พรพณา สีฟ้า ยอดคุณแม่หัวใจแกร่ง เลี้ยงลูกพิการ 3 คน กว่า 20 ปี




 
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการวีไอพี โพสต์โดยคุณ ThaiTV19 HD สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
 
          เรื่องราวความรักของ พรพณา สีฟ้า ยอดคุณแม่หัวใจแกร่ง ที่เลี้ยงลูกพิการ 3 คน มานานกว่า 20 ปี โดยไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิตที่ต้องพบเจอกับความยากลำบาก จนทำให้ได้รับรางวัลคุณแม่ดีเด่น ติดต่อกัน 2 ปี ซ้อน
 

          ทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงค่าน้ำนม ภาพความรัก ความอบอุ่นของแม่ ที่เลี้ยงดูลูก ๆ ตั้งแต่เล็กจนโต คงทำให้หลายคนรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของผู้เป็นแม่ ขณะที่บางคนอาจไม่ทราบว่า แม่ต้องเหนื่อยยากลำบากเพียงใด กว่าจะเลี้ยงดูลูกจนโต ดังนั้นรายการวีไอพี ออกอากาศวันที่ 2 กันยายน 2556 ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี จึงพาทุกคนไปสัมผัสกับความรักของคุณแม่คนหนึ่ง ที่ทำทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูลูก ๆ ที่พิการทั้ง 3 คน มาเป็นเวลากว่า 20 ปี โดยไม่เคยทอดทิ้งพวกเขาเลย  

 
          คุณพรพณา สีฟ้า อายุ 43 ปี ชาว จ.สุโขทัย คือตัวอย่างของคุณแม่ ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ในการเลี้ยงดูลูก ๆ ทั้ง 3 คน ที่มีความผิดปกติทางสมองและแทบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มานานกว่า 20 ปี ทั้งนี้ คุณพรพณา มีลูกทั้งหมด 4 คน ลูกชายคนโตซึ่งปกติดี ย้ายไปอยู่กับคุณย่าตั้งแต่อายุ 17 ขวบ ปัจจุบันอายุ 24 ปี มีอาชีพรับราชการทหาร
 
          ขณะที่น้อง ๆ ทั้ง 3 คน ได้แก่ ลูกสาวคนโต พรทิพย์ สีฟ้า หรือน้องกระต่าย อายุ 19 ปี, ลูกชายคนรอง ธนวัฒน์ สีฟ้า หรือ  น้องต้อม อายุ 14 ปี และลูกชายคนเล็ก ธันวา สีฟ้า อายุ 6 ปี ต่างพิการทางสมองและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
 
          คุณ พรพณา เล่าว่า ตอนที่อายุ 18 ปี ได้ไปรับจ้างทำงานทาสีโต๊ะที่ จ.สุราษฎร์ธานี จนกระทั่งพบรักกับสามี ซึ่งมีอายุ 27 ปี หลังจากมีแต่งงานกันแล้วย้ายกลับมาอยู่ที่ จ.สุโขทัย และได้ตั้งท้องลูกคนแรก ซึ่งปกติดีทุกอย่าง ขณะนั้นตนก็มีอาชีพขายก๋วยเตี๋ยว ส่วนสามีมีอาชีพทำนา เนื่องจากมีที่ดินอยู่ 7 ไร่ และเช่าเพิ่ม 20 ไร่ จึงมีรายการพอกินพอใช้
 
          จากนั้นตนอยากมีลูกผู้หญิงอีกสักคน จึงปล่อยตามธรรมชาติ กระทั่งลูกคลอดออกมาได้ 1 เดือน จึงพบว่าลูกมีอาการพิการทางสมอง โดยเห็นได้ชัดว่า เหม่อลอย เรียกไม่ตอบสนอง แม้จะเดินได้แต่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ซึ่งตนก็ได้แต่เสียใจ เพราะครอบครัวทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งสามีและตนไม่เคยมีประวัติอาการดังกล่าวมาก่อน
 
          หลังจากนั้นก็ยังหวังจะมีลูกคน จึงปรึกษาแพทย์  โดยแพทย์ได้ยืนยันว่า โอกาสที่จะมีลูกพิการทางสมองอีก ถือเป็น 1 ในล้าน เพราะคนโตก็ไม่เป็น แต่พอน้องต้อมเกิดมา ก็มีอาการพิการทางสมองอีก ส่วนน้องธันวานั้น ตนไม่ได้ตั้งใจจะมี แต่กว่าจะรู้ตัวก็ 3 เดือนแล้ว จึงทำได้แค่เลี้ยงดูลูกให้เต็มที่เท่านั้น โดยน้องต้อมกับน้องธันวามีอาการใกล้เคียงกัน คือ เดินไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ บางครั้งหากตนไม่ว่างเวลาจะให้ลูกกินอะไร ก็ต้องวางไว้ให้บนพื้นห้อง เพราะลูก ๆ จะทำจานชามแตกหมด ซึ่งอันตรายต่อเขา
 
          ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้พาลูก ๆ ไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา เนื่องมีปัญหาด้านการเงิน ตอนที่น้องกระต่ายยังเล็ก ตนเคยพาไปทำกายภาพบำบัด จนน้องอายุ 3-4 ขวบ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปอีก เพราะรายได้จากการทำงานของตนและสามีไม่มั่นคง จากนั้นเมื่อมีลูกอีก 2 คน ภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูก ๆ ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ตกเดือนละประมาณ 7,000 บาท เพราะลูกกินค่อนข้างเก่ง ซึ่งทำให้ตนเครียดมาก
 
