เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย
ในช่วงสองอาทิตย์ข่าวบันเทิงที่ฮอต ร้อน และแรง คงหนีไม่พ้นประเด็นของศึกสงครามน้ำลายระหว่างนางเอกสาว "ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต" กับ "ออย ศรุตา เรืองวิริยะ" ที่เรียกว่าตัวเองเป็นนางรอง ...ซึ่งนางรองคนนี้เป็นใครมาจากไหน ทำไมเขาถึงมีปัญหากับชมพู่ และเรื่องราวเกาเหลาที่ฝ่ายชมพู่ยอมขอโทษออกสื่อ แต่สาวออยกลับไม่ยอมจบเรื่องสักที ... งานนี้หลายคนต่างสงสัยว่า ที่เธอไม่ยอมจบเป็นเพราะต้องการเกาะกระแสข่าว เพื่อให้ตัวเองกลับมาดังหรือเปล่า และในค่ำคืนของวันที่ 11 กันยายน สาวออยก็ได้ออกมาเปิดใจหมดเปลือกกับทุกความจริง และทุกคำสารภาพของเธอ ในรายการวู้ดดี้มาคุย เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันเลยค่ะ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ออย ศรุตา นั้นเป็นใคร หรือบางคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาเธอมาบ้าง กับปกนิตยสารออกแนวเซ็กซี่ แต่จริง ๆ แล้วน้อยคนที่จะรู้ว่า สาวออย ศรุตา เข้าวงการบันเทิงมาเมื่อ 12 ปีที่แล้ว โดยสาวออย เท้าความให้ฟังว่า... เธอเริ่มเข้าวงการบันเทิงโดยการถ่ายโฆษณาตอนมัธยมศึกษาปีที่ 4 และได้ค่าตัวครั้งแรก 4 แสนบาท ซึ่งตอนนั้นเธอถือว่าเป็นนางแบบโฆษณาวัยรุ่นอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว จากนั้นก็มีโฆษณามาเรื่อย ๆ ส่วนมากจะเป็นโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ความงาม เช่น ครีมบำรุงผิว ยาสระผมเสียมากกว่า โฆษณาวัยใสน่ารัก ๆ ไม่ค่อยมีเท่าไร
สำหรับการเข้าวงการบันเทิงครั้งแรกนั้น เป็นเพราะมีพี่คนหนึ่งที่ชื่อ แก้ว ได้คัดเลือกเธอจากรูปร้อย ๆ รูป เพื่อส่งเธอเข้าประกวดเวทีดัชชี่ในปี 1999 และเธอก็ได้รางวัลรองอันดับสองมาครอบครอง จากนั้นเมื่อเธอลงเวทีปุ๊บ ก็มีผู้จัดละครติดต่อให้เล่นละครปั๊บ โดยประเดิมเรื่องแรกกับ น็อต นุติ เขมะโยธิน ในเรื่อง มัจจุราชสีน้ำผึ้ง รับบทเป็นนางเอกเรื่องแรก และเรื่องเดียว ต่อมาเธอก็ได้ย้ายไปเป็นนักแสดงในค่ายทีวีซีนของช่อง 3 และก็ได้รับบทนางรองมาตลอด ซึ่งชื่อเสียงขอเธอในขณะนั้น ก็ถือว่าโด่งดังพอสมควร แต่ก็ไม่เป็นที่จับตามองมากนัก จนกระทั่งเธอได้พลิกบทบาทครั้งสำคัญ โดยการรับบทร้ายในเรื่อง บ่วงเล่ห์เสน่หา และการเปลี่ยนบทนางรองที่แสนดี กลายเป็นนางร้ายนั้น ก็ทำให้ชื่อเสียงของเธอโด่งดังขั้นมาทันทีทันใด จากนั้นเป็นต้นมาเธอก็เริ่มติดใจกับบทบาทนางร้ายที่ช่างท้าทาย และเป็นการช่วยพัฒนาฝีมือการแสดงของเธอไปในตัว
แต่การเดินทางในถนนสายบันเทิงของเธอนั้นขัดแย้งกับความต้องการของคุณพ่อ ที่ต้องการให้ลูกสาวเรียนจบ รับปริญญาให้ครอบครัวภาคภูมิใจ เธอเลยขอพักงานในวงการบันเทิงชั่วคราว เพื่อหันไปทำหน้าที่ลูกที่ดีอย่างเต็มตัว ตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างเต็มที่ จนตอนนี้เหลือหน่วยกิตเพียงไม่กี่ตัว โดยเธอได้กล่าวยืนยันว่า "ปีหน้าจะมีข่าวดีเรื่องรับปริญญาของออยแน่นอนค่ะ" ...
