จ๊อบซัง ผู้จัดการวง BNK48 ชี้แจง ปมดราม่า โอตะ VIP ยืนยันไม่มีบัตรฟรี ไม่มีสิทธิพิเศษ เผยโอตะคนดังกล่าวเป็นผู้พิการอัมพาตครึ่งซีก จึงใช้เลนพิเศษ ยอมรับหละหลวมเรื่องหน้ากาก พร้อมนำบทเรียนครั้งนี้ไปปรุง
กลายเป็นกระแสดราม่าร้อนแรงของเหล่าโอตะ หลังงานจับมือ BNK48 4th
Single Kimi wa Melody Handshake เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2561
มีกระแสดราม่า #โอตะvip
ซึ่งเป็นชายรายหนึ่งที่ดูเหมือนจะมีสิทธิพิเศษมากกว่าโอตะคนอื่น ๆ
มีการโพสต์โอ้อวดว่าตนได้เข้าเลนพิเศษ พร้อมจับมือไม่อั้น 11 คน
แถมยังใส่หน้ากากกันแก๊สเข้าภายในงานอีกด้วย
อีกทั้งภาพถ่ายของโอตะ VIP รายนี้ เป็นรูปจากกล้องออฟฟิเชียล จึงอาจหมายถึงทางต้นสังกัดรู้เห็นด้วยและเป็นผู้ถ่ายภาพให้ ทำให้เหล่าโอตะฉุนหนักจี้ให้ผู้บริหารอธิบายเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ โอตะ VIP คนดังกล่าว ก็ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงว่าตนไม่ได้มีสิทธิ์พิเศษ และขอโทษกับเรื่องนี้เกิดขึ้น (อ่านข่าว : ดราม่าสนั่น #โอตะvip โผล่งานจับมือ BNK48 เข้าเลนพิเศษ-อวดจับมือไม่อั้น 11 คน)
ล่าสุด (4 พฤศจิกายน 2561) จ๊อบซัง ผู้จัดการวง BNK48 ได้ออกมาไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก BNK48Shihainin ชี้แจงเรื่องดังกล่าว ระบุว่า โอตะคนดังกล่าวเป็นอัมพาตซีกซ้าย ต้องนั่งรถเข็น ซึ่งเขาสามารถเดินได้แต่ไม่ถนัด เขามีใบรับรองแพทย์ โดยเมื่อปีที่แล้ว (2561) เขาเดินได้ปกติ แต่ประสบอุบัติเหตุ ทำให้เส้นเลือดในสมองแตก ทำให้ซีกซ้ายใช้การไม่ได้
ทั้งนี้ ตนทราบมาว่า เขาเก็บตัวอยู่คนเดียว จนเพื่อนของเขาแนะนำวง BNK48 ให้รู้จัก ซึ่งเขาก็รู้สึกชื่นชม และ BNK48 ก็เป็นกำลังใจส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัจจุบัน เมื่อเขาเป็นผู้พิการ จึงใช้เลนพิเศษที่มีอยู่ ซึ่งถ้าใครมีความผิดปกติ คุณก็สามารถมาเลนนี้ได้ตลอด ซึ่งเขาก็มาต่อคิว Priority lane ตามปกติ มาใช้บัตรจับมือเหมือนทุกคน ซึ่งเขาไม่ได้มีความพิเศษกว่าคนอื่น ๆ เลย ตนยืนยันว่าเรื่องบัตรฟรี ไม่เป็นความจริง เขามีบัตรเหมือนทุกคนทั่วไป เพราะบัตรทั้งหมดจะมีเลข Serial number และมีตามจำนวนที่ผลิต
โดยตอนนี้ตนเริ่มเห็นใจโอตะคนดังกล่าวที่ถูกโจมตี หลายคนอาจเห็นว่า แคปชั่นบางอย่างของเขามีถ้อยคำไม่เหมาะสม ซึ่งตนอยากให้เข้าใจเขาด้วย เพราะเขาไม่เหมือนคนอื่นเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์
ส่วนเรื่องรูปถ่าย ทางออฟฟิเชียลมีตากล้องประจำอยู่แล้ว ซึ่งจะถ่ายเก็บบรรยากาศทั้งหมด แต่ข้อผิดพลาดคือภาพโอตะคนนี้หลุดออกไปก่อนเวลาอันควร เพราะปกติต้องรอหลังจบงานถึงจะมีการเผยแพร่ภาพ ตนต้องขอโทษด้วยเรื่องข้อมูลที่หลุดออกไปและขอโทษเมมเบอร์ทุกคนในฐานะผู้บริหาร ซึ่งครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้รู้ว่า การให้ความเท่าเทียมกันกับทุกคนมีสำคัญขนาดไหน
ส่วนเรื่องหน้ากาก เป็นการผิดและความหละหลวมของผมและทีมงาน ที่ไม่เข้มงวดมากพอ ทางทีมงานยอมรับผิด ซึ่งจะนำทุกอย่างไปปรับปรุงแก้ไข ให้ถูกต้องตามกฎระเบียบที่เราวางไว้มากที่สุด ให้ทุกคนเห็นความสำคัญของกฎ เพราะทางทีมงานพวกเราทำเพื่อส่วนรวม ส่วนเรื่องการตั้งกล้องแอบถ่ายตอนจับมือ ตนจะรับเรื่องนี้ไว้ และจะนำไปตรวจสอบเพิ่มเติม
สุดท้ายนี้ ตนขอยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าโอตะคนไหน ก็ไม่มีสิทธิพิเศษ เพราะทุกคนต้องทำตามกฎที่วางไว้เหมือนกันหมด
