x close

มาดูกันอาการแบบไหน ที่บอกให้รู้ว่าคุณเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว

ผู้หญิง



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          คุณผู้หญิงคนไหนกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านของวัย ช่วงเปลี่ยนที่เรากำลังจะพูดถึง ไม่ใช่ช่วงวัยเด็กย่างเข้าวัยรุ่น ไม่ใช่วัยรุ่นย่างเข้าสู่การเป็นสาวเต็มตัว แล้วก็ไม่ใช่วัยสาวที่กำลังเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นด้วย แต่ว่าเป็นช่วงวัยที่คุณผู้หญิงกำลังเข้าสู่วัยกลางคนค่ะ ฟังดูแล้วเป็นช่วงอายุที่ไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่จริง ๆ เพราะวัยกลางคนที่ว่านี่คือช่วงอายุตั้งแต่ 40-60 ปี เรียกง่าย ๆ ก็เป็นอันว่าเริ่มจะแก่ หรือเริ่มถูกคนอื่นเรียกอย่างให้เกียรติว่า "วัยที่มีอาวุโส" นั่นเอง (โอ๊ยย ไม่อยากได้ยิน TvT) คุณผู้หญิงบางคนอาจจะยังรู้สึกว่า "ไม่จริง ฉันยังไม่แก่ย่ะ" โชคดี (หรือเปล่านะ?) ที่ของแบบนี้วัดจากความรู้สึกตัวเองล้วน ๆ ไม่ได้ มันยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ให้คุณดูประกอบด้วย แล้วจึงลองตัดสินใจใหม่อีกทีว่า ถึงเวลาที่จะยอมรับว่าตัวเองก้าวย่างเข้าสู่ "วัยกลางคน" แล้วหรือยัง

          คลอเดีย คอนเนลล์ คอลัมนิสต์วัย 46 ปี จากเว็บไซต์เดลิเมลเล่าเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงที่เธอสังเกตเห็นในตัวเอง และได้ยอมรับว่ามันคือสัญญาณที่บ่งบอกเต็มแก่ว่า เธอได้ก้าวเลยช่วงความเบิกบานของวัยหนุ่มสาวมาแล้วจริง ๆ

       อกใหญ่แต่ไม่เต่งตึง หน้าอกไซส์ไข่ดาวที่เธออธิษฐานให้มันกลายเป็นอกดูม ๆ ตู้ม ๆ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น บัดนี้ได้พบว่ามันกลับใหญ่ขึ้นทีละนิดทุก ๆ ปี ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เธออยากให้มันเกิดขึ้นในตอนนี้แม้แต่นิดเดียว และเธอก็ยอมทนใส่บราที่ไม่ใช่ไซส์ของตัวเองอยู่ได้ เพราะกลัวที่จะให้พนักงานวัดขนาดเสื้อชั้นในให้ แล้วต้องพบว่าไซส์ที่เธอใส่มันจะใหญ่กว่าคัพ C (ถึงว่าสิ เวลาไปซื้อเสื้อชั้นในตอนลดราคา มักจะมีกองหนึ่งที่ดูแล้วไซส์ใหญ่เวอร์มาก ๆ แถมไม่ใช่ลายน่ารัก ๆ หรือสวย ๆ แบบที่วัยรุ่นหรือคนทำงานเขาใส่กัน ที่แท้ก็เป็นไซส์สำหรับสาวใหญ่วัยกลางคนนี่เอง .. ที่เห็นตัวใหญ่ ๆ ไม่ใช่แค่ทำมารองรับขนาดหน้าอกเท่านั้นนะ แต่คงจะมารองรับที่มันไม่เต่งตึงเหมือนเดิมแล้วด้วย)

       ท้องแขนเหี่ยวยานจนแทบตีปีกได้ ทำเอาขยาดการใส่เสื้อแขนกุดไปเลย ไม่ว่าจะออกกำลังกายหรือยกเวทแค่ไหน ก็ไม่สามารถรั้งท้องแขนไม่ให้คล้อยเหี่ยวลงไปตามแรงโน้มถ่วงโลกได้เลย และไม่ใช่แค่ท้องแขนเหี่ยวอย่างเดียวเท่านั้น ยังมองเห็นเซลลูไลท์ที่แขนได้ชัดอีกต่างหาก ถ้ามันอยู่ที่ขาหรือบั้นท้ายก็ยังพอเข้าใจ แต่พออายุเปลี่ยนแปลงไปดันลามมาขึ้นที่แขนด้วยซะงั้น

       ต่อให้กินน้อยแค่ไหนไซส์ตัวก็ยังขยาย เมื่อก่อนเธอไม่ค่อยเข้าใจ เวลาเห็นแม่จับกลุ่มคุยกับกับเพื่อน ๆ ที่หุ่นอวบร่างใหญ่พอ ๆ กัน ได้ยินพวกแม่ ๆ ป้า ๆ บ่นกันว่ากินน้อยแต่ก็ยังอ้วน วันนี้เธอเข้าใจถ่องแท้แล้วทีเดียวว่ามันเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้แม้วันหนึ่ง ๆ เธอจะไม่ได้กินอะไรมากมาย แต่สุดท้ายรูปร่างตัวเองก็อวบเอา ๆ เหมือนกัน

       เริ่มใส่เสื้อสั่งตัด พออายุมากก็เริ่มต้องหันมาใช้บริการเสื้อผ้าสั่งตัด ไม่ใช่ว่าเกิดรสนิยมดี หรือมีเงินเหลือกินเหลือใช้จนเอาไปสั่งตัดเสื้อผ้าได้ แต่เป็นเพราะว่าสัดส่วนร่างกายมันไม่พอดีกับเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่มีวางขายให้หาซื้อได้ง่าย ๆ  อีกต่อไป แถมจะให้เข้าไปเดินดูเสื้อผ้าในร้านเชนสโตร์ดัง ๆ ก็ไม่ใช่สิ่งที่อยากทำ เพราะในขณะที่ถือเสื้อผ้าเตรียมเข้าห้องลองเสื้อ แม่พนักงานก็ดันเดินมาชมว่า "เลือกเสื้อให้ลูกสาวสวยเชียวนะคะ" (เอ่อ ขอโทษย่ะ นี่ฉันจะซื้อใส่เอง) วันดีคืนดีเกิดอยากได้เสื้อผ้าที่ดูกระชากวัยหน่อย เลยไปเดินซื้อหากันในร้านที่พวกคนหนุ่มสาวเขาชอบไป แล้วก็ต้องรีบล่าถอยออกมา เพราะว่าแสงมัว ๆ ทึม ๆ ในร้าน ทำเอาตาพร่า ปวดตา ไปหมด ... ไม่เข้าใจคนหนุ่มคนสาวเสียจริง ๆ ว่ามองเห็นอะไรได้ยังไง!

       รองเท้าส้นสูงไม่ใช่มิตรแท้อีกต่อไป แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะชอบใส่เพราะมันดูเริ่ด เชิด สวย แต่ในตอนนี้แค่ยัดเท้าลงไปในรองเท้าส้นสูงหัวแหลม ๆ มันก็บีบเท้าของเธอจนเดินขาขวิดตุปัดตุเป๋อย่างกับคนเมา หากทนใส่ไปได้อีก 15 นาที นิ้วเท้าของเธอก็จะเริ่มชา ส่วนรองเท้าส้น kitten heels ที่ลดความสูงของส้นลงมาหน่อย ใส่เดินได้สัก 2 ชั่วโมงก็ถือว่าเก่งแล้วล่ะ

       ไอเทมในกระเป๋าถือเปลี่ยนไป ตอนอายุยังมีเลข 2 นำหน้า ของในกระเป๋าส่วนตัวของเธอนั้นประกอบด้วย กุญแจบ้าน กระเป๋าสตางค์ ลิปสติก ลูกอมดับกลิ่นปาก ถุงยางอนามัย (อั้ยย่ะ!!) แล้วก็ถุงน่องสำรองอีกคู่หนึ่ง แต่ของในกระเป๋าเธอทุกวันนี้น่ะหรือ มีทั้งแว่นตาอ่านหนังสือ แว่นตาสำหรับขับรถ แว่นตากันแดดแบบสั่งทำเฉพาะจากจักษุแพทย์ ยาแก้ท้องอืดอาหารไม่ย่อย เสื้อคลุม หมวก แล้วก็ปากกาอีกหนึ่งแท่ง แค่ดูจากของก็รู้แล้วว่า เมื่อวัยเปลี่ยนสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน

       ไม่ย่างเท้าเข้า ผับ บาร์ หรืออย่างน้อยก็ร้านอาหารกึ่งผับ เพราะแสงในนั้นมืดสลัวเกินกว่าที่เธอจะอ่านเมนูได้ถนัดตา แถมยังมองอาหารในจานได้ไม่ชัดอีกต่างหาก ต้องเป็นร้านแบบสว่าง ๆ โล่ง ๆ และคนน้อย ๆ นั่นแหละ ที่เธอจะเข้าไปนั่งอ่านเมนู สั่งอาหาร และรับประทานได้อย่างสบายใจ นอกจากนี้เธอในวัย 46 ปี ยังใส่ใจเรื่องสภาพอากาศมากขึ้น ก่อนจะออกจากบ้านไปไหนมาไหน ต้องคอยเช็กสภาพอากาศซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากพยากรณ์อากาศหลาย ๆ แหล่ง เพราะการเปียกฝนปรอย หรือเผชิญอากาศที่เย็นฉับพลัน มันทำให้หนาวสั่นเข้าไปถึงข้างในจริง ๆ

       ใบปลิวที่เธอได้รับแจกตามท้องถนนก็เปลี่ยนไป อย่าหวังที่จะได้ใบปลิวประเภท ส่วนลดร้านอาหารกึ่งผับ บาร์เปิดใหม่ หรือว่าไนท์คลับเลย ไม่มีทางหรอก สิ่งที่เธอจะได้รับการ (ยัดเยียด) แจกมาใส่ในมือจะเป็นประเภท ตรวจสายตาฟรี น้ำยาฟอกฟันขาว หรือพวกส่วนลดร้านซักรีด อะไรเทือกนี้เสียมากกว่า

       ต้องดูทีวีแบบมีซับไตเติ้ล เพราะเวลาดูซีรีส์ หรือรายการโชว์ไหน ๆ มักจะเจอแต่พิธีกรหนุ่มสาวที่มักพ่นคำพูดรัว ๆ เร็ว ๆ หรือไม่ก็เป็นประเภทพูดมุบมิบขมุบขมิบฟังยาก นี่แหละปัญหาของหญิงวัยกลางคนตอนดูทีวี ถ้าฟังไม่ทันก็ฟังไม่ออก แย่จริง ๆ

       สิ่งสุดท้ายที่เธอสังเกตเห็นได้ชัด คือ ความอดทนมันสั้นลงเห็น ๆ เธออดไม่ได้ที่จะฮึดฮัดฟึดฟัดเมื่อคิวต่อแถวจ่ายเงินยาวเกินทน กลายเป็นเจ้าระเบียบจุกจิกมากขึ้น ใครริยืนเกะกะบนบันไดเลื่อน เธอไม่อายที่จะเปล่งเสียงอันดังว่า "ช่วยยืนชิดขวาด้วยค่ะ!" และรู้รักษาสิทธิ์ของตัวเองชนิดที่ว่าใครก็ตามอย่ามาแหยม เพื่อนบ้านคนไหนดอดเอาขยะมาทิ้งหน้าบ้านเธอ รับรองว่าจะเจอจดหมายสนเท่ห์ไปเสียบไว้หน้าประตูบ้านในวันรุ่งขึ้นแน่นอน เรียกว่ายิ่งอายุเยอะก็ยิ่งดุเด็ดเผ็ดร้อนกับเรื่องพวกนี้ขึ้นมาทันใดเลยเชียว


          เมื่อรวบรวมความเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอันมาประมวลผลเข้าด้วยกัน จึงทำให้เธอได้ข้อสรุปในที่สุดว่า สิ่งที่เธอล้วนเป็นมาทั้งหมดนี้ก็เพราะอายุอานามที่เข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน ..เอ่อ ผ่านเข้าสู่วัยกลางคนนั่นเอง หากคุณผู้หญิงได้อ่านแล้วพบว่าตัวเองตรงกับข้อไหน สงสัยงานนี้คงจะต้องเตรียมใจยิ้มรับ "วัยกลางคน" แต่โดยดีแล้วล่ะ (ย้ำอีกที ว่าอายุ 40-60 ปีนะจ๊ะ) ... แต่เอาน่า อายุก็แค่ตัวเลขเนอะ ^^"
 
 



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
มาดูกันอาการแบบไหน ที่บอกให้รู้ว่าคุณเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว อัปเดตล่าสุด 7 ธันวาคม 2555 เวลา 14:50:34 7,432 อ่าน
TOP