เรื่องซิกแพค ทำไมคนฮือฮาขนาดนั้น ?
นุ่น : จริง ๆ ปกติก็โพสต์รูปหลุยส์อยู่แล้ว แต่เป็นเพราะไม่เคยโพสต์แบบถอดเสื้อขนาดนี้มั้งคะ แล้วที่เราโพสต์ก็ไม่ได้ต้องการให้คนมองว่าหลุยส์ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนี้ (หัวเราะ) แต่เราเห็นความตั้งใจในการเข้ายิมของเขามาสักพักแล้วค่ะ แล้วเรารู้สึกว่าสมัยนี้ผู้หญิงผู้ชายถ่ายรูป โพสต์รูปกันเป็นว่าเล่น เราก็เลยไม่ได้คิดว่าเขาจะซูมกันขนาดนั้น
หลายคนไปคอมเมนต์แทะโลม ?
นุ่น : ดีนะเราชอบ ก็ให้แทะโลมบ้างอะไรบ้าง (หัวเราะ) ก็เลยกลายเป็นข้อดีไป นี่ไอจีนุ่นนะ แต่นุ่นรู้สึกเป็นอากาศ เขาก็เขิน จริง ๆ เราถ่ายเสร็จ เขาก็อยากเอาลงนะ แต่หลุยส์เขาไม่เคยลงรูปแนวนี้ แต่เราไม่สนเราลงเลย ก็ฝากขอบคุณด้วยสำหรับคนที่ชมว่าเขาหุ่นดีขึ้น เรารู้เพราะบางทีเรากินอะไรอร่อย แต่เขาไม่ได้กิน เราเข้าใจ เขาอยากให้คนมองว่า ถ้าคนเราตั้งใจมันก็พัฒนาหุ่นได้ และมีสุขภาพที่ดีได้
หลุยส์ : ความจริงเราก็ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ตัวใหญ่นะ มันเป็นผลพลอยได้ในสิ่งที่เราเชื่อ ในสิ่งที่เราอยากทำ ก็คือการเข้ายิม เราไม่ได้เข้าเพราะอยากจะให้หุ่นดีแค่นั้น เพราะมันจะเป็นอะไรที่ไม่ต่อเนื่อง แต่ถ้าเราเชื่อในการออกกำลังกาย มีวินัยในการกิน มีความเคยชินต้องที่ไปทุกวัน พอชินแล้วมันจะเกิดความสนุก และเป็นความสุขในชีวิตไปแล้ว จากนั้นผลพลอยก็คือหุ่นดีและสุขภาพดี ซึ่งเราก็ไม่ได้อยากโพสต์ทุกครั้งที่เข้ายิม ปัจจัยเราไม่ได้อยู่ตรงนั้น พอมีสาว ๆ แซวก็ไม่เขินนะครับ แต่นุ่นนี่แหละจะชอบแซว เราก็แค่ยิ้มไปด้วย
นุ่น : บอกไปว่าเราไม่ได้อยากใหญ่ เราอยากแน่น (หัวเราะ) นุ่นว่าจริง ๆ มันเป็นสูตรของเขาค่ะ เล่นให้ใหญ่ก่อน แล้วค่อยลีนให้เหลือแค่กล้าม ซึ่งนุ่นก็ไม่ได้ชอบใหญ่มาก ไม่ได้ชอบก้ามปู ไม่อยากให้เขาเล่นเหมือนจะไปประกวด นุ่นชอบแบบเกาหลี พอมองไปแล้วมีบ้าง ไม่ได้แห้งไปเลย
ฟิตหุ่นเตรียมตัวจะแต่งงานในปีหน้า ?
หลุยส์ : ผมว่ามันเป็นการยกสุขภาพของตัวเองมากกว่า ถ้าสมมติว่าเราจะแต่งงาน จะเริ่มชีวิตครอบครัว ผมก็อยู่ในจุดที่ดี ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เตรียมตัวเองไว้ก็ดี
นุ่น : เขาเรียกว่าเตรียมตัวไว้ มีโอกาสเมื่อไหร่เราก็เสียบ
มีข่าวลือว่าแต่งปีหน้าชัวร์ ?
