x close

อดีตผู้จัดการส่วนตัว เผยสาเหตุป่วย ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา ในตื่นมาคุย


ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา

ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Jay Rattanaprapapan, Guarebeedeen Joe Na-nakorn, รายการตื่นมาคุย โพสต์โดย คุณ woodytalkchannel สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม

            กลายเป็นข่าวฮือฮาที่หลายคนให้ความสนใจ สำหรับข่าวของอดีตนางแบบระดับโลกอย่าง "ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา" ที่ชีวิตของเธอพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากนางแบบท็อปโมเดลชื่อเสียงก้องโลก ที่ตกเป็นทาสยาเสพติด จนกลายมาเป็นคนเร่ร่อน ไร้ญาติดูแล ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

            งานนี้บรรดาคนที่เคยชมผลงานครั้งที่เธอเคยโด่งดังในสมัยอดีต ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น บ้างก็ว่าที่เธอเป็นเช่นนี้เพราะเธอไม่ทันคน เนื่องจากเรียนจบเพียง ป.6 บ้างก็ว่าเธอติดยาเสพติดอย่างหนักจนทำให้สติฟั่นเฟือน อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเช้าวันนี้ (3 กันยายน 2556) รายการตื่นมาคุย ทางช่อง 9 ก็ได้สัมภาษณ์เจาะลึกกับคุณโจ อดีตผู้จัดการส่วนตัวของยุ้ย รจนา เกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เธอต้องระหกระเหินเป็นคนเร่ร่อนเช่นนี้

            โดย มดดำ พิธีกรขอเท้าความว่า ครอบครัวของยุ้ย รจนา น่าสงสาร เพราะพ่อไปทางแม่ไปทาง ส่วนยุ้ยนั้นอาศัยอยู่กับป้าที่เป็นญาติห่าง ๆ พอเรียนจบชั้น ป.6 ยุ้ยก็ขอมากรุงเทพฯ เพื่อมาหาแม่ซึ่งเป็นช่างเสริมสวยอยู่ที่อ่อนนุช ซึ่งขณะที่ยุ้ยอยู่กรุงเทพฯ ก็ได้หางานเลี้ยงชีพด้วยการเป็นเด็กเสิร์ฟและเด็กล้างจาน แถววัดธาตุทอง ... แต่แล้วโชคชะตาเธอก็พลิกผัน เมื่อมีแมวมองตาดีเห็นแววนางแบบของยุ้ย รจนา จึงได้ติดต่อให้เธอไปประกวดเป็น Elite Super Model of Thailand ในปี 1994 ซึ่งความสูงบวกกับหน้าตาที่เก๋ไก๋ของยุ้ย รจนา ก็ทำให้เธอคว้าตำแหน่งชนะเลิศมาได้สำเร็จ ต่อมาเธอก็ลงนามเซ็นสัญญากับเอเจนซี เพื่อไปทำงานเป็นนางแบบในต่างประเทศตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา

            ส่วนคุณโจบอกว่า ตนได้เจอพี่ยุ้ยครั้งแรกที่งานแอล แฟชั่นวีค เมื่อปี 2000 ซึ่งตอนนั้นพี่ยุ้ย รจนา โด่งดังมาก เป็นนางแบบที่สวยและมีงานเข้ามาอย่างมากมาย เลยแลกเบอร์กันไว้ แต่ก็ไม่ได้ติดต่อกัน จนกระทั่งเมื่อปี 2553 ตนก็ได้ทราบว่าชีวิตของพี่ยุ้ยไม่ค่อยสู้ดีนักจากรายการคนค้นฅน ตนจึงติดต่อทางรายการเพื่อขอเบอร์พี่ยุ้ย โดยหวังว่าจะช่วยเหลือด้วยการนำเสื้อผ้าและเงินไปให้

            ตอนที่เจอกันนั้น คุณโจ กล่าวว่า พี่ยุ้ย รจนา อาศัยอยู่กับญาติที่ ซ.รามคำแหง ซึ่งก่อนหน้านี้ที่พี่ยุ้ยถูกส่งตัวกลับจากเมืองนอก นั่นเป็นเพราะเธอติดยาเสพติดประเภทโคเคน ซึ่งไปทำลายระบบสมอง จนทำให้เธอเป็นโรค Bipolar Disorder โดยผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการสองบุคลิก คือถ้าดีใจก็จะดีใจเต็มที่เลย และหากถ้าเศร้าเมื่อไรก็จะดาวน์ลงสุด ๆ

