x close

เริ่ด!! นวัตกรรมยกหน้าแบบใหม่ จากไขมันของตัวเอง

ศัลยกรรม



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          ปัญหาด้านความงามที่คนจำนวนมากต้องประสบเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นก็คือ รูปร่างอ้วนขึ้น ในขณะที่ใบหน้ากลับสูญเสียความกระชับเต่งตึง และหย่อนคล้อยลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งเป็นผลมาจากการสูญเสียความหนาแน่นของมวลกระดูก การผลิตคอลลาเจนในผิวหนังลดลง รวมถึงไขมันในชั้นผิวบนใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณแก้ม ขมับ และใต้ตาก็หายไปด้วย แต่ด้วยนวัตกรรมใหม่ของความงามกับกระบวนการที่เรียกว่า ออร์แกนิก เฟซลิฟต์ (Organic Facelift) จะช่วยให้คุณแก้ปัญหาทั้งสองอย่างได้พร้อม ๆ กัน นั่นคือทั้งลดไขมันส่วนเกินจากบริเวณที่มีปัญหาด้วย การดูดไขมันออกมา (liposuction) แล้วนำมาเติมให้ที่ใบหน้า ใบหน้าจึงกลับมากระชับเต่งตึงดูอ่อนเยาว์

           อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว คุณผู้หญิงหลาย ๆ คนอาจจะมีข้อสงสัยว่า มันต่างจากการฉีดฟิลเลอร์ให้ใบหน้า หรือว่า การปลูกถ่ายไขมัน (Fat Transfer) จากส่วนอื่นของร่างกายไปไว้ที่ใบหน้าอย่างไร มาไขข้อสงสัยกันเลยค่ะ

          วิธีการสร้างความเต่งตึงกลับคืนสู่ใบหน้าที่นิยมในปัจจุบันอย่าง "การฉีดฟิลเลอร์" ซึ่งก็คือการฉีดไฮยาลูรอนิก เอซิด อันเป็นสารที่ได้จากการสังเคราะห์ขึ้น เพื่อเติมร่องแก้ม และริ้วรอยต่าง ๆ ให้เต็ม กระบวนการนี้มีความเสี่ยงต่ำ แต่ก็ให้ผลไม่คงทน โดยการฉีดฟิลเลอร์ด้วยไฮยาลูรอนิก เอซิด จะมีผลอยู่ได้ราว 6-12 เดือนเท่านั้น นอกจากนี้ ในหลาย  ๆ ราย ใบหน้าที่ดูเต่งตึงขึ้นกลับไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก แม้จะดูดีตอนทำหน้าปกติ แต่ก็สามารถดูหลอกตา และสังเกตได้ชัดว่าทำหน้ามา เมื่อยิ้ม พูดคุย หรือหัวเราะ ซึ่งเกิดจากการที่ฟิลเลอร์นั้นมีลักษณะเป็นของเหลว แต่ก็หนืดและข้นกว่าไขมันธรรมชาติบนใบหน้า จึงไม่เคลื่อนหรือไหลไปตามการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้านั่นเอง

          ส่วนการปลูกถ่ายไขมันจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกายมาไว้ที่ใบหน้านั้น แม้จะมีข้อดีที่ดูธรรมชาติกว่า และได้ใช้ไขมันจากร่างกายของตัวเอง จึงช่วยลดความเสี่ยงที่สารฟิลเลอร์ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ แต่การปลูกถ่ายไขมันแบบที่ทำกันมาก็ไม่ได้ให้ผลที่น่าพึงพอใจทั้ง 100% เพราะการปลูกถ่ายไขมันแบบเดิมนี้จะเติมไขมันลงไปที่ใต้ชั้นผิวหนัง โดยแพทย์จะเติมให้ในปริมาณเกินจริง เพื่อเผื่อในส่วนที่จะต้องสูญเสียไปหากเซลล์ไขมันที่ปลูกถ่ายลงไปนั้นไม่ติดกับผิว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของไขมันที่ทำการปลูกถ่ายลงไปเลยทีเดียว วิธีนี้จึงทำให้หน้าดูบวมมากหลังจากการทำในช่วงแรก ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ลดลง จนเหลือขนาดเท่า ๆ กับเซลล์ไขมันที่ประสบผลสำเร็จในการปลูกถ่ายนั่นเอง

