x close

ดูแลผิวที่สองของคุณให้แข็งแรง

ผิวสวย


ดูแลผิวที่สองของคุณให้แข็งแรง (เฮลธ์ พลัส)

          หนาวนี้ไม่อยากเป็นหวัด อยากบอกลาฝ้าขาวในช่องปาก ตกขาวและคันช่องคลอด อยากกำจัดแผลพุพองที่ปาก ถ้าเช่นนั้นต้องดูแลผิวที่สองของคุณด้วยวิธีต่อไปนี้ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงกระปรี้กระเปร่า

          เป็นหวัดบ่อยใช่ไหม โรคตาแห้งมากวนใจอีกแล้ว โรคลำไส้แปรปรวน ฝ้าขาวในช่องปาก หรือมีอาการอ่อนเพลียในช่วงหน้าหนาว ถ้าใช่ ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเอาใจใส่ "ผิวชั้นใน" ของคุณ เรากำลังพูดถึงเยื่อบุ (mucous membranes) ซึ่งได้แก่เยื่อบุผิวในช่องจมูก ตา ปาก ปอด ช่องคลอด และลำไส้ สิ่งเหล่านี้อาจฟังดูไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัย แต่นี่คือการลงทุนเพื่อสุขภาพที่สำคัญ เยื่อบุเป็นเหมือนประตูกั้น ที่ช่วยปกป้องร่างกายของเราจากเชื้อโรคที่ผ่านเข้ามา 3 ทางได้แก่ สารคัดหลั่ง เช่น น้ำตาในลูกตาและของเหลวในช่องคลอด ซึ่งสารคัดหลั่งดังกล่าว จะช่วยชะล้างสารที่ก่อความระคายเคือง สารพิษ ไวรัส และแบคทีเรีย รวมถึงเส้นขนขนาดเล็กที่เรียกว่า ซิเลีย (cilia) ในจมูกและปอดซึ่งช่วยขจัดเชื้อโรค และเส้นขนในลำไส้ที่ช่วยผลักเชื้อโรคออกไป เยื่อบุช่วยให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ทั้งนี้เพราะเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ที่แข็งแรง ทำให้ร่างกายสามารถย่อยและดูดซึมสารจากอาหารที่เรากินอย่างเหมาะสม แล้วจะมีวิธีการอย่างไรที่ช่วยให้เยื่อบุของเราแข็งแรง หรือรับมือกับความผิดปกติที่เกิดขึ้น

          เยื่อบุที่แข็งแรง

          "เยื่อบุที่แข็งแรงควรรู้สึกสบายดี ไม่มีอาการเจ็บปวด" ดร.มาร์ค แอตคินสัน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ Health Plus กล่าว "เยื่อบุจมูกและปอดช่วยให้คุณหายใจได้สะดวก ภายในช่องปากควรมีสีชมพูและไม่ควรมีอาการเจ็บแสบหรือเป็นก้อน เยื่อบุตา ควรใส ชุ่มชื่น และมีสีขาว ลำไส้ไม่ควรมีแก๊สหรือของเหลวมากเกินไป รวมถึงอาการปวด ส่วนช่องคลอดไม่ควรมีอาการแสบคัน" คุณภาพของน้ำมูกเป็นอีกหนึ่งสัญญาณสำคัญ ในช่วงสุขภาพดีน้ำมูกจะมีลักษณะเป็นของเหลวลื่นและใส แต่ในช่วงที่ร่างกายไม่แข็งแรง น้ำมูกจะมีลักษณะขุ่น เหนียวและข้น ให้นึกถึงความแตกต่างระหว่างจมูกที่ชื้นตามปกติ กับน้ำมูกเหนียวข้นที่ไหลออกมาเวลาเป็นหวัด

          ต่อกรกับไข้หวัด

          โรคหวัดจะเข้าไปขัดขวางการทำงานของซิเลีย (cilia) ในจมูกและปอด เมื่อเกิดการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ ร่างกายจะส่งเซลล์เม็ดเลือดขาว มาต่อสู้กับเชื้อไวรัสในบริเวณที่ติดเชื้อ แต่นอกจากจะต่อสู้กับเชื้อโรคแล้ว เซลล์เม็ดเลือดขาวยังไปทำลายเยื่อบุด้วย ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองและผลิตน้ำมูกออกมามาก ซึ่งก็คืออาการน้ำมูกไหลและไอเนื่องจากเป็นหวัด

          ขิงมีฤทธิ์อุ่น รสเผ็ด กลิ่นหอม สารซิงเจอรอล (zingerol) และจิงเจอรอล (gingerol) ซึ่งพบมากในขิงแก่ มีสรรพคุณลดเสมหะ แก้ไอ รักษาอาการหวัด นำขิงแห้งต้มรวมกับขิงสดกินแก้หวัดและไข้ หรือต้มขิงสดกับเปลือกส้มแห้ง ดื่มตอนอุ่น ๆ ช่วยลดอาการไอ ผักกาดขาวมีฤทธิ์เย็นช่วยแก้หวัด หลอดลม อักเสบ ขับเสมหะ ใช้ผักกาดขาว 250 กรัมต้มน้ำดื่มช่วยขับปัสสาวะ ละลายเสมหะ แก้ไข้ และคอแห้ง

          แก้โรคเริม

          ไวรัสโรคเริมส่งผลกระทบต่อเยื่อบุของร่างกาย แต่ที่พบได้บ่อยที่สุดคือแผลพุพองรอบปาก มักเกิดเวลาที่เกิดความเครียดหรืออ่อนเพลีย ผลการวิจัยพบว่าอาหารที่มีกรดอะมิโนและอาร์จินีน (arginine) ต่ำ พบมากในถั่วเปลือกแข็งและช็อกโกแลต และอาหารที่มีไลซีน (lysine) สูง พบมากในบีทรูท มะม่วง แอปเปิ้ล และน้ำมันปลา ช่วยป้องกันไวรัสดังกล่าวได้ แสงแดดก็เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคเช่นกัน ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet ระบุว่าการใช้ครีมกันแดดช่วยป้องกันแผลพุพองรอบปากในคนกว่า 70% หากรู้สึกเครียด ให้เลือกออกกำลังกายที่ช่วยให้จิตใจสงบผ่อนคลาย เช่น โยคะหรือไทชิ นอนแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ เดินเล่นในสวนสาธารณะหรือคุยกับเพื่อน

          ลดอาการช่องคลอดแห้ง

          ช่วงใกล้วัยทองหรือเข้าสู่วัยทอง ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลง เป็นผลให้เยื่อบุช่องคลอดบางลงและผลิตของเหลวออกมาน้อยลง ทำให้รู้สึกเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ "กรดไขมันจำเป็นช่วยหล่อลื่นร่างกาย และช่วยให้เยื่อบุแข็งแรง" ดร.มาริลีน เกลนวิลล์ ผู้เชี่ยวชาญของ Health Plus กล่าว ผลการวิจัยจากประเทศฟินแลนด์เมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า กรดไขมัน โอเมก้า 7 พบในซีบักธอร์นเบอร์รี่ (sea buckthorn berries) ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อในเยื่อบุ ในการศึกษากลุ่มย่อยพบว่า 60% ของผู้หญิงที่รับประทานน้ำมันซีบักธอร์นวันละ 3 กรัมทุกวัน อาการช่องคลอดแห้งดีขึ้นภายใน 12 สัปดาห์ ขณะที่ส่วนที่เหลือก็มีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด "สมุนไพรจำพวกตังกุยและแบล็คโคฮอช (black cohosh) ก็ช่วยสร้างสมดุลฮอร์โมน ทำให้อาการช่องคลอดแห้งดีขึ้น หรือถ้าต้องการสร้างสารหล่อลื่นขณะมีเพศสัมพันธ์ ให้ทานอาหารเสริมสกัดจากผลกีวี ซึ่งมีสรรพคุณเป็นสารหล่อลื่นตามธรรมชาติ"

          สู้กับเชื้อรา

          "เยื่อบุช่องคลอดที่แข็งแรง จะมีแบคทีเรียเป็นมิตรที่สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด ช่วยป้องกัน การติดเชื้อ แต่การกินอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารต่ำความเครียด และการใช้ยาบางชนิดซึ่งรวมถึงยาปฏิชีวนะและการได้รับฮอร์โมนเสริม (HRT) เป็นผลให้เชื้อราแคนดิตาอัลบิแคนส์ (candida albicans) เจริญเติบโตได้ดี และเป็นสาเหตุให้เกิดฝ้าขาวในช่องปาก หรือเชื้อราที่ช่องคลอด" มาริลีนกล่าว "งดอาหารที่มีน้ำตาลและยีสต์ ซึ่งเป็นอาหารชั้นดีของแบคทีเรียที่ไม่เป็นมิตร เติมกระเทียมทุกวัน เนื่องจากมีฤทธิ์ต้านเชื้อรา ทานไลฟ์โยเกิร์ตมาก ๆ เพราะมีแบคทีเรียที่มีประโยชน์เช่นเดียวกับที่พบในลำไส้ ทานเครื่องดื่มโปรไบโอติก เช่น ยาคูลท์เป็นประจำทุกวัน หรือจะเลือกทานอาหารเสริมโปรไบโอติก"

          ตาแห้งและปากแห้ง

          เยื่อบุที่ปากและตาอาจแห้งระคายเคือง ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิดเช่น ยาคลายเครียด หรือดื่มน้ำน้อยเกินไป ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำเช่น ชา กาแฟ

          "ประมาณกันว่าคนกว่าครึ่งล้านในอังกฤษเป็นโรค Sjogren’s Syndrome ซึ่งเป็นโรคภูมิแพ้ตนเองชนิดหนึ่ง ที่เป็นผลมาจากโรคไข้ข้ออักเสบรูมาตอยด์ ทำให้ระบบภูมิต้านทานของร่างกายไปทำลายต่อมน้ำตาและต่อมน้ำลาย ซึ่งการขจัดต้นตอของปัญหาด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ช่วยได้ น้ำตาลทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงของหวาน และอาหารที่ผ่านการแปรรูปซึ่งมีส่วนผสมของน้ำตาล หันไปทานอาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันจำเป็นเช่น อโวคาโด น้ำมันปลา เมล็ดพืชและถั่วเปลือกแข็ง (nuts) ต่าง ๆ งานวิจัยของชาวฟินแลนด์พบว่า การรับประทานน้ำมันซีบักธอร์นทุกวัน วันละ 5 กรัมจะช่วยให้อาการปากและตาแห้งให้ดีขึ้นได้ภายใน 4 สัปดาห์

          ระงับความผิดปกติที่กระเพาะอาหาร

          "เยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้อาจเกิดการระคายเคืองได้ หากทานอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารต่ำหรือทานยาแก้ปวดบางชนิด โดยเฉพาะแอสไพรินและไอบูโพรเฟน เป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดบวมและลำไส้รั่ว ทำให้เยื่อบุเกิดการอักเสบรุนแรง จนทำให้แบคทีเรียหรือโมเลกุลอาหารผ่านเข้าไปได้ บรรเทาอาการอักเสบโดยการลดเกลือ คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ และทานผักผลไม้ที่อุดมด้วยแอนตี้ออกซิแดนท์ ถ้าต้องทานยาแก้ปวด ให้เลือกพาราเซตามอล (ทานตามที่ระบุไว้บนฉลาก) เพราะระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารน้อยกว่า" มาร์คแนะนำ "สมุนไพรจำพวกวิลโลว์บาร์ค (willow bark) และมีโดว์สวีท (meadowsweet) เป็นยาแก้ปวดทางเลือกที่ดี แต่ก็อาจก่อความระคายเคืองต่อผนังกระเพาะอาหารได้ ดังนั้นก่อนใช้จึงควนปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร" คิดกล่าว ฟีเวอร์ฟิว (feverfew) เป็นสมุนไพรแก้ปวดที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง นิยมใช้ทานแก้ปวดไมเกรนและปวดศีรษะทั่วไป ทานวันละหนึ่งแคปซูลหรือ 250 mcg ผนังกระเพาะอาหารมักติดเชื้อแบคทีเรีย helicobacter pylori ได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคแผลในกระเพาะ และหากพบว่ามีอาการปวดกระเพาะควรไปพบแพทย์

          ดูแลผิวที่สองของคุณให้แข็งแรงด้วยวิธีปฏิบัติง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

          ดื่มน้ำมาก ๆ เพราะจะทำให้เยื่อบุชุ่มชื่นและแข็งแรง

          วิตามินสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวิตามินซีช่วยปกป้องเซลล์และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ วิตามินอีช่วยให้เยื่อบุยืดหยุ่นและแข็งแรง วิตามินเอช่วยให้เนื้อเยื่อแข็งแรง จึงควรทานผักผลไม้มาก ๆ

          กรดไขมันจำเป็นมีส่วนสำคัญในการผลิตน้ำมูก ซึ่งช่วยชะล้างเชื้อโรคออกจากร่างกาย ควรทานน้ำมันปลา สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง รวมทั้งถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืชต่าง ๆ

          อากาศแห้งทำให้ตา จมูก และปากแห้ง ควรแก้ด้วยการปลูกต้นไม้มากๆ เพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ

เรื่องราวผู้หญิง ความสวยงาม แฟชั่น ความรัก มากมาย คลิกเลย

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี่ค่ะ





ขอขอบคุณข้อมูลจาก


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ดูแลผิวที่สองของคุณให้แข็งแรง อัปเดตล่าสุด 14 มกราคม 2553 เวลา 16:19:47
TOP