            คุณโจ เล่าต่อไปว่า เมื่อเรื่องราวของเธอถูกนำเสนอออกรายการไป ก็มีคนเข้ามาช่วยเหลือ และได้ชักชวนเข้ามาทำงานในวงการนางแบบอีกครั้ง ซึ่งตนก็ได้เป็นผู้จัดการส่วนตัว คราวนี้ก็มีคนติดต่อให้เธอทำงานอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยอาการของโรค Bipolar ทำให้อารมณ์เธอค่อนข้างแปรปรวน แต่ทั้งนี้พี่ยุ้ยก็ไม่เคยโมโหหรือใส่อารมณ์กับตน ตนจะเจอแค่อาการอะเลิร์ตของพี่ยุ้ยเพียงเท่านั้น อย่างเช่นทำงาน 8 โมงเช้า พี่ยุ้ยก็จะโทรมาหาตอนตี 4 ว่าออกจากบ้านหรือยัง เป็นต้น ซึ่งโรคนี้เป็นโรคที่รักษาไม่หาย ต้องอาศัยการกินยาช่วยบรรเทาอาการตลอด

ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา

            ส่วนข่าวลือที่ระบุว่า หลังจากที่พี่ยุ้ยถูกส่งตัวกลับจากต่างประเทศแล้วเธอไปอาศัยอยู่กับเศรษฐีชาวฝรั่งซึ่งว่ากันว่าเป็นสามีเธอนั้น คุณโจบอกว่าได้สอบถามกับพี่ยุ้ยแล้ว ทราบว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเพียงเพื่อนเธอ และเธอก็ไปอาศัยอยู่ที่บ้านผู้ชายคนนั้นจริง แต่ไปอยู่ในฐานะคนอาศัยเท่านั้น คือแยกห้องกันอยู่ ต่อมาชายฝรั่งหัวใจวายเสียชีวิต เธอก็เลยออกมาจากบ้านเพราะไม่อยากยุ่ง สำหรับข่าวที่เธอโดนสามีทำร้าย นี่ก็เรื่องจริงแต่เป็นสามีคนไทย หลังจากที่ถูกซ้อมก็เลิกรากันไป และมาอยู่ตัวคนเดียว จนกระทั่งตนพบพี่ยุ้ย รจนา อีกครั้ง ในรายการคนค้นฅนดังกล่าว

            หลังจากที่เธอออกรายการคนค้นฅน ชีวิตความเป็นอยู่ของเธอก็เริ่มดีขึ้น เธอเลยติดต่อตนให้มาช่วยทำงานให้ เพราะงานเริ่มเยอะ เธอทำงานเป็นระบบ ๆ แบบนี้ไม่ได้ ตนจึงเข้าไปช่วย ซึ่งหลังจากนั้นชีวิตของเธอก็ดีขึ้นตามลำดับ และเกือบจะได้โกอินเตอร์อีกครั้ง เพราะมีฝรั่งติดต่อมาว่าอยากจะทำชีวประวัติคนเอเชียที่มีชื่อเสียง ซึ่งตอนนั้นพี่ยุ้ย รจนา ก็ได้บอกตนว่า เขาจะไปอยู่กับคน ๆ นี้ ส่วนตนก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร เพราะตนไม่ใช่คนในวงการ จึงไม่สามารถการันตีได้ว่าจะมีงานให้พี่ยุ้ยตลอด เลยบอกเขาว่า ให้ไปอยู่กับคน ๆ นั้น ส่วนเราก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

            ต่อจากนั้นจนกระทั่งเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2556 คุณโจ เล่าว่า ตนทราบข่าวว่า พี่ยุ้ย รจนา ไม่มีที่อยู่ที่เป็นหลักแหล่ง และไม่มีเงินซื้อยาบรรเทาอาการป่วย Bipolar จึงทำให้เธอต้องเข้าโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาอีกครั้ง ตอนนั้นตนไปเยี่ยม พี่ยุ้ยก็จำตนได้ เรายังคุยกันอยู่เลยว่า จะช่วยพี่ยุ้ยด้วยการให้เปิดคอร์สสอนเดินแบบ หารายได้ให้เขา เขาจะได้มีเงินไปซื้อยารักษาตัว ส่วนตนก็ได้ติดต่อถามคุณหมอแล้วว่าตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ พบสารเสพติดหรือไม่ ซึ่งคุณหมอก็บอกว่า ร่างกายของพี่ยุ้ยไม่มีสารเสพติด มีแต่อาการป่วย Bipolar ที่จำเป็นต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่องเพียงเท่านั้น

            ส่วนในช่วง 2 เดือนก่อนจะเป็นข่าว ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 สัปดาห์ ตนก็ได้ติดต่อพี่ยุ้ย ซึ่งทราบว่าเขาอาศัยอยู่กับพ่อบ้าง กับเพื่อนบ้างไม่มีที่อยู่ถาวร จนกระทั่งมาทราบข่าวว่ามากลายเป็นคนเร่ร่อนตามข่าว สำหรับข่าวที่ระบุว่า พี่ยุ้ย รจนา มีลูกชาย 1 คนนั้น ตนไม่ทราบเช่นกัน และล่าสุดทางโรงพยาบาลก็ยังไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยม


            อย่างไรก็ดี ในเฟซบุ๊ก Guarebeedeen Joe Na-nakorn ของคุณโจ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก (1 กันยายน 2556) ระบุว่า..
   
            "ถึงน้อง ๆ ที่เป็นห่วงพี่ยุ้ยนะครับ
     
            วันนี้พี่โจยังไปเยี่ยมพี่ยุ้ยไม่ได้ เพราะทางโรงพยาบาลไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม แต่ยังไงพรุ่งนี้พี่จะพยายาม ติดต่อโรงพยาบาลต่อไปที่จะไปเยี่ยมพี่ยุ้ยให้ได้นะครับ

            ตอนนี้อยากฝากน้อง ๆ ทุกคนเกี่ยวกับการรับสื่อ ถ้าหากมีอะไรสงสัยในข่าวในเข้ามาถามในนี้เลยนะครับ พี่จะเป็นคนให้รายละเอียดทุกอย่างเอง ในกรณีนี้ ขอแจ้งเรื่องที่สื่อนำเสนอผิดพลาดไปดังนี้

            1. เรื่องยาเสพติด พี่ยุ้ยไม่ได้กลับมาใช้ยาเสพติดอีกเลย นับตั้งแต่กลับจากเมืองนอกจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้จากการเข้าโรงพยาบาลล่าสุดเมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม ผลเลือดและปัสสาวะไม่มีสารเสพติดเลย และประเด็นสำคัญคือ พี่ยุ้ยไม่ได้มีรายได้สูงขนาดที่จะนำเงินไปซื้อยาเสพติดได้ จึงขอชี้แจงอย่างชัดเจนว่า พี่ยุ้ยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

            2. เรื่องของอาการป่วย โรคที่พี่ยุ้ยเป็นเรียกว่า Bipolar (ไบโพลาร์) หรือการมีสองบุคลิก ซึ่งการเป็นโรคนี้จะไม่สามารถรักษาได้หายขาด จึงต้องรับประทานยาตลอดเวลา หากหยุดทานยาเมื่อไหร่ก็จะมีอาการข้างเคียงปรากฎ ดังที่เห็นตามข่าว ซึ่งโรคนี้เกิดจากการที่โคเคนได้เข้าไปทำลายสมองบางส่วนของพี่ยุ้ย จึงมีอาการดังกล่าว

            แต่ทั้งนี้ แพทย์ได้ยืนยันแล้วว่า อาการของโรคนี้ จะไม่ได้จัดอยู่ในอาการของคนบ้า อย่างที่สื่อนำเสนอ แต่จะเป็นคนที่แสองอารมณ์สุดขั้ว ไม่ว่ารักหรือเกลียดแค่นั้นเอง ซึ่งหากได้รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ พี่ยุ้ยก็จะสามารถ ทำงานได้ตามปกติ ไม่เป็นปัญหากับใครทั้งสิ้น

            ส่วนสาเหตุที่พี่ยุ้ยต้องเร่ร่อนนั้น เนื่องจากว่า พี่ยุ้ยไม่ได้รับยาอย่างต่อเนื่อง และไม่มีครอบครัวที่สามารถให้ที่พักพิงอย่างถาวร ทำให้ไม่สามารถรักษาตัวได้ต่อเนื่อง และไม่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาตัว ประเด็นที่เป็นข่าวอยู่แค่นี้จริง ๆ