          แต่สำหรับกระบวนการ ออร์แกนิก เฟซลิฟต์ นั้นแตกต่างออกไปจากการปลูกถ่ายไขมันธรรมดา ๆ นอกจากจะได้ใช้ไขมันจากตัวเอง ไม่ต้องอาศัยสารสังเคราะห์เช่นเดียวกับการฉีดฟิลเลอร์แล้ว (เป็นที่มาของชื่อ ออร์แกนิก เฟซลิฟต์) ยังมีกระบวนการปลูกถ่ายที่ล้ำหน้าไปกว่าการปลูกถ่ายไขมันแบบเดิม ๆ คือการฉีดไขมันเข้าไปยังใต้ชั้นกล้ามเนื้อ แทนที่จะฉีดลงไปใต้ผิวหนังเฉย ๆ ด้วยวิธีนี้ทำให้เส้นเลือดเข้าเกาะและหล่อเลี้ยงเซลล์ไขมันได้ดีกว่า จึงช่วยลดการสูญเสียเซลล์ไขมันหลังการปลูกถ่ายลงไปได้ จนเหลืออัตราสูญเสียที่ 20% เท่านั้น ผลที่ได้จึงน่าพึงพอใจมากกว่าการปลูกถ่ายไขมันแบบเดิม ๆ ดูเป็นธรรมชาติกว่าการฉีดฟิลเลอร์ และยังให้ผลที่ยาวนานกว่า โดยการทำ ออร์แกนิก เฟซลิฟค์ นี้สามารถอยู่กับใบหน้าได้นาน 10 ปีขึ้นไปเลยทีเดียว

          นอกจากใบหน้าที่ดูเต่งตึงอ่อนเยาว์ขึ้นแล้ว ไขมันส่วนเกินในร่างกายก็ลดลงไปด้วย โดยกระบวนการดูดไขมันเพื่อนำมาฉีดให้กับใบหน้านั้น จะนำไขมันส่วนเกินออกจากบริเวณหน้าท้อง ต้นขา และบั้นท้าย ก่อนจะนำไปปั่น และสกัดแยกเอาแต่เซลล์ไขมันมาใช้งาน รูปร่างโดยรวมจึงดูดีขึ้นด้วย แต่อย่างไรก็ดี วิธีการนี้อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีรูปร่างผอมเป็นทุนเดิม เพราะนั่นหมายถึงคุณไม่มีไขมันส่วนเกินในร่างกายเพียงพอที่จะนำมาใช้ในการทำออร์แกนิก เฟซลิฟต์ และด้วยความที่ไขมันที่ได้รับการปลูกถ่ายลงบนใบหน้าด้วยกรรมวิธีนี้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของไขมันธรรมชาติในผิวหนัง มันจึงหายไปได้หากว่าคุณน้ำหนักลด หรือผอมลงกว่าเดิมด้วยค่ะ

          นับว่าการทำออร์แกนิก เฟซลิฟต์ เหมาะที่สุดสำหรับสาว ๆ ผู้ประสบปัญหาทั้งทางด้านรูปร่างและมีใบหน้าที่หย่อนคล้อยในเวลาเดียวกัน โดยสามารถทำศัลยกรรมทั้งสองประเภทนี้ไปได้พร้อม ๆ กัน เมื่อร่างกายได้พักฟื้นเต็มที่แล้ว รับรองว่าคุณจะได้เห็นตัวเองในคนใหม่ที่รูปร่างดีขึ้น และหน้าดูอ่อนเยาว์ลงไปเป็นกองเลยล่ะ :D









เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เริ่ด!! นวัตกรรมยกหน้าแบบใหม่ จากไขมันของตัวเอง อัปเดตล่าสุด 6 มีนาคม 2556 เวลา 10:05:02
TOP