ภาพจาก เฟซบุ๊ก เบิ้ล ปทุมราช
มีโมเมนต์โพสต์ฮา ๆ ในโลกออนไลน์อยู่ตลอด สำหรับนักร้องหนุ่ม เบิ้ล ปทุมราช ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งส่งข้อความไปขอบคุณ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ที่เป็นจุดเริ่มต้นทำให้ตัวเองได้เป็นศิลปิน แต่ล่าสุดก็มีประเด็น หลังจากหนุ่มเบิ้ลโพสต์ข้อความถามแฟน ๆ ว่า "ถ้าอยู่ดี ๆ เบิ้ล ปทุมราช บุกไปข่มขืนคุณถึงห้อง สิ่งแรกที่จะทำคืออะไร 1. ขัดขืน รีบวิ่งไปโทรศัพท์แจ้งตำรวจ 2. กัดลิ้นตัวเองตาย 3. แล้วแต่จินตนาการที่จะเมนต์" ทำให้หลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะเกิดดราม่าหรือเปล่า ล่าสุดในงาน เสียงสวรรค์รางวัลชีวิต หนุ่มเบิ้ลก็ได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าว
- พูดถึงเรื่องเฟซบุ๊กที่ทักไปหา มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ?
เบิ้ล ปทุมราช : อ๋อ..อันนี้ฮานะ ผมไม่คิดว่าจะมีคนสนใจเยอะขนาดนั้น ก็เหมือนว่า 2-3 วันที่แล้วพี่มาร์คเขาน่าจะฉลองการแต่งงานกับแฟนเขาในโซเชียลเฟซบุ๊กส่วนตัว มีคนกดไลก์ กดแชร์ทั้งในต่างประเทศและคนไทยของเรา เราก็เลยไปเห็นเขาว่าคนนี้คือคนที่ก่อตั้งเฟซบุ๊กนะ เราเลยย้อนไปถึงตอนที่เรายังไม่ได้เป็นนักร้อง เราแต่งเพลง ทำเพลง อัดคลิปลงเฟซบุ๊ก ถ้าไม่มีพี่เขาทำเฟซบุ๊กขึ้นมาเราคงไม่มีโอกาสได้มาเป็นนักร้อง เราเลยทักไปขอบคุณเขาดีกว่า คือเอาฮา แคปเอามาให้คนกดไลก์ ไม่ได้เขียนภาษาไทยด้วย เขียนภาษาอีสานด้วย เขาคงอ่านไม่ออกหรอกครับ เอาฮา
- โพสต์อะไรต้องระวังมากขึ้นไหม เพราะเรามีชื่อเสียงมากขึ้น ?
เบิ้ล ปทุมราช : ต้องระวังครับ เพราะถ้าพลาดแค่วิเดียวถ้าคนแคปหน้าจอได้ก็ยาวไป ยิ่งทุกวันนี้มันมีเฟซปลอมมากขึ้นด้วย ก็ระมัดระวังยากขึ้น เพราะฉะนั้นก็บอกแฟนเพลงให้มาติดตามที่เป็นของเราจริง ๆ ดีกว่า ถ้าเราโพสต์ผิดแล้วมันเป็นของเรา เรายังมีโอกาสได้แก้ไข ปรับปรุงและขอโทษ แต่ถ้าเป็นเฟซปลอมไปโพสต์เราไม่รู้ว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว กว่าจะรู้ความจริงคือคนด่าเราแล้ว ต้องพูดจริง ๆ ว่าโซเชียลตอนนี้บางคนไม่อ่าน บางคนเห็นแล้วด่าก่อน เรื่องเป็นยังไงกูไม่รู้แต่กูต้องด่า
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เบิ้ล ปทุมราช
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เบิ้ล ปทุมราช
- กับแฟนเพจที่โพสต์ว่าถ้าให้ไปข่มขืน กลัวดราม่าไหม ?
เบิ้ล ปทุมราช : แฟนเพจผม เบิ้ล ปทุมราช ที่มีตัวการ์ตูนจมูก ผมไม่กลัว ผมว่าผมเป็นคนดื้อ แต่ว่าก็ดื้อแบบมีเหตุผลนะ เราอยากดูคนคอมเมนต์เฉย ๆ จริง ๆ ไม่ได้อวดว่าตัวเองหล่อแล้วไปข่มขืนเลยต้องยอม ไม่ใช่นะ ผมโพสต์ว่า ถ้าเบิ้ล ปทุมราช ไปข่มขืนคุณ สิ่งแรกที่คุณจะทำคืออะไร 1. เหมือนดิ้นให้หลุดแล้วโทร. หาตำรวจ 2. กัดลิ้นตัวเองตาย ผมอยากจะอ่านคอมเมนต์ฮา ๆ แฟนคลับที่เขาดื้อ ๆ เหมือนกันกับผม ซน ๆ คือแฟนคลับผมมีหลายเพศไง หลายวัย เลยอยากอ่าน แต่จริง ๆ ไม่ได้มีอะไรมากครับ เอาฮา ๆ ในแฟนเพจเฉย ๆ
- มีดราม่าไหมในคอมเมนต์ ?
เบิ้ล ปทุมราช : ไม่ค่อยหรอก จะมีดราม่าก็คือคนที่มีอคติกับผมมากกว่า จะโพสต์ดีหรือโพสต์ร้ายก็คือดราม่าอยู่ดี เราอย่าไปคิดว่าจะทำให้ทุกคนต้องรักเรา เพราะฉะนั้นการโพสต์อะไร เอาตรง ๆ เราเป็นศิลปิน เป็นนักร้องอยู่ในที่สว่าง หลายคนอาจจะบอกว่ากูทำอะไรก็ได้ กูก็เป็นคนเหมือนกันนี่หว่า เราก็อยากโพสต์ แต่ไม่ใช่ไง เราอยู่ที่สว่างกว่า จริง ๆ โซเชียลหรือสังคมไม่ได้บอกให้เราต้องเป็นคนดีซะทุกอย่างให้ทุกคนเขาทำตามหรอก แต่ว่าอะไรที่มันทำได้ สามารถเป็นตัวอย่างได้ก็ควรจะทำ แต่อาจจะไม่ต้องทำหมดจนทำให้ตัวเองรู้สึกกดดันจนไม่อยากเป็นนักร้อง ไม่ขนาดนั้น แต่สำหรับผม ผมเชื่อว่าผมก็มีมุมดี ๆ ของผมเหมือนกัน ที่โพสต์ให้คติประจำใจ โพสต์ให้กำลังใจคนที่สู้ฝัน คนที่มีเราเป็นตัวอย่าง มีมุมฮา ๆ มีมุมดื้อซน ๆ ของผมเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็พยายามรักผมในแบบ 4 มิติ ดิน น้ำ ลม ไฟ นะครับ รักในทุกอย่างทั้งเย็นทั้งร้อนก็รักให้ได้ทุกอย่าง
- เรื่องปลดหนี้ให้ครอบครัว ?
เบิ้ล ปทุมราช : ปลดหนี้จริง ๆ มันตั้งแต่ก่อนผมจะเป็นทหารแล้วครับ คือเราคิดไว้อยู่แล้วว่าก่อนจะเข้ากรม ยังไงเราต้องเคลียร์หนี้สินทุกอย่างให้จบและสร้างบ้านให้แม่ให้เสร็จให้ได้ ผมเลยเอาเงินทุกอย่างที่มีตอนนั้นทำบ้าน ต่อเติมบ้านหลังเก่า ซื้อที่ดินสร้างบ้านหลังใหม่ให้จบก่อนที่จะเข้ากรม ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว
- ภูมิใจไหม ?
เบิ้ล ปทุมราช : ภูมิใจครับ ภูมิใจมาก ๆ ไม่รู้ใครจะมองเรายังไง แบบนี้แหละมึงเป็นนักร้องเงินเดือนสูง มึงทำได้ดิ อย่างพวกกูมาทำงานในกรุงเทพฯ 4 ปียังไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะเงินเดือนมันไม่เหมือนกัน เราเลยบอกว่า ก็ไม่ได้มีอะไรมาเหมือนพวกคุณตั้งแต่แรกเหมือนกัน ทุกคนมีจุดเริ่มต้นที่เป็นศูนย์ ผมพูดถึงเฉพาะบางคนนะ บางคนอาจจะพ่อแม่รวย แต่สำหรับผมรู้สึกว่าก่อนจะเข้ามาเป็นนักร้องในตอนอายุ 19 ปี ตอนอายุ 18 ปี ยังเลื่อยไม้ช่วยพ่ออยู่เลย ผมยังทำงานอาทิตย์ละ 700 บาท บางอาทิตย์อาจจะไม่ได้ ถ้าไม่มีคนจ้างพ่อเราก็ไม่มีงานทำ เราแต่งเพลงในตอนนั้นคือพ่อกับแม่ซื้อกีตาร์ให้ คือหาเงินจากการรับจ้างเกี่ยวข้าว รับจ้างดำนา ซื้อกีตาร์ให้ แล้วก็เอากีตาร์ตัวนั้นของพ่อกับแม่ที่ซื้อให้แต่งเพลง จนมีคนสนใจถึงได้มาอยู่จุดนี้ ไม่ใช่ว่าผมมีคนชักนำ มีคนเอาเงินมาจ้างผมไปประกวด มีคนผลักดัน มีคนไปฝึกเข้าคอร์ส ซึ่งตรงนี้ผมไม่เคยมีเลย แม้กระทั่งผมไปงานกาชาด ไปงานต่าง ๆ เห็นคนเขาใช้เงินซื้อบัตร ผมยังดูเงินในกระเป๋าเลยถ้าเราจะเข้าต้องซื้อบัตร เราจะมีเงินซื้อเหล้ากินไหมวะ ถ้าเราซื้อเหล้ากินแล้วเราจะมีเงินพอไหมวะ ผมยังคิดอยู่เลยในตอนนั้นที่ยังไม่เป็นนักร้อง
- ฝากถึงคนที่เริ่มจากศูนย์เหมือนเราบ้าง ให้กำลังใจเขานิดหนึ่ง ?
เบิ้ล ปทุมราช : เอาแบบผมละกันนะครับ อันนี้คือผมไม่ได้ต้องการพูดให้ตัวเองดูดีอะไรมาก ผมเชื่อว่าทุกคนมันเหมือนการขับรถบนทางด่วน เหมือนเราหัดขับรถบนทางด่วน เรายังขับรถไม่เป็น ยังไม่เก่ง แต่อยากท้าทายชีวิตตัวเอง เราขึ้นทางด่วนแล้วตอนนั้นรถมันเคลื่อนอยู่ เราจะเบรกก็ไม่ได้ เราจะจอดรถพักก่อนก็ไม่ได้ เพราะอะไร เราต้องสู้ เราต้องขับต่อไป อย่างน้อยขับผิดหรือถูกเรายังแก้ไขหรือขอโทษเขาบนทางด่วน เหมือนคนที่สู้ฝันเหมือนกัน ถ้าเราไม่หยุด เราอาจจะเดินช้าบ้าง เร็วบ้าง ถ้าคนสามารถขึ้นบันได 3 ขั้น แล้วไม่ตก ผมก็อยากจะขึ้นนะ แต่ต้องขึ้นอย่างมีความมั่นคง ขึ้นแล้วมีจุดประสงค์ว่าจะขึ้นไปทำอะไร ขับรถบนทางด่วนเหมือนกัน ขับจะไปที่ไหน เราเบรกไม่ได้ เพราะยังมีคนจะจี้ตูดเราอยู่ไง มีคนคอยดูถูก คอยด่า คอยว่าเราอยู่ เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนมีสติ ใช้ชีวิตในแบบที่มีใจที่สู้ก่อน แล้วก็มีเป้าหมายในชีวิตว่าเราอยากทำตรงนี้เพราะอะไร เพราะรัก เพราะอยากจะมีเงินให้พ่อแม่ หรืออยากจะมีอะไรให้ตัวเองรู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนมีความมั่นคงมากขึ้น เพราะฉะนั้นก็ขอให้ทุกคนที่ดูอยู่ตอนนี้ ผมอาจจะไม่ใช่นักร้องที่รวยหรือเก่งอะไรมาก แต่ถ้าสิ่งไหนที่ผมพูดไปหรือเป็นกำลังใจให้ได้ ก็ขอให้ทุกคนสิ่งแรกคือขอให้สู้ มองสิ่งที่จะทำว่าเป้าหมายคืออะไร และหาสิ่งรอบข้างที่เป็นกำลังใจ เช่น พ่อแม่ ครอบครัว แรงบันดาลใจที่ดีที่สุด ที่เป็นสิ่งที่เราไม่ควรจะทิ้ง ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่สู้ฝันนะครับ ขอให้ทุกคนสู้ ๆ ผมอาจจะเป็นคนหนึ่งที่ร้องเพลงบนเวทีก็ได้ ผมอาจจะกลายเป็นคนหนึ่งที่ขอถ่ายรูปคุณบนเวทีก็ได้ สู้ ๆ ครับ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เบิ้ล ปทุมราช
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