            สิ่งที่พี่อยากจะฝากน้องทุกคนในนี้คือ ตอนนี้ใครที่มีลู่ทาง สามารถที่จะช่วยเหลือพี่ยุ้ยได้ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ไม่จำเป็นต้องเป็นงานในวงการแฟชั่น และ สามารถจัดที่อยู่ให้ได้อย่างจริง ก็ขอให้เสนอตัวออกมาจริงๆ ไม่อยากจะให้แค่คอมเม้นท์กันแต่ในเพจนี้ ขอให้แสดงตัวออกมาได้เลยครับว่ายินดีจะช่วยเหลือ แต่ทั้งนี้ตอนนี้มูลนิธิปวีณา ได้เข้ามาช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว คงต้องดูแนวทางการช่วยเหลือของมูลนิธิก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่อยากจะให้ทุกคนรวมพลังกันในนี้ ให้เข้มแข็งไว้ หากเมื่อไหร่ที่พี่ยุ้ยหายดีและต้องการความช่วยเหลือ เราจะเข้าไปช่วยพี่เค้าทันที

            สุดท้าย หากเป็นข่าวในโลกโซเชียล ขอให้เราคิดว่าเพราะสื่อยังไม่ได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริง ว่าคืออะไร ดังนั้น เราจะไม่วิจารณ์หรือแชร์ ข่าวต่อ ๆ ไปใด ๆ ทั้งสิ้น วันนี้พี่ก็ได้ให้ข้อเท็จจริง ๆ กับสื่อไปบ้างแล้ว หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น

ขอบคุณทุกคนที่ยังเป็นห่วงพี่ยุ้ยเสมอ
พี่โจ"


ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา

ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา


            ส่วนที่เฟซบุ๊ก Jay Rattanaprapapan (1 กันยายน 2556) ระบุว่า

            ในฐานะที่รู้จักตัวตนของพี่ยุ้ยในระดับหนึ่งได้คุยกับหมอและทีมพยาบาลที่ทำการรักษาพี่ยุ้ยเมื่อพี่ยุ้ยเข้า รพ. ครั้งก่อนหน้านี้ ขอเขียนถึงแบบตรง ๆ ไม่โลกสวย ไม่อวยว่าพี่ยุ้ยเป็นคนดี นางฟ้า นางสวรรค์อะไรทั้งนั้น นี่คือสิ่งที่สัมผัสพี่ยุ้ยมา

            พี่ยุ้ยตกกระไดพลอยโจน จากเด็กเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวแถว ๆ เอกมัย ค่าแรงวันละร้อยกว่าบาทมาเป็นนางแบบค่าตัวปีละกว่า 50 ล้าน พูดตรง ๆ ต่อให้คนที่มีการศึกษา ครอบครัวอบอุ่น ยังถือได้ว่าไม่ง่ายที่จะทรงตัวในวงการบันเทิง

            แต่ รจนา เพชรกันหา ความรู้แค่ ป.6 กับพื้นเพครอบครัวที่เกือบจะเรียกได้ว่า บ้านแตกพ่อไปทาง แม่ไปทาง จากเลี้ยงควายอยู่อุบลฯ เข้ามาตายดาบหน้าที่ กทม. แล้วไปเป็นนางแบบเบอร์ต้น ๆ ของโลก ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี ทำงานในเมืองไทยยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่ต้องไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ทั้งนิวยอร์ค ปารีส ลอนดอน มิลาน ตัวคนเดียว แบบไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ วุฒิภาวะก็ถือว่ายังน้อย

            พี่ยุ้ยเป็นคนไม่ทันคน จนบางคนถึงขั้นพูดว่า เธอโง่ เธอไม่มีจริต เธอกระโดดจากเด็กเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยว แล้วข้ามไปสู่อาชีพนางแบบเลย แล้วด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เธอติดยาและเธอยอมรับว่าเธอติดยา เธอกลับมาเมืองไทยในสภาพคนติดยา เธอมีงานบ้างประปราย หลังจากเข้ารับการบำบัด และสมองของเธอก็ถูกโคเคนทำลายไปแล้ว จนทำให้เธอมีอาการของ Bipolar Disorder

