เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Instagram djjmam, djpchod
เป็นประเด็นร้อนไม่เลิก หลังดีเจเจ๊แหม่ม วินัย สุขแสวง แห่งคลื่น กรีนเวฟ 106.5 เอฟเอ็ม ประกาศลาออกจากการเป็นดีเจบ้านเอไทม์ มีเดีย พร้อมเปิดเผยปัญหาภายในองค์กร เนื่องจากขัดแย้งกับคนประสานงาน และทางดีเจพี่ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ผู้บริหารใหญ่ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ทำนองว่า องค์กรไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนคนเดียว และไม่ห้าม หาก เจ๊แหม่ม ตัดสินใจลาออกด้วยปัญหาส่วนตัว
ล่าสุด (18 ธันวาคม) ดีเจเจ๊แหม่ม ก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ตนเองไม่ได้รู้สึกน้อยใจกับการที่ พี่ฉอด ไม่ห้าม เมื่อตนเองขอลาออก และรู้สึกเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ฉอดทำ เพราะเขาพูดถูกที่ว่าองค์กรไม่ได้อยู่ด้วยตนเองคนเดียว ยังมีดีเจอีกหลายคนที่ก็เป็นฟันเฟืองในองค์กรเหมือนกัน ตนเองเป็นเพียงเฟืองตัวเดียวที่กระเด็นหลุดออกมา ก็แค่เอาเฟืองตัวใหม่เข้าไปใส่ เพื่อทำหน้าที่ในองค์กรเท่านั้นเอง ไม่ได้รู้สึกน้อยใจจริง ๆ
ส่วนเรื่องที่มีคนมองว่า เจ๊แหม่ม ลาออกจากงานดีเจ เพราะมีงานอื่นรองรับอยู่แล้วนั้น เจ๊แหม่ม เปิดเผยว่า ตนเองคิดเรื่องลาออกมานานแล้ว ก่อนหน้าที่จะมีงานรองรับด้วย โดยงานที่จะทำต่อจากนี้ คิดว่าในเมื่อมีแฟนคลับรักเราเยอะ ก็คิดอยากทำอะไรดี ๆ อย่างเช่นร้านส้มตำ เวชสำอาง ห้องเสื้อ หรือโรงเรียน คือมีสิ่งที่อยากทำอีกมากมายซึ่งอยู่ในหัวตอนนี้ ที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะตนเองมีงานดีเจเป็นอาชีพหลัก จึงให้ความสำคัญกับงานนี้เป็นอันดับหนึ่ง ไม่เคยลางานนอก ก็เคยกังวลอยู่ว่า หากไม่ได้ทำอาชีพดีเจของเอไทม์ มีเดีย แล้วจะไปทำอะไรดี แต่คิดว่าวันหนึ่ง หากมีคนอยากให้ไปทำที่องค์กรอื่น ๆ ตนเองก็จะไปทำ
ทั้งนี้ ในเรื่องที่ ดีเจเอกกี้ โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ ทำนองว่า คนที่น่าสงสารที่สุดคือคนที่ไม่รู้ตัวเอง เป็นกำลังใจให้กับคนที่ทำงานแบบไม่มีปากมีเสียงนั้น ดีเจเจ๊แหม่ม บอกว่า ตนเองยังไม่เห็น แต่ก็ได้ยินมาเหมือนกัน แต่คิดว่าคงไม่ได้หมายถึงตนเอง ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะตนเองกับ เอกกี้ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน อย่างไรก็ตาม หากมีคนตามเหน็บตนเองในตอนนี้ ก็คิดว่าไม่ควรแคร์ ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจ
สำหรับกระแสข่าวที่ว่า ดีเจเจ๊แหม่ม เป็นคนอกตัญญูนั้น เจ้าตัวบอกว่า อย่าใช้คำว่าอกตัญญู ให้ใช้คำว่าเนรคุณเลยดีกว่า และหากตนเองเนรคุณจริง ก็คงไม่อยู่มาจนถึง 20 ปี คงออกไปตั้งแต่ปีที่ 4-5 แล้ว ตนเองก็อยู่กับ เอไทม์ มีเดีย มาตั้งแต่ฝึกงานจนถึงตอนนี้ ทำงานอย่างเต็มที่มาตลอด ส่วนเรื่องงานตอนนี้ ก็มีคลื่นวิทยุอื่นทาบทามมาให้ไปจัดรายการบ้าง ก็คุยเล่น ๆ กันว่า ตอนนี้ขอขายส้มตำก่อน แต่ตนเองก็รักงานดีเจ คงต้องรอดูกันต่อไป เพราะก็กังวลว่า หากไปทำงานที่อื่น ก็อาจมีปัญหาเดิมเกิดขึ้นอีก ซึ่งการที่ปัญหาดังกล่าวจะมากน้อยแค่ไหน และได้รับการแก้ไขอย่างไร ถือเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
