- เราก็จะฟิตร่างกาย ฟิตซ้อม ?
นาย ณภัทร : ผมก็วิ่ง ออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้วครับ วิ่งบนลู่ ถ่ายงานเสร็จก็พยายามวิ่ง เพราะเดี๋ยวเป็นลมต่อหน้าพี่ตูน ผมอายเขา (หัวเราะ)
- รอบนี้พี่ตูนบอกไหมว่าต้องวิ่งกี่กิโล ?
นาย ณภัทร : เขาไม่ได้บังคับครับ ตอนที่พี่ตูนโทร. มา เขาก็อยากให้ไปร่วมช่วยกัน คือคอนเซ็ปต์ของปีนี้คือพลังเล็ก ๆ รวมกันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ครับ ก็เลยโอเค ผมขอเป็นหนึ่งเสียงที่ช่วยพี่ตูนแล้วกัน วิ่งเท่าที่ไหว แต่จิตใจของเราคืออยากไปช่วยพี่เขาจริง ๆ
- ก่อนหน้านี้พี่ตูนเองก็เจอดราม่าเยอะ เราให้กำลังใจอย่างไรบ้าง ?
นาย ณภัทร : ก็คือผมรู้สึกว่าผมได้มีโอกาสคุยกับพี่ตูน ได้เห็นเบื้องหลังพี่ตูนที่คนหลายคนไม่ได้เห็นเวลาเขาพัก จากปีที่แล้วระหว่างที่พี่เขาวิ่งอยู่ และเขาก็อดทน เขามีกำลังใจเป็นโรงพยาบาลอยู่ทุกที่ แล้วผมบอกเลยว่าทุกคน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา เพราะสุขภาพในอนาคตต้องดูแล และพี่ตูนให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเจตนาของพี่เขา เพราะฉะนั้นสิ่งที่พี่เขาทำ เจตนาของพี่เขาบริสุทธิ์มาก ผมรักพี่เขามาก และผมเทิดทูนพี่เขามาก อยากเป็นกำลังใจเล็ก ๆ ให้พี่เขา หรือให้ได้แม้แต่เสี้ยวของพี่เขาด้วยซ้ำ เพราะว่าพี่เขาทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศมามากแค่ไหน
- ได้มีโอกาสคุยกับพี่เขาไหม ?
นาย ณภัทร : ไม่ได้คุยเลยครับ แต่ว่าผมรู้อยู่แก่ใจครับว่าสิ่งที่พี่ตูนทำ เจตนาเขาคืออะไร เขาต้องการช่วยเหลือทุกคนจริง ๆ เขาทำด้วยการเอาร่างกายเข้าแลก เขาไม่หวังผลประโยชน์อะไรเลยทั้งนั้น และเอาจริง ๆ การเตรียมตัววิ่งในครั้งนั้นและครั้งนี้ เขาเสียสละเวลาชีวิตส่วนตัวไปเยอะมาก เขาต้องเตรียมซ้อม เขามีจัดเป้าหมายและเขาต้องซ้อม ๆ เพราะว่าเขาอยากจะเรียกให้คนไทยทุกคนมาช่วยกันให้ได้มากที่สุดครับ
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN