เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
สคบ. ออกกฎ 8 ข้อ คุมคลินิกเสริมความงาม หลังรับร้องเรียนว่าราคาแพง และไม่พึงพอใจหลังใช้บริการ เตรียมตั้งราคากลาง-ต่ำกว่า 18 ห้าม-อวดอ้างเกินจริง ชี้ต้องมีแพทย์ประจำตลอดเวลาเปิดบริการ หากสุ่มเข้าตรวจไม่พบ ถือว่าผิดหลักเกณฑ์
วานนี้ (2 มิถุนายน 2556) ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เปิดเผยว่า ทางแพทยสภากำลังวางมาตรการเพื่อเข้าไปควบคุมแพทย์ให้ปฏิบัติตามกรอบวิชาชีพในกรณีคลินิกเสริมความงาม เนื่องจากในปัจจุบันมีการโฆษณาเกินจริง อวดอ้างสรรพคุณ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดผิวขาว การฉีดฮอร์โมนชะลอความแก่ รวมไปถึงการร้อยไหมให้หน้ากระชับตึง ซึ่งเป็นการโฆษณาผลลัพธ์ในแง่ดีเท่านั้น แต่กลับไม่พูดถึงผลเสีย หนำซ้ำยังมีราคาแพง อีกทั้งขณะนี้ก็ยังไม่มีกฎหมายควบคุม แตกต่างจากสหรัฐอเมริกาที่มีการควบคุมในเรื่องนี้อย่างชัดเจน เช่น หากจะฉีดโกรทฮอร์โมน ก็ต้องมีข้อบ่งชี้ว่าเป็นคนที่ขาดฮอร์โมนจริง ๆ ไม่ใช่ฉีดเพื่อชะลอริ้วรอย
ดังนั้น ทางแพทยสภา จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาและศึกษาการทำศัลยกรรมความงาม และการเสริมสวย เพื่อร่วมกันพิจารณาว่า การโฆษณาในแต่ละที่นั้น มีหลักวิชาการหรือไม่อย่างไร โดยจะเป็นการหารือร่วมกันระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่จะร่วมพิจารณาว่าเครื่องมือชนิดไหนได้รับการยอมรับ, กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) พิจารณาในแง่ของสถานเสริมความงาม หากกระทำผิดกฎหมายสามารถตักเตือน ปิดสถานเสริมความงามชั่วคราว หรือถาวร และในส่วนแพทยสภาจะดูในเรื่องของแพทย์ ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจริง และต้องไม่ผิดหลักจรรยาบรรณแพทย์
ศ.นพ.สมศักดิ์ ระบุต่อว่า เรื่องที่พิจารณานี้ ถือว่าเป็นผลดีกับผู้บริโภค เพราะไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของสิทธิที่พึงได้รับคือเรื่องราคา เพราะที่ผ่านมาทราบว่าราคาในการใช้บริการดูแลความงาม แต่ละที่มีราคาสูง
ขณะที่ นายจิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ สคบ. ก็ได้รับการร้องเรียนว่า หลังเข้ารับบริการแล้วรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะอัตราค่าบริการทางการแพทย์ ที่ค่อนข้างสูงกว่าความเป็นจริง ซึ่งทางแพทยสภาได้รับไปพิจารณาใหม่แล้ว และจะกำหนดเกณฑ์ค่าบริการให้เหมาะสมขึ้น จากนั้นก็จะแจ้งให้ผู้ประกอบการปรับราคาใหม่
นายจิรชัย ยังกล่าวอีกว่า ล่าสุดทาง สคบ. ได้จัดทำมาตรการควบคุมธุรกิจเสริมความงามเพื่อเป็นมาตรฐานการตรวจสอบประกอบด้วย 8 ประเด็นหลัก คือ
1. ต้องมีใบอนุญาตอย่างถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข 2. กรณีผู้ใช้บริการที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง 3. มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญควบคุมดูแลการบริการทุกสาขา 4. เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นกับผู้ใช้บริการ ผู้ประกอบการต้องเร่งแก้ไข ไม่ให้เกิดความเสียหายในเรื่องเดิมซ้ำอีก 5. กำหนดราคาค่าบริการให้เป็นธรรม และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ราคากลางของแพทยสภาที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ 6. การโฆษณาเชิญชวนใช้บริการ ให้ดำเนินตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ผู้บริโภค 7. การเข้าร่วมโครงการตราสัญลักษณ์เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค และสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค 8. สคบ. จะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดูแลผู้ร้องเรียนด้านนี้ โดยเฉพาะเรื่องร้องเรียนที่ก่อนหน้านี้กระจัดกระจายอยู่ในหลายหน่วยงาน จึงจำเป็นต้องตั้งคณะทำงานรวบรวมข้อร้องเรียนมาไว้จุดเดียวเพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการคุ้มครอง และเอาผิดกับผู้ประกอบการที่เอาเปรียบผู้บริโภคนอกจากนี้ นายจิรชัย ยังขยายความถึงมาตรการข้อที่ 3 ที่ระบุว่า ต้องมีแพทย์ประจำทุกสาขานั้น หมายถึงต้องแพทย์ประจำตลอดการเปิดทำการ ไม่ใช่มีเพียงชื่อแพทย์เขียนติดกำกับไว้ที่ผนัง แต่ตัวแพทย์ไม่อยู่ในสาขา และหาก สคบ. เข้าไปตรวจแล้วไม่พบ ก็จะถือว่าผิดหลักเกณฑ์ที่ สคบ. กำหนดไว้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