            พี่ยุ้ยมีข่าวอีกครั้ง ด้วยข้อหา "ทำร้ายแม่" สิ่งที่พี่ยุ้ยกับแม่เจอคือ การถามชี้นำ และชักจูง ให้ตอบคำถามในคำตอบเชิงที่นักข่าวต้องการ เพื่อขายข่าว พี่ยุ้ยถามว่า "คุณเจคิดว่าพี่จะตีแม่ตัวเองได้ลงคอเหรอคะ?" ทั้งพี่ยุ้ย ทั้งแม่ ไม่ทันเกมของนักข่าวในครั้งนั้น ข่าวก็ขายได้ น่าจะเข้าเป้าพอสมควร แล้วกราฟชีวิตก็เริ่มดิ่งหนักกว่าเดิม

            อาการ Bipolar ที่เป็นอยู่ ทำให้ความรู้สึก อารมณ์ มันมีจุดพีคที่มากกว่าคนปกติ ดีใจ เสียใจ โกรธ โมโห จะพุ่งสูงกว่าคนปกติ หมอที่ให้การรักษาบอกว่า "อาการของรจนาก็เหมือนคนปกติล่ะค่ะ ใช้ชีวิตปกติได้ แต่ต้องกินยาอย่างสม่ำเสมอ ส่วนเรื่องของอาการโกรธ โมโห มันเป็นอาการปกติของคนทุกคน ไม่เฉพาะคนป่วย"

            หมอกำชับว่า "อย่าให้เรื่องนี้เป็นข่าว รจนาไม่ได้บ้า รจนาแค่ต้องการการรักษา การตีข่าวออกไปแบบไม่ยั้งคิด มันจะทำลายอนาคตของเขาได้ และมันจะส่งผลกระทบ ถ้าในอนาคตเขาต้องทำงาน"

            ล่าสุด พี่ยุ้ยเข้ารับการรักษาที่ตึกเดิม ตึกเดียวกันกับครั้งที่แล้วพี่น้องที่สนิทกันกำลังทยอยไปเยี่ยมทีมแพทย์กำลังรับมือกับนักข่าว ที่จะเข้าไปรบกวนทั้งพี่ยุ้ย และผู้ป่วยคนอื่น ๆ พี่ยุ้ยไม่เคยออกมาอ้อนวอนขอให้ใครเมตตาในการทำงาน พี่ยุ้ยพยายามรักษารูปร่าง ไม่ว่าจะตอนที่อยู่ในตึกพยาบาล หรือตอนที่กลับบ้านพ่อที่พยัคฆภูมิพิสัย เพื่อจะได้กลับมาทำงาน เพราะมีผู้ใหญ่ในวงการแฟชั่นให้คำมั่นเอาไว้ว่า ถ้ารูปร่างเข้าที่กว่านี้ จะให้ลงปกนิตยสารชั้นนำของไทย เรื่องนี้ไม่โทษใคร

            แม้กระทั่งตอนที่พี่ยุ้ยถูกโกงค่าตัว หรือมีคนตามประกบพี่ยุ้ยไปถึงกองถ่ายแฟชั่น แล้วยึดเงินค่าตัวของพี่ยุ้ย ซึ่งคนที่รู้เรื่องนี้มีแต่คนสนิทและทีมงานในกอง ที่เจอป้ามหาภัยคนนั้น ก็นอกจากนี้ไม่มีใครรู้ แม้กระทั่งนักข่าวก็ไม่รู้

            พี่ยุ้ยผิดพลาดที่พี่ยุ้ยไปยุ่งกับโคเคน จนส่งผลเสียกับชีวิต แต่การที่พี่ยุ้ยเป็นคนไม่ฉลาดไม่ทันคน และไม่มีความทักษะในการทำงานด้านอื่น ๆ ติดตัวไปเลย มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอสมควรจะถูกใครมาเอาเปรียบหนักขนาดนี้ อึดอัดมากกับข่าวและคำวิจารณ์ที่ออกมาและที่ไม่น่าเชื่อคือ บางเพจที่ตั้งตัวเป็นกูรูเรื่องแฟชั่น ยังกล้าเขียนมั่วซั่ว และกล่าวโทษว่าเธอกลับไปติดยา ทั้ง ๆ ที่ผลตรวจเลือด ไม่มีสารเสพติดอยู่ในกระแสเลือดด้วยซ้ำ

            ขอบคุณ ขอบคุณสื่อมวลชน ขอบคุณจริง ๆ "

ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา
ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา

ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา







เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อดีตผู้จัดการส่วนตัว เผยสาเหตุป่วย ยุ้ย รจนา เพชรกัณหา ในตื่นมาคุย อัปเดตล่าสุด 5 กันยายน 2556 เวลา 14:02:59 1,535 อ่าน
TOP