ขอขอบคุณภาพประกอบจาก polyplus.co.th, Instagram maesaa
เมษา วรรณวิไล เตชะสมบูรณ์ ประวัติเมษา ไฮโซ แฟชั่นนิสต้าชื่อดังที่มีชีวิตดั่งเจ้าหญิง และคลั่งไคล้ในแฟชั่นอย่างถอนตัวไม่ขึ้น สวมชุดออกงานแตะหลักล้านแทบทุกชุด!!
โด่งดังไม่แพ้เซเลบฯ แถวหน้าของวงการไฮโซเมืองไทยเลยล่ะ สำหรับแฟชั่นนิสต้าหน้าใหม่ อย่าง "เมษา วรรณวิไล เตชะสมบูรณ์" สาวสุดมั่น ที่ขึ้นชื่อในความแรง ความกล้า ในการแต่งตัวเป็นอย่างมาก ก็แหม.. แต่ละชุดที่เธอสวมใส่มาออกงานนั้น นอกจากจะดูสวยแหวกแปลกตาแล้ว ยังแพงระยับ แพงมหาแพงเลยจ้า ไม่ใช่แพงแค่หลักหมื่นนะ แต่บางชุดบางตัวก็ทะลุหลักแสนหลักล้านเลยทีเดียว O_O
การันตีการแต่งตัวสุดอลังการของ เมษา วรรณวิไล ด้วยภาพจาก Instagram @maesaa ไม่ว่าจะเป็นชุดเที่ยว ชุดเดินเล่น ชุดออกงาน เสื้อผ้าหน้าผมของเธอก็เป๊ะ จัดเต็ม และเจิดจรัสตามแบบสไตล์ของเธอ นอกจากนี้ เธอยังคลั่งไคล้แบรนด์เนมสุดหรูแทบจะทุกแบรนด์ เรียกได้ว่าเจอที่ไหน ซื้อที่นั่น ราคาแตะหลักแสน หลักล้านก็จะซื้อ ทั้ง Alexander Mcqueen, Chanel, Prada, Balenciaga, Gucci, Hermes, Miu Miu ฯลฯ โดยเฉพาะรองเท้าหรูส้นสูงพื้นแดง Christian louboutin ที่มีข่าวว่า เธอเพิ่งกวาดซื้อรองเท้าแบรนด์นี้ มา 8 คู่รวด!!
ส่วนวิธีการช้อปปิ้งของเธอนั้น เดี๋ยวนี้ไม่ต้องเดินเลือกซื้อตามห้าง ตามช็อปแล้วล่ะค่ะ เพราะทางเซลล์ของแบรนด์นั้น ๆ จะส่งภาพคอลเล็กชั่นล่าสุดมาให้จับจอง ก่อนที่จะให้นางแบบสวมใส่ในงานแฟชั่นโชว์ซะอีกแน่ะ...
อ๊ะ อ๊ะ อยากรู้จักสาวเมษาคนนี้กันแล้วใช่ไหมล่ะ ทางรายการวีไอพี (13 พฤษภาคม) ได้เชิญน้องเมษา มาพูดคุยแบบหมดเปลือก ถึงกระแสข่าวต่าง ๆ ทั้งดีและไม่ดี รวมทั้งชีวิตแบบเริ่ด ๆ ของเธอให้ได้ชมกัน
เริ่มต้นด้วยกระแสข่าวที่บอกว่าเธอแต่งตัวออกงาน ทั้งชุด ทั้งเครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า รวม ๆ แล้วหลักล้านแทบจะทุกงาน ซึ่งเรื่องนี้ สาวเมษา กล่าวว่า จริง ๆ แล้วแค่กระเป๋าใบหนึ่งก็ 7 หลักแล้ว เพราะเป็นที่รู้กันว่ากระเป๋าแบรนด์เนมมักราคาแพง แต่เรื่องเสื้อผ้านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์ ถ้าเธอชอบ สวยถูกใจ เธอก็ใส่ได้ 199 บาท ก็ใส่ได้ ส่วนชุดในวันนี้ไม่มีกระเป๋า ก็ไม่แพงมากอยู่ที่ 6 หลัก
เห็นออกงานสังคม งานเปิดตัวแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย เกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอบอกว่า วัน ๆ หนึ่งก็จะมีการ์ดเชิญส่งถึงเธอเฉลี่ยแล้ว 2 งาน แต่เคยส่งมากที่สุด 5 งาน ซึ่งเธอก็พยายามจะไปให้ครบทุกงาน แต่ด้วยความที่งานจัดไม่ไกลกันสักเท่าไร อยู่ในละแวก ๆ เดียวกัน เธอก็เลยสามารถไปครบทุกงาน และแต่ละงานเธอก็จัดเต็มทุกชุด เพราะว่าเธอต้องให้เกียรติเจ้าของงานที่เชิญเราด้วย
นอกจากนี้ เมษา วรรณวิไล ยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ของแบรนด์เนมชื่อดังระดับโลก ถึงกับที่ทางแบรนด์ติดต่อมาบอกว่ามีคอลเลคชั่นใหม่ติดต่อให้ไปดู ยังไม่ได้เปิดขายที่ไหน บ้างก็เอาสมุดคอลเลคชั่นมาให้เลือกเลย บางแบบนางแบบเพิ่งใส่ขึ้นแฟชั่นวีคไปสด ๆ ร้อน ๆ ยังไม่เปิดขายตามช็อป แต่เธอก็ได้เป็นคนจับจองก่อน
"ถ้าซื้อเยอะที่สุด ก็รองเท้า 8 คู่ ในร้านเดียวกัน ยี่ห้อคริสเตียน ลูบูตอง ที่ซื้อนั้นเพราะเราไม่ได้ไปนาน เรียนหนังสือหนัก เก็บกดมาก" เมษา วรรณวิไล กล่าว
สาวเมษา กล่าวอีกว่า ที่เธอซื้อของแบรนด์เนมนั้น ไม่ใช่เพราะความชอบแค่อย่างเดียว แต่เวลาซื้อของแต่ละอย่าง ชุดแต่ละชุด เธอจะพลิกดูตรงป้าย ดูรายละเอียดของงานแทบจะทุกส่วน ทำที่ไหนอย่างไร ผ้าเป็นผ้าอะไร ศึกษาทุก ๆ อย่างเกี่ยวกับของที่ซื้อ เพื่อมาต่อยอดกับสิ่งที่ตนเรียนมาจากสาขา International Fashion Relating University of Manchester ประเทศอังกฤษ ถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อสร้างประสบการณ์