นุ่น : อยากรู้จริง ๆ ว่าใครลือ (หัวเราะ)
หลุยส์ : ตอนนี้ความชัวร์ยังไม่มี เพราะผมก็ยังคุยกับนุ่นอยู่ ถามว่าอยากไหม มันก็อยาก แต่ว่าเรื่องเวลายังไม่ได้ตกลงกัน
นุ่น : เราไม่ได้เอาเรื่องแต่งงานมาเป็นที่ตั้งก่อน เราเอาเรื่องเวลา เรื่องของความเหมาะสมของทั้งคู่ด้วย เรื่องอายุเราไม่ได้แคร์ว่าต้องอายุเท่าไหร่ถึงจะแต่ง แต่เราห่วงเรื่องสุขภาพในการวางแผนต่อ ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าอายุเยอะไปเรื่องมีน้องมันก็อาจจะยาก เราเลยโฟกัสที่เรื่องของเวลา ความถูกต้อง และความสบายใจด้วย มันก็เลยเหมือนตอนนี้หลายคู่ที่เป็นเพื่อนเรา เขาแต่งกันเราแฮปปี้ยินดีกับเขา แต่พอมาเป็นเราสองคน เราถูกตั้งคำถามนี้ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว เอาตรง ๆ นะตอนแรกก็เริ่มดีด แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ คู่อื่นที่แต่งมันดูเหมือนง่าย แต่เราสองคนยังรักการทำงาน ยังบ้างานอยู่ แล้วจังหวะงานนุ่นช่วงนี้ก็เพิ่งเข้ามา อย่างบุพเพสันนิวาสก็มีงานสานต่อ ยังอยากทำงานที่เราไม่เคยได้ทำ พอจังหวะจะรวบรัดตัดตอน จะทิ้งงาน ฟีลนั้นมันยังไม่ใช่ นุ่นเลยอยากทำงานก่อน
ปีหน้าไม่มีลุ้นเลยเหรอ ?
นุ่น : ฟ้าแลบใครจะรู้ เวลาฟ้ามันแล่บมันไม่มีใครรู้ไง พูดไปอย่างนี้ก่อน (หัวเราะ)
หลุยส์ : แล้วแต่ฝนตกหรือเปล่า ถ้าฝนตกแล้วอากาศดี ฟ้ามันก็อาจจะแล่บก็ได้ (ยิ้ม) คือเราก็คิดอยู่แล้วครับ เพราะเราก็อยากจะมีครอบครัว แต่อย่างที่นุ่นว่ามันก็มีทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว
คิดแผนไว้ไหมว่าต้องมีซีนคุกเข่าขอแต่ง ?
หลุยส์ : อันนี้ก็แล้วแต่ครับ ความจริงมันก็เป็นธรรมเนียมอยู่แล้ว มันเป็นของฝรั่งที่เราเอามาเป็นภาพดี ๆ ที่สวยงาม ถามว่าอยากไหม ก็อยาก
นุ่น : ถามว่าคาดหวังไหม ชัวร์ (ยิ้ม) ไม่หรอก ผู้หญิงทุกคนแหละ เหมือนคนรุ่นใหม่เปิดรับอะไรมากขึ้น การเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน มันเหมือนเป็นจุดสำคัญในการแต่งงานอีกเรื่องหนึ่งไปแล้ว ว่าจะเซอร์ไพรส์ยังไง จะขอที่ไหน ถ้าเซอร์ไพรส์มานี่ ก็พร้อมเอาแหวนใส่เองเลย (หัวเราะ) มันก็เป็นเรื่องปกติของผู้หญิงที่อยากมีโมเมนต์นั้น แต่ไม่ได้คาดหวังหรอกค่ะ ไม่ใช่ผู้หญิงสไตล์ที่วาดฝันอะไรไว้ในหัว มีแต่ทำงาน แล้วก็ใช้ชีวิตคู่ให้มันดีที่สุด และให้ไปกันรอดมากกว่า
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN