เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
เด็กชายวัย 3 ขวบ หายตัวไปนาน 6 ชั่วโมง พบอีกทีกลายเป็นศพอยู่ในรถ สภาพคล้ายโดนแดดเผา ตัวแดงเถือก ปากซีด กำมือแน่น ด้านเจ้าของรถงง ไม่ทราบว่าเด็กเข้าไปในรถได้อย่างไร เพราะมั่นใจว่าล็อกรถแล้ว
วันนี้ (19 ธันวาคม) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ท่าข้าม รับแจ้งว่า มีเด็กขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตที่โรงพยาบาลบางมด จึงรุดไปตรวจสอบ ทั้งนี้ เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ศพเด็กชายบอย (นามสมมติ) อายุ 3 ขวบ 6 เดือน แขนและขามีสภาพแดงคล้ายถูกแดดเผาจนไหม้ ปากซีด กำมือแน่น เบื้องต้นตรวจสอบไม่พบบาดแผลใด ๆ ด้านแพทย์สันนิษฐานว่า เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง
ทั้งนี้ จากการสอบสวน นายบุญเลิศ ยอดทอง อายุ 65 ปี ปู่ของเด็กชายบอย ให้การว่า เด็กชายบอยเป็นหลานชายแท้ ๆ โดยตนและภรรยาช่วยเลี้ยงหลานแทนลูกชายกับลูกสะใภ้ที่ทำงานโรงงาน ซึ่งทุกคืนวันเสาร์ลูกชายและลูกสะใภ้จะรับลูกไปนอนด้วยเพียงวันเดียวเท่านั้น ส่วนช่วงค่ำวันอาทิตย์ก็จะมาส่งให้ตนเลี้ยงดูตามปกติ และเป็นอย่างนี้มาตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา
นายบุญเลิศ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุว่า เมื่อช่วงเที่ยงของเมื่อวาน (18 ธันวาคม) หลานชายบ่นอยากกินเงาะ ตนและภรรยาเลยพาหลานเดินลงมาซื้อเงาะที่รถขายกับข้าวที่มาขายเป็นประจำหน้าหอพักทุกวัน แต่พอซื้อเสร็จก็หาหลานไม่เจอ จึงขอความช่วยเหลือและเดินตามจนทั่ว ซึ่งตามเท่าไรก็ไม่พบ จนกระทั่งเวลาผ่านไปนาน 6 ชั่วโมง มีเพื่อนบ้านวิ่งมาบอกตนว่า เจอหลานนอนอยู่ในรถเก๋งคันหนึ่งที่จอดอยู่ลานจอดรถใกล้ ๆ หอพัก ตนและภรรยาจึงวิ่งลงมาดู พบว่า รถดังกล่าว ยี่ห้อโตโยต้า โคโรล่า สีขาว ทะเบียน 6ธ - 8773 กรุงเทพมหานคร และเห็นหลานนอนแน่นิ่งอยู่ในรถ จึงเปิดประตูรถที่ไม่ได้ล็อก พร้อมนำร่างของหลานส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เพราะแพทย์คาดว่าหลานชายเสียชีวิตตั้งแต่จุดเกิดเหตุแล้ว
ส่วนทางด้าน นายปิยะวิทย์ ลิมสุทธิรัตน์ อายุ 33 ปี เจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว ระบุว่า รถคันนี้ตนเพิ่งนำมาใช้ เนื่องจากรถคันเดิมที่ใช้อยู่ประจำโดนโจรงัด และนำไปซ่อมอยู่ ซึ่งระหว่างที่ตนทำงาน ภรรยาก็โทรศัพท์มาบอกว่า มีเด็กเสียชีวิตในรถ ให้ตนรีบกลับมาดู ตอนนั้นตนงงมาก เพราะตนมั่นใจว่าตนล็อกรถด้วยระบบเซ็นทรัลล็อกอย่างดี และไม่ทราบจริง ๆ ว่าเด็กเข้าไปอยู่ในรถได้ยังไง
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถยืนยันสาเหตุการตายของเด็กได้ ว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความซุกซนหรือไม่ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจค้นสภาพรถอย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเสียก่อน อีกทั้งยังต้องรอดูผลการชันสูตรพลิกศพจากนิติเวชประกอบด้วย ทั้งนี้ เบื้องต้นได้เชิญตัวผู้ปกครอง และเจ้าของรถมาสอบปากคำแล้วว่าเป็นความประมาทของผู้ใดบ้าง ก่อนแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