หลังจากที่เธอห่างหายจากวงการเพื่อไปเรียนถึง 3 ปี จนมาวันหนึ่งเธอก็ตัดสินใจที่จะกลับเข้ามาในวงการอีกครั้ง ซึ่งเธอตั้งใจจะเปิดตัวการกลับมาของเธอ ในงานครบรอบทีวีพูล และในวันนั้นเธอได้แต่งตัวแต่งหน้าอย่างที่คิดว่าเลิศที่สุด และสวยที่สุด พร้อมเดินอย่างมั่นใจไปกับขบวนของดัชชี่ แต่แล้วความมั่นใจของเธอก็ถูกกลบหายไป เมื่อเธอไปถึงยังงานดังกล่าว ไม่มีนักข่าวคนไหนถ่ายรูปเธอเลย ไม่มีใครจำเธอได้ เหมือนเธอเป็นแค่อากาศธาตุ มีแต่เสียงถามว่า คนนั้นคือใคร? เขาเป็นดาราหรอ? จากคำถามดังกล่าว เธอจึงรู้สึกเสียใจมาก และหนีกลับบ้านทันทีโดยไม่มีใครสนใจ พร้อมตัดพ้อในใจว่า...ที่ตรงนั้นมันไม่ใช่ที่ของเธอ
พิธีกรได้ตั้งข้อสงสัยว่า ที่ใครหลาย ๆ คนจำเธอไม่ได้นั้นเป็นเพราะหน้าตาที่ดูผิดแปลกไปจากเดิมหรือเปล่า เพราะเมื่อก่อนหน้าตาของเธอไม่ใช่แบบนี้ แถมยังมีนักข่าวหลายต่อหลายสำนักถามเธอเกี่ยวกับการศัลยกรรม แต่เธอก็ปฎิเสธตลอดว่า เธอไม่ได้ทำ...
สาวออย กล่าวว่า เธอขอยอมรับตรงนี้เลยว่า เธอเคยศัลยกรรม แต่มันเป็นแค่ความคิดชั่ววูบของเธอเท่านั้น ซิลิโคนแท่งนั้น อยู่ในจมูกของเธอแค่ 5 เดือนเอง การศัลยกรรมครั้งนั้นเป็นการผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงในชีวิต เพราะนอกจากจมูกดูไม่สวยและไม่เป็นธรรมชาติแล้ว รูปทรงยังดูบิดเบี้ยว ไม่เข้ารูป จึงทำให้เธอไม่อยากยอมรับความผิดพลาดในครั้งนี้ เธอจึงบอกพี่ ๆ ผู้สื่อข่าวไปว่าไม่ได้ทำ เพราะทำใจยอมรับไม่ได้ แต่ทั้งนี้ เธอเชื่อว่าหลายคนคงให้อภัยกับสิ่งที่เธอเคยโกหกไป
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงแม้เธอจะหน้าตาไม่สวยใสเหมือนเมื่อก่อน ก็ยังมีคนทวีตข้อความว่า "อยากหน้าเหมือนออย"
จากเหตุการณ์ที่เธอไปออกรายการรายการหนึ่งแล้วไปพูดพาดพิงถึงแฟนของดาราสาว ชมพู่ อารยา แล้วนักข่าวก็นำประโยคบางประโยคดึงไปถามเขา จนเขาออกมาพูดว่า "ต้นทุนสูงกว่า ไม่อยากแลก" เกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอกล่าวว่า มันเป็นคำที่ค่อนข้างดูถูกศักดิ์ศรีอยู่เหมือนกัน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องพูดแบบนี้ ส่วนทวีตข้อความที่บอกว่า อยากหน้าเหมือนออย เธออยากถามหน่อยว่ามันตลกเหรอ ณ ตอนนั้นเธอรู้สึกโกรธมาก อีกทั้งยังโดนนักข่าวถามจี้อีก ทำให้เธอควบคุมไม่ได้ ทุกอย่างมันพูดออกมาจากอารมณ์ ไม่ได้กลั่นกรองออกมาจากสมอง ทำให้ยิ่งพูดกันไปพูดกันมา เรื่องราวก็ไม่จบเสียที แต่ในวันนี้เธอตั้งใจจะพูดครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายว่า เธอไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว ถ้าจะให้ร่วมงานกัน ด้วยความที่เธอมีสปิริตของนักแสดง เธอยืนยันว่า เธอสามารถร่วมงานได้ เพราะคนที่อยู่ในวงการเดียวกันก็ไม่ควรทะเลาะกัน ส่วนคำขอโทษที่เขาพูดผ่านสื่อ เธอไม่รู้ว่าเขาขอโทษใคร เขาพูดแค่ว่า ขอโทษทุกคน ขอโทษทุกฝ่าย แต่ไม่มีชื่อเธออยู่ในคำขอโทษนั้นเลย
ทั้งนี้ กระแสในโลกไซเบอร์ ตามกระทู้ต่าง ๆ ที่ออกความคิดเห็นในเรื่องนี้ ส่วนมาก็คิดว่าเธอยึดกระแสเพื่ออยากกลับมาดังอีกครั้ง หรือก็ทำเรื่องให้เป็นข่าว จริง ๆ แล้ว ก็ไม่แคร์เท่าไร เพราะคนไทยส่วนมากจะอินกับบทละคร ตนเป็นแค่นางรอง เหมือนว่าจะออกมาพูดหรือให้ข่าวอะไรมันก็ดูสู้ไม่ได้ และไม่ค่อยหน้าเชื่อถือ
"ออยคิดว่าออยเป็นนางรอง แล้วคนจะไม่แยกแยะว่าบทบาทที่ได้รับ ไม่ว่าบททอะไรก็ตาม คนก็จะอินกับละคร โดยที่ไม่รู้ว่าตัวตนของคนคนนั้นเป็นใคร และกลายเป็นว่าเอาความรู้สึกของตัวละครตัวหนึ่งมาวัด" ออย ศรุตา กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่หลายคนยังคาใจ เกี่ยวกับเรื่องหัวใจของเธอ ซึ่งตลอดเวลาที่เธอกลับเข้ามาในวงการมาอีกครั้ง ก็มีแต่ข่าวเกี่ยวกับผู้ชายมากมายหลายคน แต่จริง ๆ แล้ว เธอมีแฟนเป็นถึงช่างทำผมชื่อดังอย่าง สุริยะ อัศวนิก ซึ่งคบหาดูใจกับมาเกือบ 2 ปี
ทางด้าน บุตร สุริยะ แฟนหนุ่มของออย ได้เล่าให้ฟังว่า ตนรู้จักกับออยที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ถ้าถามว่าตนรักออยขนาดไหนนั้น ก็ต้องบอกว่า นอกจากครอบครัวแล้ว ออยก็เป็นคนแรกที่ตนนึกถึง ส่วนกับประเด็นข่าวเครียด ๆ นั้น ตนคงให้ความเห็นอะไรได้ไม่มากนัก นอกจากปลอบใจและให้กำลังใจเขา
ส่วนภาพลักษณ์ที่ออกมาแรงเหมือนออยคบผู้ชายเยอะทั้ง ๆ ที่มีตนอยู่แล้วนั้น ตนคิดว่า ทุกคนจะติดกับภาพลักษณ์เซ็กซี่ของออยมากกว่า และคิดว่าเขาเป็นคนแบบนั้น ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาต่อว่าออย หาว่าออยเกาะกระแสบ้าง เอาตนออกรายการเพื่อกลบกระแสบ้าง จริง ๆ แล้ว เรื่องราวเป็นอย่างไรก็รู้กันอยู่แก่ใจ แต่ออยค่อนข้างแคร์เสียงรอบข้าง จึงทำให้เขาค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องนี้ ทุกวันนี้ ตนอยากจะบอกออยว่า คนเราไม่จำเป็นต้องเฟรนด์ลี่กับคนทุกคน ใครดีมาเราก็ดีตอบ ถ้าใครร้ายมาเราก็นิ่งซะ ส่วนคำพูดของคนอื่นก็ไม่อยากให้ไปแคร์ เพราะคำพูดพวกนั้นเป็นเพียงแค่ลมปาก เราจะเอาคนที่ไม่รู้จักมาตัดสินความรู้สึกของเราได้อย่างไร
ท้ายที่สุดนี้ สาวออยก็ได้กล่าวขอบคุณทั้งแฟนคลับ และคนที่เข้าใจเธอว่า ทุก ๆ กำลังใจที่เธอได้ ทำให้เธอมีแรงที่จะสู้ต่อไป ส่วนใครที่ไม่ชอบเธอ ก็อยากจะให้มาทำความรู้จักเธอจริง ๆ จะได้ไม่เอาคำว่านางรองมาตัดสินเธอ ทั้งนี้ เรื่องราวที่เป็นข่าวกับชมพู่ เธอก็ไม่อยากให้เอามาเป็นเยี่ยงอย่างเพราะมีแต่เสียกับเสีย เสียทั้งความรู้สึก เสียทั้งเวลา... มันเหมือนเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียว ที่ก่อให้เกิดปัญหาลากยาวมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งเป็นบทเรียนราคาแพงมากในชีวิตของเธอ
[8 กันยายน] วู้ดดี้เกิดมาคุย ล้วงลึกทุกข่าวจากปากสาวออย ศรุตา
เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย
จากข่าวซดเกาเหลาชามโตกับนางเอกสาวชมพู่ อารยาเอ ฮาร์เก็ต โดยเฉพาะประเด็นข้อความแรง ๆ ในทวิตเตอร์ ได้ส่งให้ชื่อของนักแสดงสาวสุดเซ็กซี่"ออย ศรุตา เรืองวิริยะ" ติดอยู่ในกระแสข่าวในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และกลายเป็นดาราสุดฮอตที่สื่อบันเทิงทุกฉบับต้องการสัมภาษณ์แน่นอนว่า รายการวู้ดดี้เกิดมาคุย ก็ไม่พลาดที่จะสวมบทเป็นสิงห์ปืนไวคว้าตัวดาราสาวสุดเซ็กซี่มาเปิดใจพร้อมเคลียร์ข่าวฉาวทุกเม็ดทันที
งานนี้ สาวออยก็เปิดใจก่อนเลยว่าตอนที่รายการวู้ดดี้เกิดมาคุยติดต่อจะสัมภาษณ์เธอ เธอตกใจมากและคิดอยู่นานว่าจะเอาอย่างไรดี แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจมาออกรายการเพื่อจะได้จบเรื่องทุกอย่างเสียที โดยก่อนจะเคลียร์ทุกข่าว สาวออยก็ขอเท้าความย้อนเล่าไปถึงสมัยที่เธอเข้าวงการบันเทิงใหม่ ๆ ว่าเธอเริ่มเข้าสู่วงการด้วยการถ่ายโฆษณาก่อนและได้มีโอกาสไปประกวดดัชชี่จนคว้าตำแหน่งรองอันดับ 2 ได้สำเร็จ
จากนั้น สาวออยก็เริ่มโลดแล่นในวงการบันเทิงด้วยการรับบทนางเอกละคร จนถึงนางรองก่อนจะได้พลิกบทบาทเป็นนางร้าย ซึ่งเธอยอมรับว่า เป็นบทบาทที่ยากที่สุดจนแทบจะขอถอนตัวจากละคร เพราะแบกรับความเครียดไม่ไหว แต่ผู้กำกับมาพูดกับเธอว่า "หน้าตาไม่ดีก็ใช้ความสามารถสิ" ซึ่งคำพูดดังกล่าวทำให้เธอจุกอกและตัดสินใจลุกขึ้นสู้กับบทบาทที่ท้าทายนี้อีกครั้งสุดท้ายเธอก็สามารถตีบทแตกกระจุยจนทำให้บทบาทของเธอเป็นที่เกลียดชังไปทั่วบ้านทั่วเมือง
หลังจากแสดงละครมาได้พักหนึ่งสาวออยก็ตัดสินใจหยุดรับงานถึง 3 ปี เพื่อหันไปเรียนต่อให้จบหลังจากไม่มีเวลาจนต้องย้ายที่เรียนมาแล้วถึง 3 ครั้งและขณะนี้เธอกำลังศึกษาอยู่ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งอีกไม่นานสาวออยก็จะสามารถคว้าใบปริญญามาให้พ่อได้ปลื้มใจแล้ว
และเมื่อสาวออย ศรุตา จัดตารางเวลาเรียนลงตัวเธอก็กลับเข้าสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง แต่การกลับมาครั้งนี้ของเธอได้สร้างความประหลาดใจให้บรรดานักข่าว และเพื่อน ๆ ในวงการบันเทิงเป็นอย่างมากเพราะหน้าตาของสาวออยเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นสาวออยก็ปากแข็งไม่เคยยอมรับว่าไปทำศัลยกรรมสักที กระทั่งล่าสุดสาวออยก็ยอมรับสารภาพกลางกลางรายการวู้ดดี้เกิดมาคุยว่า จริง ๆ แล้วเธอโกหกเพราะเธอไปทำศัลยกรรมจมูกมา
"ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาออยปฏิเสธตลอดว่าไม่ได้ทำศัลยกรรมจริง ๆ แล้วออยทำค่ะ ทำจมูก ซึ่งทำมาแล้วมันเบี้ยวด้วย เสียใจมากรับตัวเองไม่ได้หน้ามันดูปลอมมาก มันเป็นความจริงที่ตัวเองรับไม่ได้ พอพี่ ๆ นักข่าวหรือใครถามก็จะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ เพราะรับความจริงไม่ได้หน้าปัจจุบันนี้เอาจมูกออกแล้ว เป็นหน้าเดิมของออยจริง ๆ" สาวออย เปิดใจ
เคลียร์ประเด็นทำศัลยกรรมไปแล้วทีนี้ก็มาถึงข่าวฮอตล่าสุดกับกรณีซดเกาเหลาชามใหญ่กับนางเอกสาวตาโต "ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต" โดยสาวออย เล่าว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องมาจากการที่เธอไปออกรายการเกมโชว์ทางช่อง 9 แล้วพิธีกรถามเธอว่า เคยคบกับไฮโซคนนี้ไหม (หมายถึง น็อต วิศรุตรังษีสิงห์พิพัฒน์ แฟนหนุ่มของสาวชมพู่) เธอได้ตอบไปตรง ๆ ว่า เคยซึ่งไม่ได้คิดอะไรในตอนนั้น เพราะมันผ่านมา 5-6 ปีแล้วแล้วการคบกันมันก็มีหลายระดับ ตนไม่ได้อธิบายอะไรไป
สาวออย เล่าต่อว่า หลังจากนั้นก็มีพี่คนหนึ่งส่งข้อความในทวิตเตอร์ของชมพู่มาให้ โดยเขียนว่า "อยากหน้าเหมือน ออย ศรุตา" ซึ่งเธอดูแล้วก็งงและตกใจมาก ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนทำ เพราะตนไม่ได้คิดอะไร และปัจจุบันก็คบหากับบุตร สุริยะ แฟนหนุ่มอยู่ หลังจากนั้นก็ยังมีข้อความขอโทษเป็นภาษาอังกฤษส่งมาอีกซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นคำขอโทษจริง ๆ หรือประชดประชันอะไรก่อนที่คู่กรณีจะออกมาแถลงข่าวขอโทษผ่านสื่อ
"ก็ต้องถามว่าขอโทษใคร เพราะเวลาโพสต์โพสต์ว่า "อยากหน้าเหมือนออยศรุตา" มีการให้สัมภาษณ์แบบแบ่งชนชั้น ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพูดแบบนั้นเรื่องต้นทุนสูงต้นทุนต่ำ การเป็นนางรองพูดอะไร ทำอะไร มันก็ผิดเสมอหรือเปล่าออยพลาดเองที่ไปตอบคำถามนั้นในรายการ ผลที่ออกมามันตั้งรับไม่ทันจริง ๆไม่ได้คิดว่าจะเป็นแบบนี้" สาวออย ตัดพ้อ
เมื่อถามว่า เรื่องบานปลายแบบนี้แล้วสาวออยคิดจะฟ้องร้องอะไรหรือไม่ นางร้ายสุดเซ็กซี่ตอบว่า ไม่คิดจะฟ้องร้องอะไรเพราะตอนนี้มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกไปแล้ว แต่ก็เป็นบทเรียนราคาแพงอย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เธอเคยบอกว่า จะไม่ขอร่วมงานกับคู่กรณี แต่ตอนนี้คิดใหม่แล้วว่าสามารถร่วมงานด้วยได้เพราะจริง ๆ แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่น้ำผึ้งหยดเดียวและเธอยังโชคดีที่มีแฟนหนุ่ม "บุตร สุริยะ"คอยให้กำลังใจเธอมาโดยตลอด
สุดท้ายนี้ สาวออย ศรุตาก็ได้ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า จะไม่ขอพูดและตอบคำถามเรื่องนี้อีกแล้วโดยจะพูดผ่านรายการวู้ดดี้เกิดมาคุย เป็นครั้งสุดท้าย และขอจบเสียทีเพราะเธอไม่ต้องการโด่งดังด้วยข่าวแบบนี้พร้อมกับยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยแย่งแฟนใคร และไม่เคยเป็นมือที่ 3 ของใคร
เอ้า...แมงเม้าท์ทั้งหลายที่ต้องการฟังคำเปิดใจจากสาวออยศรุตา แบบชัด ๆ พร้อมกับยลโฉมแฟนหนุ่มของเธอล่ะก็...อย่าพลาดชมรายการวู้ดดี้เกิดมาคุยในวันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน นี้ เวลา 22.30 น. ทางโมเดิร์นไนน์ทีวีนะจ๊ะ
