ย้อมผมอย่างปลอดภัย (อาหารและสุขภาพ)
โดย : Helene Larson
Helene Larson กล่าวว่า การย้อมผมไม่จำเป็นว่าจะต้องมีผลต่อสุขภาพของคุณหรือเป็นอันตรายต่อสภาพแวดล้อมเสมอไป
ไม่มีอะไรที่จะทำให้คุณดูสวยได้อย่างรวดเร็วเท่าสีของเส้นผม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีสารเคมีมากกว่า 5,000 ชนิด ถูกนำมาใช้ในยาย้อมผมทั่วไป ซึ่งหลายชนิดอาจอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ทางเลือกที่เป็นธรรมชาติจึงนับเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด
มีทางเลือกอะไรบ้าง ?
ย้อมผมถาวร (Permanent colours) : มีหลายแบบ เพื่อที่จะให้สีผมจางลง เส้นผมชั้น นอกหรือคิวติเคิลจะต้องเปิดออกเพื่อที่จะให้สีธรรมชาติถูกดึงออกมาและเอาสีใหม่ใส่เข้าไป ยาย้อมผมพวกนี้เกือบทั้งหมดจะมีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และแอมโมเนีย
ย้อมผมกึ่งถาวรสีเข้าเนื้อผม (Semi-permanents) : แบบนี้เข้าลึกไปในสีผมธรรมชาติได้, ทำสีให้อ่อนลง และให้ประกายเปล่งปลั่ง ยาย้อมผมแบบนี้มีผลกระทบต่อโครงสร้างของเส้นผมน้อยกว่าแบบแรก และมักจะมีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือสีสังเคราะห์น้อยกว่า ; สีจะค่อย ๆ จางไปในเวลา 4-6 สัปดาห์
ยาย้อมผมแบบกึ่งถาวร (Semi-permanents) : แบบนี้จะทำให้สีผมเข้มขึ้น ไม่สามารถทำให้สีจางลงได้ แล้วยังเพิ่มประกายให้แก่เส้นผม สีย้อมจะเข้าไปยังผิวชั้นบนสุดของเส้นผมเพื่อย้อมมัน สามารถใช้ปกปิดผมขาว สีจะจางลงใน 4-6 สัปดาห์
สีย้อมผมแบบชั่วคราว (Temporary colours) : มีอายุสั้นที่สุด เพียงสระไม่กี่ครั้งก็หลุดหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม การย้อมแบบนี้ดีที่สุดสำหรับการทดลองดูสีใหม่ เช่น เบอร์กันดี หรือสีทองแดง หรือเพื่อความสนุกสนานในงานปาร์ตี้
ความเสี่ยงมีอะไรบ้าง ?
ยาย้อมผมสมัยก่อนมีสารอะไรแมติดเอมีนส์ เป็นสารเคมีที่ทำให้สัตว์เป็นมะเร็งปัจจุบันผู้ผลิตจึงเลิกใช้สารนี้ อย่างไรก็ดี ก็ยังมีการถกเถียงกันถึงสารเคมีอีกหลายพันอย่างที่ยังใช้กันอยู่ในยาย้อมผม การศึกษาเล็ก ๆ ครั้งหนึ่งที่มหาวิทยาลัยแห่งเซาเทิร์นคาลิฟอร์เนียในปี 2001 พบว่า สตรีที่ใช้ยาย้อมผมแบบถาวรเดือนละครั้งเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี มีความเสี่ยงต่อมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะสูงขึ้นสองเท่า การศึกษาอีกครั้งหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Epidemiology ระบุถึงความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ยาย้อมผมและการป่วยด้วยโรคมะเร็งแบบ lymphoid neoplasma (มะเร็งของเม็ดเลือดที่เกิดขึ้นในต่อมน้ำเหลือง) แมรี่ เบ็ธ แจนสเช่น ผู้แต่งหนังสือชื่อ Naturally