          ระหว่างนั้นเพื่อหาเงินมาเลี้ยง ดูลูก ๆ ตนจึงไปกู้เงินนอกระบบ จนมีหนี้สินประมาณ 300,000 บาท และยังมีหนี้เงินกู้ ธกส. อีกกว่า 500,000 บาท ส่วนการเลี้ยงดูลูก ๆ หากวันไหนสามีตนไม่ไปทำนา เขาจะตื่นมากวาดบ้าน ถูบ้าน ส่วนตนจะออกไปซื้อของมาทำก๋วยเตี๋ยว
 
          ถ้าวันไหนสามีออกไปทำงาน ตนจะตื่นตั้งแต่ 05.00 น. เพื่อออกไปซื้อของ แล้วกลับมาทำความสะอาดบ้านอีกครั้ง ก่อนอุ้มลูกลงมาอยู่ข้างล่าง จากนั้นก็ทำกับข้าวมาป้อนลูก ๆ แล้วค่อยออกไปขายก๋วยเตี๋ยว เมื่อถึงช่วงกลางวันก็จะออกไปซื้อผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล ฝรั่ง และฮอตด็อก มาให้ลูกกิน ส่วนในช่วงบ่ายตนจะไปรับจ้างทำงานที่อนามัยได้เงินวันละ 100 บาท จากนั้นตอนเย็นก็จะกลับมาล้างจาน เก็บร้านก๋วยเตี๋ยว และเตรียมกับข้าวให้ลูก เมื่อลูกกินเสร็จ ก็พาแต่ละคนไปอาบน้ำ แล้วอุ้มขึ้นห้องเพื่อพาไปเข้านอน โดยทำเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน
 
          แม้จะลำบากมากว่า 20 ปี แต่ตนไม่เคยให้คนอื่นมาช่วยเหลือ เพราะคิดว่าเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องดูแลพวกเขาตลอดเวลาและคงไม่มีใครดูแลเขาได้ดีกว่าที่ตนทำ ที่ผ่านมาตนขายก๋วยเตี๋ยวทุกวันโดยไม่มีวันหยุด แต่ช่วงนี้อาจมีหยุดบ้าง เพราะตนป่วยเป็นโรคหัวใจโต เหนื่อยง่าย และเวลาอุ้มลูกขึ้นบ้านก็ลำบาก เพราะเขาตัวหนัก อาจจะมีอาการปวดเมื่อยด้วย 
 
          อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่มีเวลามานั่งท้อหรือเสียใจ เพราะมีค่าใช้จ่ายเยอะ ยอมรับว่าเมื่อก่อนไม่กล้าพาลูกไหน มาไหน อายเขา เหมือนตนทำเวรทำกรรมอะไรเอาไว้ จนกระทั่งสิ่งที่เราทำเพื่อลูก ทำให้มีคนเห็นใจและชื่นชม โดยในปี 2555-2556 ได้รับใบประกาศเกียรติคุณ รางวัลแม่ดีเด่น จากศูนย์การศึกษาพิเศษ จังหวัดสุโขทัย รวมถึงมีผู้ใจบุญและหน่วยงานภาครัฐ เข้ามาช่วยเหลือมากมาย จึงทำให้ตนมีกำลังใจสู้ต่อไปและไม่อายที่ลูกเราเป็นแบบนี้
 
          ตอนนี้ตนสามารถเคลียร์เงินกู้นอกระบบได้หมดแล้ว เหลือเพียงเงินกู้ ธกส. ที่เขาพักชำระหนี้ไว้ให้ และในปีนี้ตนได้พาลูกไปพบแพทย์ด้วย ซึ่งต้องขอบคุณผู้ใจบุญและหน่วยงานภาครัฐที่ให้ความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ แม้ที่ผ่านมาตนจะเคยคิดสั้นหรือท้อไปบ้าง แต่ตนก็ไม่เคยเหนื่อย เพราะยังมีลูก ๆ รออยู่ ทั้งนี้ ตนอยากฝากข้อคิดไปถึงคุณแม่คนอื่น ๆ ที่อาจจะกำลังท้อแท้กับการเลี้ยงลูกว่า อยากให้ทุกคนสู้ ถ้าท้อก็ขอให้นึกถึงเรื่องของตนเป็นแบบอย่าง ขนาดตนมีลูกพิการถึง 3 คน ยังสามารถก้าวผ่านมันไปได้ คุณก็น่าจะทำได้เช่นกัน

 
          สำหรับเรื่องเล่าจากปากคุณแม่สู้ชีวิตคนนี้ คงทำให้หลาย ๆ คน ซาบซึ้งไปกับความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เหตุใดเธอจึงได้รับใบประกาศเกียรติคุณติดต่อกันเป็นเวลา 2 ปีซ้อน และเนื่องในโอกาสนี้ ทีมงานกระปุกดอทคอมขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณพรพณาพบเจอแต่สิ่งที่ดีในอนาคตค่ะ   













เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พรพณา สีฟ้า ยอดคุณแม่หัวใจแกร่ง เลี้ยงลูกพิการ 3 คน กว่า 20 ปี อัปเดตล่าสุด 4 กันยายน 2556 เวลา 07:59:21 1,285 อ่าน
TOP
x close