นอกจากนี้ สาวเมษา ยังขนเสื้อผ้าสุดเริ่ดในคอลเลคชั่นที่เธอชื่นชอบมาให้ได้ชมกัน แถมยังมีรองเท้า กระเป๋า นาฬิกา มาให้ดูด้วย ไม่ว่าจะเป็นแจ็กเก็ตปักหมุด รองเท้าขนม้า รองเท้ามีเพชร มีหนาม เรียกได้ว่าคนที่คลั่งไคล้แฟชั่นคงจะตาลุกวาวเลยทีเดียว เพราะแต่ละอย่างนั้นสวยมาก ๆ เลยล่ะ
เมื่อถามว่ามีคนจับตามองแบบนี้ เคยถูกถามกลับไหมว่า ทำไปทำไม ทำเพื่ออะไร ทำแล้วได้อะไร เมษากล่าวว่า การที่เธออัพอินสตาแกรมให้ได้ดูรองเท้า ดูแฟชั่นนั้น เธอถือว่าเป็นการให้กับสาว ๆ กลุ่มที่ชื่นชอบแฟชั่นด้วยกัน ซึ่งการอัพรูปแต่ละครั้ง บอกตรง ๆ ว่าเธออยากอวด แต่ในที่นี้เธอไม่ได้อวดราคา อวดว่าชั้นรวย แต่อวดความสวยงามของ ๆ สิ่งนั้น ดีเทลแต่ละอย่างบางคนก็อาจจะไม่เคยเห็น ซึ่งเธอถือว่าการอัพรูปโชว์ก็เป็นเหมือนการแบ่ง ๆ กันดู เหมือนคนที่ชอบตุ๊กตาเหมือนกัน ก็แบ่งกันเล่นแบบนี้
สิ่งของแต่ละอย่าง สินค้าที่เธอซื้อแต่ละอันนั้น เรียกได้ว่าราคาสูงทะลุหลักหมื่น ไปจนถึงหลักล้านแบบนี้ หลายคนคงอยากจะทราบว่า เมษา วรรณวิไล เป็นใครมาจากไหน ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า ครอบครัวของเธอทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งคนเป็นและคนตาย อย่างเช่น คนเป็นก็ให้เช่าอพาร์ทเม้นท์ ตึกแถว ห้องเช่า ส่วนคนตายก็เป็นพื้นที่ เป็นภูเขา ข้างหน้าเป็นแม่น้ำ สำหรับสร้างฮวงซุ้ยเป็นต้น เรียกได้ว่าธุรกิจในครอบครัวเธอก็ถือว่าพอมีพอใช้
ถ้าถามว่าคุณพ่อคุณแม่ตามใจไหม แฟชั่นนิสต้าคนนี้บอกว่า ก็ตามใจ อยากทำอะไรก็ให้ทำ แต่ถ้าล้มก็ต้องลุกเอง หรือถ้าจะเดินหน้าก็ต้องเดินไปให้สุด แล้วมันสุดที่ตรงไหน เราได้อะไร สิ่งนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็จะมาต่อยอดสอนเราอีกที
ส่วนเรื่องที่เธอกลายเป็นที่จับตามองของวงการสังคม วงการไฮโซนั้น สาวเมษากล่าวว่า อาจจะเป็นเพราะความแปลก (หัวเราะ) คนอาจจะเห็นว่าเธอไม่สวย แล้วทำไมถึงมาใส่ชุดของนางแบบก็เป็นได้ ส่วนงานแรกที่เธอไปหลังกลับจากอังกฤษ ก็คือ งานโอเค แม็กกาซีน ซึ่งวันนั้นเธอจัดเต็มจริง ๆ แต่ทุกงานที่ไป ถึงแม้ว่าจะมีคนรถ แต่เธอก็ถูกที่บ้านเคอร์ฟิวถึง 4 ทุ่มเท่านั้น ส่วนบางงานที่มีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็ต้องคุยกับคุณพ่อคุณแม่เป็นงาน ๆ ไป
เพียงแค่ 3 เดือนกว่า ๆ หลังจากที่ เมษา วรรณวิไล กลับจากอังกฤษ เธอก็กลายเป็นที่สนใจของบรรดาสาว ๆ และชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นอย่างมาก โดยสาวเมษา กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า กระแสตอบรับมีทั้งดีและที่ไม่ดี แบบที่ดี ๆ ก็มีคนมาขอถ่ายรูป มีส่งเมลมาให้กำลังใจ ส่วนที่ไม่ดีตนก็เห็นจากกระทู้ อ่านไปก็นอยด์เป็นธรรมดา แต่ก็ไม่ได้โกรธใคร บางคนก็บอกว่าก่อนที่จะไปซื้อของ เอาเงินไปทำหน้าดีกว่าไหม ซึ่งตอนอ่านไปก็เจ็บไป แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก
"อยากทำหน้าเหมือนกัน ถ้าทำแล้วคนอื่นสบายใจ แต่สิ่งที่จะทำอย่างแรกคือ ดัดฟัน และอยากจะทำนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ให้หน้าเราเปลี่ยนแบบถาวร หรือเปลี่ยนไปเยอะ แต่พ่อแม่เค้าไม่ให้เราทำ เขาบอกว่าจะเจ็บตัวเพื่อคนอื่นทำไม เสียงที่วิจารณ์นี่ใช่คนที่หนูรักบ้างไหม แล้วพวกเขารักหนูหรือเปล่า แล้วหนูจะแคร์พวกเขาทำไม"
สาวเมษา กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นเธอก็โพสต์ข้อความที่คุณพ่อคุณแม่สอนลงอินสตาแกรม แล้วก็มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งส่งข้อความมาหาเธอว่า ข้อความของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับชีวิต ตอนแรกน้องคนนี้อยากจะลดความอ้วน อยากจะทำตาสองชั้น แล้วก็ทะเลาะกับแม่ แต่พออ่านข้อความนี้ เธอก็เลิกทำ แล้วไปขอโทษแม่เลย
นอกจากนี้ สาวเมษา ยังได้กล่าวถึงโปรเจคท์ของเธอเกี่ยวกับตามหาซินเดอเรลล่า มาสวมรองเท้า "ลูบูตอง" ซึ่งมีเงื่อนไขให้สาว ๆ ที่อยากได้เขียนถึงความชอบของรองเท้าแบรนด์นี้ และต้องไม่เคยมีรองเท้าแบรนด์นี้มาก่อน โดยตอนนี้เธอได้คัดเลือกแล้ว แต่คนที่ได้รองเท้าไปนั้นเป็นซินเดอเรลล่าคนที่ 2 เพราะคนที่ 1 สละสิทธิ์ เนื่องจากใส่ไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ตนได้เห็นว่า ยังมีคนน่ารักแบบนี้ คนที่เสียสละให้ผู้อื่นได้ โดยน้องเขาบอกว่า เอาไปให้คนที่ใส่ได้ดีกว่า เพราะเธอใส่ไม่ได้จริง ๆ
สุดท้ายนี้ สาวเมษา กล่าวว่า ถึงแม้ใคร ๆ จะมองว่าเธอเป็นเซเลบฯ เป็นไฮโซ เป็นแฟชั่นนิสต้า เป็นแฟชั่นลีดเดอร์ แต่จริง ๆ แล้วเธอไม่ใช่เลย เธอเป็นเพียงแฟชั่น Victim (เหยื่อทางแฟชั่น) เท่านั้น เพราะเธอก็เป็นเพียงแค่คนที่ชื่นชอบแฟชั่น ตามไปดูถึงรันเวย์ ไม่เคยคิดจะเป็นอะไรไปมากกว่านั้น ถ้าอะไรอันไหนสวยถูกใจก็ซื้อ ไม่ได้คิดว่าจะนำแฟชั่น เพียงแต่มีใส่ก่อนคนอื่นเท่านั้น ใครใส่เหมือนเธอก็ยินดี ใส่เป็นเพื่อนกัน
"ถ้าสิ่งไหนมันมีความสุข แล้วทำและไม่เดือดร้อนใครก็ทำไปเลย กลบจุดด้อยเราด้วยจุดเด่น กล้าทำกล้าแสดงออก ส่วนที่เมชอบแฟชั่นนั้น ก็ไม่ได้เดือดร้อนใคร ถ้าเรารักในด้านไหน ก็และมั่นใจว่าไม่ได้เดือดร้อนใคร อยากให้ลุกมาทำเลย อย่าไปแคร์คนที่เขาไม่ได้รักเรา" เมษา วรรณวิไล กล่าวทิ้งท้าย
เริ่มต้นด้วยกระแสข่าวที่บอกว่าเธอแต่งตัวออกงาน ทั้งชุด ทั้งเครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า รวม ๆ แล้วหลักล้านแทบจะทุกงาน ซึ่งเรื่องนี้ สาวเมษา กล่าวว่า จริง ๆ แล้วแค่กระเป๋าใบหนึ่งก็ 7 หลักแล้ว เพราะเป็นที่รู้กันว่ากระเป๋าแบรนด์เนมมักราคาแพง แต่เรื่องเสื้อผ้านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์ ถ้าเธอชอบ สวยถูกใจ เธอก็ใส่ได้ 199 บาท ก็ใส่ได้ ส่วนชุดในวันนี้ไม่มีกระเป๋า ก็ไม่แพงมากอยู่ที่ 6 หลัก
เห็นออกงานสังคม งานเปิดตัวแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย เกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอบอกว่า วัน ๆ หนึ่งก็จะมีการ์ดเชิญส่งถึงเธอเฉลี่ยแล้ว 2 งาน แต่เคยส่งมากที่สุด 5 งาน ซึ่งเธอก็พยายามจะไปให้ครบทุกงาน แต่ด้วยความที่งานจัดไม่ไกลกันสักเท่าไร อยู่ในละแวก ๆ เดียวกัน เธอก็เลยสามารถไปครบทุกงาน และแต่ละงานเธอก็จัดเต็มทุกชุด เพราะว่าเธอต้องให้เกียรติเจ้าของงานที่เชิญเราด้วย
นอกจากนี้ เมษา วรรณวิไล ยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ของแบรนด์เนมชื่อดังระดับโลก ถึงกับที่ทางแบรนด์ติดต่อมาบอกว่ามีคอลเลคชั่นใหม่ติดต่อให้ไปดู ยังไม่ได้เปิดขายที่ไหน บ้างก็เอาสมุดคอลเลคชั่นมาให้เลือกเลย บางแบบนางแบบเพิ่งใส่ขึ้นแฟชั่นวีคไปสด ๆ ร้อน ๆ ยังไม่เปิดขายตามช็อป แต่เธอก็ได้เป็นคนจับจองก่อน
"ถ้าซื้อเยอะที่สุด ก็รองเท้า 8 คู่ ในร้านเดียวกัน ยี่ห้อคริสเตียน ลูบูตอง ที่ซื้อนั้นเพราะเราไม่ได้ไปนาน เรียนหนังสือหนัก เก็บกดมาก" เมษา วรรณวิไล กล่าว
สาวเมษา กล่าวอีกว่า ที่เธอซื้อของแบรนด์เนมนั้น ไม่ใช่เพราะความชอบแค่อย่างเดียว แต่เวลาซื้อของแต่ละอย่าง ชุดแต่ละชุด เธอจะพลิกดูตรงป้าย ดูรายละเอียดของงานแทบจะทุกส่วน ทำที่ไหนอย่างไร ผ้าเป็นผ้าอะไร ศึกษาทุก ๆ อย่างเกี่ยวกับของที่ซื้อ เพื่อมาต่อยอดกับสิ่งที่ตนเรียนมาจากสาขา International Fashion Relating University of Manchester ประเทศอังกฤษ ถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อสร้างประสบการณ์
นอกจากนี้ สาวเมษา ยังขนเสื้อผ้าสุดเริ่ดในคอลเลคชั่นที่เธอชื่นชอบมาให้ได้ชมกัน แถมยังมีรองเท้า กระเป๋า นาฬิกา มาให้ดูด้วย ไม่ว่าจะเป็นแจ็กเก็ตปักหมุด รองเท้าขนม้า รองเท้ามีเพชร มีหนาม เรียกได้ว่าคนที่คลั่งไคล้แฟชั่นคงจะตาลุกวาวเลยทีเดียว เพราะแต่ละอย่างนั้นสวยมาก ๆ เลยล่ะ
เมื่อถามว่ามีคนจับตามองแบบนี้ เคยถูกถามกลับไหมว่า ทำไปทำไม ทำเพื่ออะไร ทำแล้วได้อะไร เมษากล่าวว่า การที่เธออัพอินสตาแกรมให้ได้ดูรองเท้า ดูแฟชั่นนั้น เธอถือว่าเป็นการให้กับสาว ๆ กลุ่มที่ชื่นชอบแฟชั่นด้วยกัน ซึ่งการอัพรูปแต่ละครั้ง บอกตรง ๆ ว่าเธออยากอวด แต่ในที่นี้เธอไม่ได้อวดราคา อวดว่าชั้นรวย แต่อวดความสวยงามของ ๆ สิ่งนั้น ดีเทลแต่ละอย่างบางคนก็อาจจะไม่เคยเห็น ซึ่งเธอถือว่าการอัพรูปโชว์ก็เป็นเหมือนการแบ่ง ๆ กันดู เหมือนคนที่ชอบตุ๊กตาเหมือนกัน ก็แบ่งกันเล่นแบบนี้
สิ่งของแต่ละอย่าง สินค้าที่เธอซื้อแต่ละอันนั้น เรียกได้ว่าราคาสูงทะลุหลักหมื่น ไปจนถึงหลักล้านแบบนี้ หลายคนคงอยากจะทราบว่า เมษา วรรณวิไล เป็นใครมาจากไหน ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า ครอบครัวของเธอทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งคนเป็นและคนตาย อย่างเช่น คนเป็นก็ให้เช่าอพาร์ทเม้นท์ ตึกแถว ห้องเช่า ส่วนคนตายก็เป็นพื้นที่ เป็นภูเขา ข้างหน้าเป็นแม่น้ำ สำหรับสร้างฮวงซุ้ยเป็นต้น เรียกได้ว่าธุรกิจในครอบครัวเธอก็ถือว่าพอมีพอใช้
ถ้าถามว่าคุณพ่อคุณแม่ตามใจไหม แฟชั่นนิสต้าคนนี้บอกว่า ก็ตามใจ อยากทำอะไรก็ให้ทำ แต่ถ้าล้มก็ต้องลุกเอง หรือถ้าจะเดินหน้าก็ต้องเดินไปให้สุด แล้วมันสุดที่ตรงไหน เราได้อะไร สิ่งนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็จะมาต่อยอดสอนเราอีกที
ส่วนเรื่องที่เธอกลายเป็นที่จับตามองของวงการสังคม วงการไฮโซนั้น สาวเมษากล่าวว่า อาจจะเป็นเพราะความแปลก (หัวเราะ) คนอาจจะเห็นว่าเธอไม่สวย แล้วทำไมถึงมาใส่ชุดของนางแบบก็เป็นได้ ส่วนงานแรกที่เธอไปหลังกลับจากอังกฤษ ก็คือ งานโอเค แม็กกาซีน ซึ่งวันนั้นเธอจัดเต็มจริง ๆ แต่ทุกงานที่ไป ถึงแม้ว่าจะมีคนรถ แต่เธอก็ถูกที่บ้านเคอร์ฟิวถึง 4 ทุ่มเท่านั้น ส่วนบางงานที่มีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ก็ต้องคุยกับคุณพ่อคุณแม่เป็นงาน ๆ ไป
เพียงแค่ 3 เดือนกว่า ๆ หลังจากที่ เมษา วรรณวิไล กลับจากอังกฤษ เธอก็กลายเป็นที่สนใจของบรรดาสาว ๆ และชาวโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นอย่างมาก โดยสาวเมษา กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า กระแสตอบรับมีทั้งดีและที่ไม่ดี แบบที่ดี ๆ ก็มีคนมาขอถ่ายรูป มีส่งเมลมาให้กำลังใจ ส่วนที่ไม่ดีตนก็เห็นจากกระทู้ อ่านไปก็นอยด์เป็นธรรมดา แต่ก็ไม่ได้โกรธใคร บางคนก็บอกว่าก่อนที่จะไปซื้อของ เอาเงินไปทำหน้าดีกว่าไหม ซึ่งตอนอ่านไปก็เจ็บไป แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก
"อยากทำหน้าเหมือนกัน ถ้าทำแล้วคนอื่นสบายใจ แต่สิ่งที่จะทำอย่างแรกคือ ดัดฟัน และอยากจะทำนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ให้หน้าเราเปลี่ยนแบบถาวร หรือเปลี่ยนไปเยอะ แต่พ่อแม่เค้าไม่ให้เราทำ เขาบอกว่าจะเจ็บตัวเพื่อคนอื่นทำไม เสียงที่วิจารณ์นี่ใช่คนที่หนูรักบ้างไหม แล้วพวกเขารักหนูหรือเปล่า แล้วหนูจะแคร์พวกเขาทำไม"
สาวเมษา กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นเธอก็โพสต์ข้อความที่คุณพ่อคุณแม่สอนลงอินสตาแกรม แล้วก็มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งส่งข้อความมาหาเธอว่า ข้อความของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับชีวิต ตอนแรกน้องคนนี้อยากจะลดความอ้วน อยากจะทำตาสองชั้น แล้วก็ทะเลาะกับแม่ แต่พออ่านข้อความนี้ เธอก็เลิกทำ แล้วไปขอโทษแม่เลย
นอกจากนี้ สาวเมษา ยังได้กล่าวถึงโปรเจคท์ของเธอเกี่ยวกับตามหาซินเดอเรลล่า มาสวมรองเท้า "ลูบูตอง" ซึ่งมีเงื่อนไขให้สาว ๆ ที่อยากได้เขียนถึงความชอบของรองเท้าแบรนด์นี้ และต้องไม่เคยมีรองเท้าแบรนด์นี้มาก่อน โดยตอนนี้เธอได้คัดเลือกแล้ว แต่คนที่ได้รองเท้าไปนั้นเป็นซินเดอเรลล่าคนที่ 2 เพราะคนที่ 1 สละสิทธิ์ เนื่องจากใส่ไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ตนได้เห็นว่า ยังมีคนน่ารักแบบนี้ คนที่เสียสละให้ผู้อื่นได้ โดยน้องเขาบอกว่า เอาไปให้คนที่ใส่ได้ดีกว่า เพราะเธอใส่ไม่ได้จริง ๆ
สุดท้ายนี้ สาวเมษา กล่าวว่า ถึงแม้ใคร ๆ จะมองว่าเธอเป็นเซเลบฯ เป็นไฮโซ เป็นแฟชั่นนิสต้า เป็นแฟชั่นลีดเดอร์ แต่จริง ๆ แล้วเธอไม่ใช่เลย เธอเป็นเพียงแฟชั่น Victim (เหยื่อทางแฟชั่น) เท่านั้น เพราะเธอก็เป็นเพียงแค่คนที่ชื่นชอบแฟชั่น ตามไปดูถึงรันเวย์ ไม่เคยคิดจะเป็นอะไรไปมากกว่านั้น ถ้าอะไรอันไหนสวยถูกใจก็ซื้อ ไม่ได้คิดว่าจะนำแฟชั่น เพียงแต่มีใส่ก่อนคนอื่นเท่านั้น ใครใส่เหมือนเธอก็ยินดี ใส่เป็นเพื่อนกัน
"ถ้าสิ่งไหนมันมีความสุข แล้วทำและไม่เดือดร้อนใครก็ทำไปเลย กลบจุดด้อยเราด้วยจุดเด่น กล้าทำกล้าแสดงออก ส่วนที่เมชอบแฟชั่นนั้น ก็ไม่ได้เดือดร้อนใคร ถ้าเรารักในด้านไหน ก็และมั่นใจว่าไม่ได้เดือดร้อนใคร อยากให้ลุกมาทำเลย อย่าไปแคร์คนที่เขาไม่ได้รักเรา" เมษา วรรณวิไล กล่าวทิ้งท้าย
เมษา วรรณวิไล เตชะสมบูรณ์ ตอนที่ 2 รายการ วีไอพี 13 พ.ค. 2556 โพสต์โดย Lakornhd Thaitv
