสร้างวัดป่าภูก้อนบนเนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ ซึ่งสิ่งที่น่าแปลกไปกว่านั้น ก็คือ เธอคนนี้ไม่เคยศรัทธาในพุทธศาสนามาก่อนเลย ไม่เคยใส่บาตร และไม่เคยเชื่อด้วยว่าพระพุทธเจ้ามีจริง! ดังนั้นหลายคนคงจะสงสัยแล้วว่าอะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้สาวไฮโซผู้นี้ก้าวเดินมาสู่ทางธรรม

          คุณปิยวรรณ วีรวรรณ หญิงวัย 65 ปี ผู้มีสีหน้าอิ่มเอิบ ซึ่งมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูใจดีและแฝงไปด้วยความเมตตาผู้นี้ เคยใช้ชีวิตที่โก้หรู อยู่ในวงสังคมชั้นสูงภายหลังจากที่เธอแต่งงานแล้ว ซึ่งจากการที่เธอมีธุรกิจที่มั่นคง มีทรัพย์สมบัติ และบริวารที่เพียบพร้อม เธอจึงคิดว่าชีวิตของเธอไม่เคยเบียดเบียนใคร ไม่ทำร้ายใคร จึงหล่อหลอมให้เธอเป็นคนที่พูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา โดยไม่เคยมีใครกล้ากล่าวตักเตือนเลย

          จนวันหนึ่งมีเพื่อนมาชวนทำบุญ แต่ด้วยความที่คุณปิยวรรณไม่เคยเชื่อถือว่าพระพุทธเจ้ามีจริง และไม่เชื่อเรื่องการทำบุญ คุณปิยวรรณ จึงกล่าวท้าทายไปว่า "ถ้าพระพุทธเจ้ามีจริง คืนนี้ขอให้ท่านมาให้เห็น แล้วจะยอมเป็นขี้ข้าม้าคอก จะนับถือพระพุทธเจ้าองค์เดียว แต่ถ้าไม่มาให้เห็นในคืนนี้ ก็จะไม่นับถือท่าน และท่านก็อย่าได้โกรธ"

          แล้วคืนนั้นเอง เธอก็ได้เห็นภาพของพระพุทธเจ้าขึ้นมาจริง ๆ ซึ่งนี่เป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ทำให้เธอเกิดความเชื่อในพุทธศาสนา และหลังจากนั้น เธอก็มีโอกาสได้ออกธุดงค์ไปทางภาคอีสาน และพบว่าวัดป่านาคำน้อย ที่กำลังมีปัญหาเรื่องป่าไม้ เรื่องที่ดิน ประจวบเหมาะกับที่ได้อ่านหนังสือปฏิปทาของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ทำให้เธอเกิดความซาบซึ้งและเห็นคุณค่าของป่าไม้ว่า เป็นที่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้นแล้ว คุณปิยวรรณ ก็เกิดความรักและความหวงแหนป่า ถึงขั้นปฎิญาณว่า จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรักษาป่าไว้ โดยการเสียสละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ, เสียสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต และยอมเสียชีวิตเพื่อรักษาธรรม




          หลังจากการธุดงค์ในครั้งนั้น เธอจึงรีบไปที่กรมป่าไม้ทันที แต่แน่นอนว่าไม่มีความสำเร็จใดที่ได้มาง่าย ๆ เธอต้องยื่นเอกสารเดินเรื่องกับกรมป่าไม้เป็นเวลานานหลายปีกว่าจะต่อสู้ให้ได้ป่าผืนนี้กลับคืนมา จนกระทั่งได้รับพื้นที่ป่าแห่งนี้ จาก 15 ไร่ และขยายไปเรื่อย ๆ จนปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ไร่

          หลังจากที่ต่อสู้จนได้ผืนป่ามาแล้ว คุณปิยวรรณ ก็มีความคิดที่จะสร้างวัด โดยระหว่างที่เดินขึ้นเขาไปหาพื้นที่สร้างวัด ก็ได้ยินเสียงกระซิบว่า "ทศพิธราชธรรม กรรมพินิจ จิตขจร ภมรมาศ อาสนะเทวา" ถึง 3 ครั้ง

          "รู้สึกว่ารุกขเทวดาอยากให้เรารักษาป่านี้ไว้ จึงได้ตั้งปณิธานว่าจะต้องหาทางรักษาป่านี้ไว้ให้ได้ สุดท้ายเลยคิดว่าควรสร้างวัดขึ้นในป่านี้ เพื่อที่รักษาป่าไม้ เพราะวัดซึ่งเป็นพุทธสถานที่จะสามารถรักษาป่าให้อยู่ได้ตราบนานเท่านาน" ...และนี่เอง คือ จุดกำเนิดของวัดป่าภูก้อน




          แม้จะได้ผืนป่ามาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่การสร้างวัดป่าภูก้อนก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่ไม่น้อย เนื่องจากพื้นที่อยู่บนภูเขา เส้นทางสัญจรไปมาไม่สะดวกนัก แต่ถึงอย่างนั้น คุณปิยวรรณ ก็ไม่ย่อท้อเธออุทิศชีวิตเพื่อสร้างวัดป่าภูก้อนแห่งนี้ เป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว โดยในขณะนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการสร้างวิหารกับพระนอนขนาดใหญ่ ซึ่งใช้หินอ่อนจากอิตาลี มีความยาว 20 เมตร สูง 9 เมตร น้ำหนักรวมประมาณ 700 ตัน นอกจากนี้ สิ่งที่นำความปลาบปลื้มใจมาให้กับคุณปิยวรรณเป็นอย่างยิ่งก็คือ การได้รับพระมหากุรณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามพระนอนองค์นี้ว่า "พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี" แปลว่า พระพุทธรูปปางไสยาสน์แห่งพระมหามุนีผู้ทรงเป็นบรมครู ที่ทรงเป็นที่พึ่งแห่งชาวโลก

          แม้ว่าวัดป่าภูก้อน จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยนัก แต่เชื่อว่าในขณะนี้ สิ่งที่เราทุกคนเห็นพ้องต้องกันก็คือ ความมุ่งมั่นตั้งใจ และศรัทธาอันแรงกล้าของคุณปิยวรรณ ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของเธอให้ก้าวมาสู่เส้นทางสงบในชีวิต และอุทิศตนเองเพื่อทำนุบำรุงพุทธศาสนาได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว