เทคนิคเป็นคู่เม้าท์ให้เข้าขา (Lisa)
การใช้ชีวิตอยู่ในสังคม เราจำเป็นต้องพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่นอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เพื่อนร่วมงาน หรือคนรู้จัก แต่การที่เราจะเป็นฝ่ายพูดหรือฟังแต่เพียงฝ่ายเดียว ไม่อาจช่วยให้การสนทนานั้นมีอรรถรสได้ หากพูดอย่างเดียวที่ก็ทำให้คนฝังเบื่อ แต่ถ้าไม่พูดเลยก็อาจทำให้คู่สนทนารู้สึกเซ็งได้ ดังนั้น เรามาปรับตัวเป็นสาวนักสนทนาด้วยกฎพื้นฐานเหล่านี้กันดีกว่าค่ะ
คู่คุยที่ดีต้องเป็นแบบนี้
กฎ 2 ข้อที่ต้องตระหนัก การจะเป็นผู้พูดที่ดีได้ ต้องตระหนักไว้ว่า 2 ข้อคือ คุณต้อง “คิดก่อนพูด” ผู้พูดอยู่เสมอ คุณควรคิดก่อนว่าพูดเรื่องอะไรกับคนที่คุยด้วย ควรเลื่อกเรื่องที่ทั้งคุณและเขาสนใจตรงกันจะดีกว่า จะช่วยทำให้การพูดคุยไหลลื่นและสนุกสนานยิ่งขึ้น
อย่าพูดแทรก ขณะที่อยู่ในวงสนทนา คุณเป็นฝ่ายฟังอยู่ จู่ๆ ก็นึกอยากพูดอะไรขึ้นมาทันทีทันใด เว้นแต่ว่าเรื่องที่จะพูดแทรกเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องพูดเดี๋ยวนั้นจริงๆ
ภาษากายก็จำเป็น นอกจากคำพูดและโทนเสียงจะเป็นตัวสื่อความหมายในสิ่งที่พูดแล้ว สีหน้าและท่าทางก็สามารถสื่อความหมายได้ดีอีกวิธีหนึ่งซึ่งท่าทางต่างๆ สามารถสื่อความหมายได้ดังนี้ค่ะ
ยิ้ม การยิ้มสื่อความเป็นมิตร จริงใจ และมีใจเปิดกว้าง แต่ก็ระวังอย่ายิ้มมากเกินไป เพราะผู้พูดอาจคิดว่าคุณหัวเราะเยาะเขาอยู่
ขมวดคิ้ว หากคุณขมวดคิ้ว แสดงว่าคุณอาจจะกำลังเครียดหรือวิตกกังวลเรื่องอะไรอยู่
สบตา การมองตาผู้พูด แสดงว่าคุณให้ความสนใจเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้พูดพูด แต่บางครั้งกับคนที่คุณไม่ค่อยสนิทนัก อาจมองไปที่ส่วนต่างๆ ของใบหน้า
ผงกศีรษะ การผงกศีรษะแสดงว่าคุณเข้าใจและเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้พูดพูด แต่ไม่ควรผงกศีรษะมากเกินไปเพราะจะทำให้พูดอื่นเห็นว่าคุณเอาแต่เห็นคล้อยตามเขา ไม่เสนอความคิดเห็นของตัวเองบ้าง
นอกจากนี้เวลาที่อยู่ในวงสนทนาก็ไม่ควรเอาแต่สางผม ผูกผม หรือดีดปากกาเล่น
อย่าปฏิเสธคำชม บางครั้งที่เวลามีคนมาชมเรา เรามักรู้สึกอายและแสดงออกด้วยการปฏิเสธ เช่น หากมีคนชมว่า “คุณทำงานได้ดีมาก เก่งจังเลยนะค่ะ” ซึงมักจะตอบกลับไปว่า “ไม่หรอกค่ะ ฉันไม่เก่งหรอก” ที่จริงคุณไม่ควรตอบแบบนี้นะค่ะเดี๋ยวเขาจะหาว่าคุณเป็นพวกถ่อมตัวจนเกินเหตุ คุณควรกว่าขอบคุณเขาด้วยความจริงใจจะดีกว่า
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Vol. 6 No.21 มิถุนายน 2005