Healthy Hair (Storey Books) กล่าวว่า สาร p-phenylenediamine (PPD) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ทำจากน้ำมันถ่านหินในยาย้อมผมชนิดถาวรหลายชนิดเป็นสาเหตุทำให้เกิดการแพ้หลายอย่าง แล้วยังมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็งด้วย นอกจากนี้ การศึกษาในวารสาร Gut แนะว่า ยาย้อมผมเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับ ทำให้ตับแข็ง เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่เราต้องนำมาพิจารณา เนื่องจากมีสตรี 75 เปอร์เซ็นต์ และชาย 10 เปอร์เซ็นต์ ล้วนใช้ยาย้อมผมทั้งสิ้นแทน จะช่วยลดปริมาณสารเคมีที่จะไปสัมผัสกับผิวหนัง และลดความเสี่ยงที่ร่างกายจะดูดซึมสารเหล่านั้น
ใช้สีที่ทำจากธรรมชาติ : สีย้อมถาวรเป็นอันตรายมากที่สุด และทำให้ผมแห้งมากที่สุดแล้ว มีแนวโน้มที่จะอันตรายต่อสุขภาพมากที่สุดด้วย ยาย้อมผมแบบชั่วคราว ทั้งแบบซึมเข้าเส้นผม, แบบ semi และแบบชั่วคราว ช่วยให้คุณดูสดใสขึ้นโดยไม่ทำลายเส้นผมมากนัก
ดูแลสีผม : การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาโดยเฉพาะสำหรับผมที่ย้อมจะช่วยให้สีย้อมอยู่ได้นานขึ้น และลดการที่ต้องได้รับสารเคมี แล้วยังประหยัดเงินและน้ำ แล้วยังลดของเสียลงอีกด้วย ใช้ hair mask หรือซีรั่มเพื่อช่วยให้ปลายผมที่แห้งให้มีสีสดใสขึ้น
ทดลองก่อน : หากย้อมผมเองที่บ้าน พยายามทดลองดูก่อนว่าแพ้หรือไม่ คุณจะเสียเงินน้อยลงกว่าที่จะต้องไปทำที่ร้านทำผมทีหลังเพื่อแก้ไข
หันไปหาธรรมชาติ
เฮนน่า : ให้ความสดใสและสีกับผมสีเข้ม แล้วยังเคลือบเส้นผมแต่ละเส้น ทำให้เส้นผมหนาและเป็นประกาย จอห์น มาสเตอร์ส จาก John Masters Organics เตือนว่า "ให้ระวังสีเฮนน่าที่ให้สีอื่น ๆ นอกเหนือจากแดงหรือสีแดงปนน้ำตาล เพราะอาจมีการเสริมแต่งด้วยเกลือโลหะ ซึ่งเป็นอันตรายต่อเส้นผม"
แชมโมไมล์ : ใช้ทำให้ผมบลอนด์หรือผมสีน้ำตาลอ่อนมีสีอ่อนลง ให้นำดอกแห้ง ½ ถ้วยแช่ลงในน้ำเดือดหนึ่งลิตรเป็นเวลา 30 นาที ; นำมากรองแล้วทิ้งไว้ให้เย็น นำน้ำที่ได้ราดลงบนผมที่สระสะอาดแล้ว 15 ครั้ง โดยรองน้ำที่ไหลลงมาเก็บไว้ในถังแล้วนำราดซ้ำ ๆ กันจนครบ ทิ้งเอาไว้อย่างนั้น 15 นาที จากนั้นจึงล้างออก
เลมอน : นำน้ำเลมอน 2 ผล ผสมกับน้ำเปล่าหนึ่งลิตร แล้วราดที่ศีรษะแบบเดียวกับการใช้แชมโมไมล์ข้างต้น เพื่อให้ผลดีที่สุด ปล่อยให้เส้นผมแห้งกับแสงแดด
ทางออกที่ปลอดภัยกว่า
หลีกเลี่ยงไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และแอมโมเนีย : ให้หาซื้อยาย้อมผมชนิดทำเองที่บ้านและไม่มีสารเคมีเหล่านี้ หากไปร้านทำผมก็หาร้านที่มาย้อมผมจากสารธรรมชาติ หากคุณต้องการย้อมผมแบบถาวร ให้ทำแค่ไฮไลท์
เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ปีที่ 26 ฉบับที่ 165 พ.ศ.2557