กลับมาคุยอีกครั้ง ?
แจ๊ค : ครับ ก็ดีครับ มันก็คุยกับครอบครัวเริ่มโอเคขึ้น ทุกอย่างมันดี
ปรับจูนเข้าหากันใหม่ ?
แจ๊ค : มันเหมือนให้เวลากับทั้งคู่ คือเราเรียนรู้กันมาพักหนึ่งและหยุดพักไปพักหนึ่ง ด้วยเหตุผลอะไรที่ละเอียดอ่อน ไม่ต้องไปพูดถึงดีกว่านะครับ ก็คุยกัน ถามสารทุกข์สุกดิบ ไปมาหาสู่ก็ดีขึ้นครับ ก็ได้เจอกันบ่อยขึ้น ตอนเขาทำบ้าน ปลูกต้นไม้ ทำอะไรที่เกี่ยวกับบ้าน เราก็ไปช่วยดู
เราต้องใช้ความกล้ามากขนาดไหน ?
แจ๊ค : มันก็ต้องกล้านะ ถ้าไม่กล้ามันไม่ได้ พิสูจน์ตัวเองพี่ทำตลอดอยู่แล้ว ไม่ได้ต้องพิสูจน์อะไรมากมาย เราทำเริ่มต้นมาแบบไหน เราก็พยายามรักษาอะไรที่เราทำแล้วมันโอเคแล้วมันดี เราก็ทำให้มันนานที่สุด
ครอบครัวเขาอาจจะมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจในตัวเรา ?
แจ๊ค : อันนั้นต้องให้เวลา เหมือนที่เคยบอกว่าเวลาที่เราพูด เราเป็นคนทำ เราพูดอะไรก็ได้ก่อนที่เราจะทำ เดี๋ยวเราจะทำนู่น ทำนี่ ต้องยอมรับว่าคนที่รู้จักเรา บางทีเขาก็ดูแค่ภาพ รู้จักแค่ข่าว ก็ไม่ได้รู้จักตัวเราจริง ๆ เขาก็อาจจะคิดว่าเราเป็นแบบนั้น แบบนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ใช้เวลา และไม่ทำให้เห็นเขาก็ไม่รู้อยู่ดี ถ้าเราลองคิดว่าถ้าสมมุติเป็นลูกเรา เราก็เป็นห่วง ถ้าคบกับคนที่มีข่าวเยอะ ๆ
กลับมาครั้งนี้ได้คุยได้เปิดใจกันขนาดไหน ถึงได้จูนติดกันอีกรอบกับทางครอบครัวเขา ?
แจ๊ค : คือเขาเริ่มมองเห็นมากขึ้นมั้ง ไม่เหมือนกับที่เขาพูดกันนะ ประมาณนั้นนะ
มีการสัญญาอะไรกับคุณพ่อ คุณแม่เขาไหม ?
แจ๊ค : ไม่ได้สัญญาอะไรเลย แต่ก็รับปากว่าจะดูแลน้องให้ดี เพราะว่าพ่อแม่เขาอยู่ต่างจังหวัด เขาก็เป็นห่วง คือเราก็คอยดูอยู่แล้ว อยู่คนละที่ คนละบ้าน แต่เราก็คุยกัน ดูว่าเขาตื่นมาทำอะไร กินอะไรหรือยัง
จ๊ะบอกว่ากลับมาครั้งนี้คุยกัน คบกันแต่ไม่ถ่ายรูป พ่อแม่เสพข่าว เราโอเคไหม ?
แจ๊ค : ก็โอเคนะ ก็รู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น รู้สึกดีกว่าเดิมไหม คือพี่เป็นคนไม่ค่อยอัปโซเชียลอะไรอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยมีรูปมีอะไรหรอก เราไม่ต้องทำอะไร เพราะเราไม่ค่อยทำอะไรพวกนี้อยู่แล้ว
ถามถึงเรื่องแหวน ?
แจ๊ค : ก็เป็นของขวัญเฉย ๆ
ไม่ใช่การจองไว้ก่อน ?
แจ๊ค : ให้เป็นของขวัญครับ ไม่อยากให้คิดว่าเป็นการจองไว้หรืออะไร ไม่อยากให้รู้สึกผูกมัดขนาดนั้น มันดูซีเรียสครับ
ยังไม่ได้วางแผนเรื่องการแต่งงาน ?
แจ๊ค : คือยังไม่ได้คุยขนาดนั้นครับ แต่ว่าวันนี้มันดี เราก็รู้สึกดีขึ้น รู้สึกดีขึ้นมาก ๆ เลยครับ
เราเองพร้อมทุกอย่าง ?
แจ๊ค : โห…อายุป่านนี้แล้วครับ
รอเขาอย่างเดียวใช่ไหม ?
แจ๊ค : ก็ให้เขาพร้อมดีกว่า
ได้เกริ่นกับเขาบ้างหรือยัง ?
แจ๊ค : เกริ่นมานานแล้ว แต่อย่างที่บอกไม่ได้เร่งรัดเขา ต้องอย่างนั้นอย่างนี้ เราไม่ชอบการบังคับแล้วรู้สึกกดดัน ส่วนตัวพี่นะ เราก็ไม่อยากทำแบบนั้นกับใคร แล้วก็รู้สึกว่าไม่ควรทำด้วย มันก็ควรจะให้เขาพร้อมจริง ๆ ให้เขามีความสุข
เรารอเขาได้ ?
แจ๊ค : ไม่เป็นไรครับ (อีกสิบปีรอได้ไหม ?) โห..จะตายก่อนไหม ก็ไม่เป็นไรหรอก
เราเคยคุกเข่าขอเขาแล้ว ?
แจ๊ค : ก็ไม่ได้คุกเข่าหรอก มีการคุยกัน แต่ว่าคุยกันเหมือนกันว่าเดี๋ยวรอเวลา
เขารอพิสูจน์อะไรเราบางอย่างหรือเปล่า ?
แจ๊ค : ก็ไม่แน่ครับ เขาอาจจะดูว่าจะทนได้สักกี่น้ำ
ถามถึงเรื่องที่เขาโดนโกงล่าสุดพอจะทราบเรื่องไหม ?
แจ๊ค : ไม่ค่อยทราบรายละเอียด ว่าเป็นธุรกิจหรืออะไร คืออันนี้พี่ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร เพราะเป็นคนที่เราไม่รู้จักด้วย เราบอกเขาให้ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ เคลียร์ พยายามอย่าใจร้อน ก็บอกว่าให้ค่อย ๆ คิดนะ เพราะเขาเป็นคนใจร้อน แต่เขาไม่เห็นเครียดอะไรเลย ยังลั้ลลาอยู่เลย เมื่อกี้ยังไลฟ์สดกินข้าวอยู่เลย คือมันอาจจะเป็นอารมณ์ตอนนั้น เพราะเขาเด็กไง พอเวลาผ่านไปก็เย็น ก็ไม่มีอะไร ก็ไม่เห็นเขาจะซีเรียสขนาดนั้นเลย ยังซื้อนาฬิกาอยู่เลย ถ้าเขามีความสุขก็โอเค
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN