เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Instagram ple_irin
เป็นประเด็นร้อนแรงจริง ๆ สำหรับข่าว เปิ้ล ไอริณ ที่หลังจากไปเปิดใจให้สัมภาษณ์กรณีเกาเหลา ใบเตย อาร์สยาม ในรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา ก่อนจะกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ทำเอาสาว เปิ้ล ไอริณ ผิดหวังกับวงการมายา จนประกาศขออำลาวงการเลยทีเดียว (อ่านข่าว เปิ้ล ไอริณ ประกาศอำลาวงการ คลิก) จากนั้นพิธีกรหนุ่ม วู้ดดี้ วุฒิธร ก็ได้ออกมาแถลงขอโทษ เปิ้ล ไอริณ ใบเตย อาร์สยาม รวมถึงผู้ชม เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น (อ่าน วู้ดดี้ แถลงขอโทษ เปิ้ล ไอริณ คลิก)
อย่างไรก็ดี เปิ้ล ไอริณ ได้โพสต์อินสตาแกรมถึงเรื่องถูกกลั่นแกล้งในวงการบันเทิงอีกครั้ง เมื่อกลางดึกวันที่ 3 มิถุนายน 2557 บอกว่าวงการนี้คงไม่มีที่ให้เธอยืนจริง ๆ ไม่รู้ว่าอยู่ต่อจะโดนลากไปรังแกแบบไหนอีก ดังนี้
"เพลงที่ทุ่มเททำด้วยตัวเองล้วน ๆ ! mv มีปัญหา ! dancer, คนแต่งเพลง โดนซื้อตัวไป ! ไปต่อไม่ถูก !! ..เล่นหนังเป็นนางเอกเรื่องแรกก็โดนสั่งตัดฉากที่เราทุ่มเทเล่น !!! ไปคนดังนั่งเคลียร์ก็ไปให้โดนด่า โดนดูถูก !!! ได้หนังเรื่องใหม่ อุตส่าห์ดีใจสุด ๆ ก็โดนถอด !! แถมโดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ! ตั้งใจไปเคลียร์ตัวเองล่าสุด ก็โดนเหยียบซ้ำกลับมา !! ไม่รู้ว่าอยู่ต่อจะโดนลากไปรังแกแบบไหนอีก !! วงการนี้คงไม่มีที่ให้เรายืนจริง ๆ !! บางทีความรัก และความศรัทธา มันไม่มีค่าพอกับคำว่า "คนของใคร" และ "พวกพ้องเค้า" หรอกค่ะ !! อยากยืนอย่างสง่างามด้วยความสามารถ ไม่ได้อยากอยู่ได้เพราะเป็นคน "น่าสงสาร" !! ขอบคุณฟ้าที่ยังมีตา และคนบนฟ้าที่ยังเมตตาส่งกำลังใจมหาศาลของคนที่รักและห่วงใยแม้ไม่เคยเจอกันมาให้...ขอบคุณจากหัวใจ !!"
นอกจากนี้ ในวันที่ 3 มิถุนายน 2557 เปิ้ล ไอริณ ยังได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับทาง สยามดารา เกี่ยวกับเรื่องราวที่เธอได้ให้สัมภาษณ์ในรายการดังกล่าว แล้วถูกตัดออกไม่ได้ออนแอร์ด้วย โดยระบุว่า เธอไม่คิดว่ารายการที่ไปออกเป็นรายการทอล์คโชว์ซึ่งชี้แจงความเป็นจริงตามความคิดส่วนตัวของศิลปินรับเชิญแต่ละคน สิ่งที่เธอเจอ เหมือนการโดนจับผิดทุกประโยคและการกระทำมากกว่า เธอพูดประโยคหนึ่งจบปุ๊บก็มีคนมาวิจารณ์หนึ่งประโยค พูดจบหนึ่งประโยคก็มีคนมากล่าวหาหนึ่งประโยค ซึ่งไม่มีใครบอกเธอก่อนเลยว่าจะมีการทำแบบนี้ด้วย
สิ่งที่เธอพูดไปกลับถูกตัดออก ไม่ได้ออกอากาศสักนิด ที่เธอไปรายการนี้ เธอต้องหาชุดเอง แต่งหน้าไปเอง ไปนั่งรอตั้งแต่ช่วงบ่าย ถ่ายเสร็จประมาณ 4 ทุ่ม เธอให้เกียรติรายการขนาดนั้น แต่พอทำงานเสร็จเสียใจเดินคอตกออกมา เหมือนมาโดนเขาแขวะมากกว่า ทำให้เข้าใจเลยว่า ผู้หญิงตัวคนเดียวอยู่ในวงการนี้ ที่อยากทำงานด้วยความรักและความจริงใจอยู่วงการนี้ไม่ได้เลย โดนอย่างนี้แล้วรู้สึกแย่จริง ๆ
โดยสาว เปิ้ล ไอริณ เล่าต่อว่า เธอบอกคนทั้งประเทศว่าเลือกไปรายการนี้รายการเดียว ลงรูปเชิญชวนคนไปดูตลอด แต่ปรากฏว่าสิ่งที่เธอเห็นทำให้ท้อกว่าเดิม เหมือนถูกซ้ำเติมมากกว่า จากเหตุการณ์ในวันฟิตติ้งหนังเธอก็รู้สึกแย่พอแล้ว มาเจอเหตุการณ์นี้อีกรู้สึกแย่กว่าเดิม เธอไปออกรายการนี้เนื่องจากตั้งใจถ่ายทอดเหตุการณ์และความรู้สึกที่อยากพูดจริง ๆ แต่สิ่งนั้นไม่ได้ออกอากาศเลย คือเขาไม่ใช้ออกอากาศเลย อย่างเช่น ที่เธอบอกว่า "คิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเปิ้ลเป็นกรรมเก่าของเปิ้ลเอง เปิ้ลอาจไปทำอะไรใครเขาไว้ เปิ้ลขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวร อย่าจองเวรอีกเลย" แต่ทางรายการกลับเอาหน้าตาและคำพูดเฉพาะประโยคที่บอกว่า "อย่าจองเวรอีกเลย" ไปออกซ้ำไปซ้ำมา กลายเป็นเหมือนเธออาฆาตจองเวร ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นกำลังขออโหสิกรรมอยู่
นอกจากนี้ เขายังถามเธอว่ารอดเรื่องร้าย ๆ มาได้อย่างไร ซึ่งเธอบอกว่า "สิ่งที่ภูมิใจมากที่สุดในการที่เกิดมาเป็นเปิ้ลคือการได้เกิดมาเป็นพุทธศาสนิกชน ได้ใช้พระธรรมเป็นที่พึ่ง สิ่งที่เปิ้ลอยู่ได้คือมีความรักในวงการ มีความรักต่ออาชีพนี้ เลยทำให้เปิ้ลมีพลังใจให้อยู่ต่อไปได้" ซึ่งเธอพูดไว้อย่างดี แต่เขาไม่เลือกมาออกเลย เธอเล่าให้ฟังว่า ที่รอ 3 ชั่วโมงในรถ ไม่มีน้ำสักหยด ไม่มีห้องน้ำให้เข้า เธอก็เล่าว่า ตอนแรกปวดฉี่มาก แต่เข้าไปใช้ห้องน้ำที่สตูดิโอไม่ได้เพราะเขาห้ามเธอเข้า ก็เลยขับรถเข้าไปดูในซอยประดิษฐ์มนูญธรรม 5 ซึ่งมีแต่ป่ากับร้านอาหาร แต่ร้านไม่เปิดก็เข้าไม่ได้ ห้องน้ำล็อกประตูไว้ เธอเลยฉี่ใต้ต้นไม้ เพราะรู้สึกไม่ไหวแล้ว เธอเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ พูดให้รายการฟังแบบนี้ แต่ทางพิธีกรกลับพูดบอกว่า "เป็นไปได้อย่างไรครับว่าซอยทาวน์อินทาวน์นะจะไม่มีห้องน้ำ ถ้า กทม. ไปสร้างห้องน้ำคงจะรวยนะ" คำนี้มันแทงใจเธอมาก แต่มันเกิดขึ้นจริง ๆ ใครบ้างอยากบอกให้ประชาชนรู้ว่าตัวเองฉี่ข้างทาง เธอเป็นคนตรงจึงพูดไปจากใจ แต่ทำไมจึงโดนอะไรแบบนี้อีก
แต่กับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ต้องขอบคุณกำลังใจส่วนหนึ่งที่ส่งมาให้ ก็ไม่อยากคิดว่าเรื่องของตัวเองจะไปเป็นประโยชน์กับคนอื่น ตอนนี้ไม่อยากทำอะไรแล้ว มีงานติดต่อมา เธอก็บอกว่าเอาไว้ก่อนดีกว่า ตอนนี้ไม่ไหว ขอเคลียร์งานที่รับไว้ให้จบเท่านั้น ไม่ออกรายการแล้ว รู้สึกเข็ดขยาด บอบช้ำมาก คือเธอคิดว่าไปทำงาน ไม่เคยเรื่องมาก เวลาทำงานก็สปิริตแรงมาก สุดท้ายก็ต้องมานั่งร้องไห้ ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะทำต่อไหม หรือไปออกทำไม บางทีเธออาจมองโลกในแง่ดีเกินไป วันนี้รู้เลยว่าความรักความศรัทธาไม่พอ ต้องมีพวกด้วย
ตอนนี้เวลาไปหาข้าวทานนอกบ้าน มีคนมองมาบอกว่าสงสาร เธอเองไม่อยากให้คนมองอย่างนี้ เพราะหลีกเลี่ยงความเป็นคนน่าสงสารมาตลอด ตั้งแต่รายการออกไปเธอปิดตัวเอง ขออยู่กับตัวเองอย่างเงียบ ๆ ก็มีเพื่อนที่สนิท ๆ มาให้กำลังใจ แต่ไม่อยากให้ใครมองว่าเป็นคนที่น่าสงสาร ที่ผ่านมาพยายามทำตัวมีศักดิ์ศรี แต่วันนี้มันเหมือนโดนลบศักดิ์ศรี ไม่เคยรู้สึกว่าต่ำต้อยด้อยค่าขนาดนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม หากเธอตัดสินใจอำลาวงการอย่างถาวรแล้ว ก็อาจจะไปทำธุรกิจรีสอร์ทที่อัมพวาและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
