เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้ โพสต์โดย คุณ CiNNtv3 สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ทุกวันนี้ การร้อยไหมยกกระชับหน้าถือว่าเป็นเทรนด์มาแรง สำหรับผู้หญิงทุกวัยที่อยากจะให้หน้ากระชับ เต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย อีกทั้งทำให้ใบหน้าเปล่งปลั่ง มีเลือดฝาด นอกจากนี้ บางคนยังคิดว่า การร้อยไหมกระชับหน้า จะช่วยให้ใบหน้าขาวใสขึ้นด้วย และการร้อยไหมประเภทหนึ่งที่มาแรงจริง คือ การร้อยไหมทองคำ ที่หลายคนนิยมไปทำกันอย่างมาก แท้จริงแล้ว เทรนด์เสริมความงามเหล่านี้มีอันตรายแฝงอยู่หรือไม่ รายการเรื่องเล่าเช้านี้ (13 มีนาคม) ได้ไปสัมภาษณ์คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรง
โดยแพทย์หญิงวิไล ธนสารอักษร ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ผิวหนัง โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยว่า การรอยไหมยกกระชับหน้าไม่ให้หย่อนคล้อย มี 2 วิธี ได้แก่การร้อยไหมแบบมีเขี้ยว กับ การร้อยไหมแบบไม่มีเขี้ยว หรือ การร้อยไหมทองคำ ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ตอนนี้ คือ การใช้เข็มจิ้มพาไหมไปใต้ผิวหนัง แต่ความจริงแล้ว การกระทำดังกล่าว ทำให้เซลล์ผิวหนังถูกทำร้าย ผิวหนังจึงสร้างเซลล์ พร้อมกับคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ช่วงแรกของการร้อยไหม หน้าจะดูเปล่งปลั่ง มีเลือดฝาด ตรงนี้ทำให้หลายคนเข้าใจผิด เมื่อเวลาผ่านไป จึงกลับมาร้อยไหมกันอีกและเพิ่มปริมาณขึ้น บางรายใช้เข็มจิ้มไป 400-500 เข็ม ซึ่งการฝังเยอะไปจะทำให้เซลล์ใต้ผิวหนังเป็นผังพืด เกาะตัวเป็นก้อน ระยะยาวอาจเป็นแผลเป็นได้
ในส่วนของไหมทองคำ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำการทดลองว่าไหมทองคำทำปฏิกิริยากับหนูทดลองได้นานที่สุด ก็เริ่มเอามาใช้กับคน แต่ไม่ได้มีการรับรองว่าปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะผิวหนังบางคนแพ้ทองคำ และถ้าหากมีอาการแพ้จริง เวลาถอดไหมออก หน้าจะผิดรูปไปทันที อาจส่งผลระยะยาวคือ ผิวหนังทนรับสิ่งแปลกปลอม ในกรณีนี้คือ ไหมทองคำไม่ได้ จึงเกิดเป็นเนื้องอกในบริเวณนั้นได้ นอกจากนี้ หากทำการร้อยไหมทองคำที่ไม่ใช่ทองคำบริสุทธิ์จริง ๆ จะเข้าเครื่อง MRI หรือ เครื่องตรวจสแกนร่างกายไม่ได้ เนื่องจากรังสีแม่เหล็กกับคลื่นวิทยุจากเครื่อง MRI จะทำปฏิกิริยากับไหมทองซึ่งเป็นโลหะ จนทำให้เกิดความร้อนและไหม้ผิวด้านใน เกิดการเคลื่อนที่ ทำให้หน้าบิดเบี้ยว ซึ่งอันตรายมาก
ทั้งนี้ แพทย์หญิงวิไล เตือนว่า การทำสวยด้วยการร้อยไหมทองคำอาจกลายเป็นเรื่องน่ากลัวได้ เพราะหากร้อยไหมด้วยวิธีนี้ไปแล้ว ไม่สามารถเอาออกได้ ถ้าใส่เข้าไป ก็จะอยู่ในนั้นตลอดชีวิต ถ้าบางคนเกิดอาการแพ้ ก็จะมีอาการอย่างที่กล่าวไปข้างต้น หน้าผิดรูป ไปจนถึงเสียโฉมได้ จึงแนะนำว่า ทางที่ดีที่สุด คือ ทำการร้อยไหมแบบมีเขี้ยว แต่ต้องผ่าตัดเปิดผิวหนังส่วนที่หย่อนคล้อย เพื่อจะร้อยไหมเข้าไปดึงก้อนเนื้อไขมันให้ตึง การร้อยไหมวิธีนี้จะอยู่ได้ 6 เดือน จากนั้นไหมจะละลายและถูกขับออกมาตามผิวหนัง ด้วยวิธีนี้ถึงจะทำการร้อยไหมได้เรื่อย ๆ
ด้านนายแพทย์กรีชาติ พรสินศิริรักษ์ โรงพยาบาลยันฮี ได้ออกมาเผยถึงเรื่องนี้ว่า ความจริงแล้ว การร้อยไหมทองคำ เป็นเรื่องของการตลาดชัดเจน เพราะในทางการแพทย์ไม่ยอมรับวิธีการนี้เลย เพราะทองคำ ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่ควรอยู่ในร่างกาย ตรงกันข้าม กลับเป็นสิ่งแปลกปลอมด้วยซ้ำ กลายเป็นอันตราย โดยมีผลข้างเคียง เช่น ทำให้ไตอักเสบ ปอดอักเสบได้ เมื่อทองคำเหล่านี้ละลายไปตามส่วนต่าง ๆ เอาจริง ๆ แล้วไหมเหล่านี้ไม่ได้ช่วยอะไรมากเลย เพราะมันค่อนข้างเปราะบาง โดนอะไรนิดนึงก็ขาดแล้ว แล้วจะไปช่วยดึง ช่วยกระชับอะไรได้ ดังนั้น การร้อยไหม จึงเป็นการตลาดที่ให้คนที่อยากหน้าตึงแต่ไม่อยากผ่าตัดเท่านั้น
