นิก คุณาธิป เชื่อเปิดตัวคบ แตงโม นิดา มีส่วนทำผิดใจ พชร์ อานนท์

          ยังเป็นดราม่าที่หลายคนจับตามองอยู่ไม่น้อย หลัง นิก คุณาธิป ออกมาโพสต์ขอคืนสัญญาจากผู้กำกับดัง พชร์ อานนท์ ที่ปลุกปั้นเจ้าตัวจนกลายเป็นที่รู้จัก ซึ่งต่างฝ่ายก็ฟาดกันไปมาสลับกันโพสต์ชี้แจงลงโซเชียลจนเริ่มกลายเป็นดราม่าใหญ่โต

          ล่าสุด (15 สิงหาคม 2562) นิก ก็ได้ออกมาเปิดใจกับ ทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทน ว่า จุดเริ่มต้นคือเรากลับไปเรียนที่ ม.รังสิต เราจะกลับไปเรียนจริงจังเพราะที่ผ่านมาไม่จบสักที ก็จะตั้งใจทำเพื่อแม่ แต่ภาคเรียนที่เราเรียนเป็นภาคพิเศษ ห้ามขาด เวลาเขาไปต่างประเทศเราก็ต้องไปด้วย แต่ทีนี้มันตรงกับงานที่พี่พชร์ให้พอดี เราก็บอกว่ามันติดเรียนที่เราเคยขอไว้ เขาก็พิมพ์กลับมาว่า เค จากนั้นก็หายไปเลย บล็อกเราทุกช่องทาง ทั้งไลน์ เฟซบุ๊ก จริง ๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นหลายเดือนแล้ว แต่ที่ตัดสินใจออกมาโพสต์ในไอจี เพราะเรามีค่าโปรโมตหนังเรื่องหนึ่งที่ทางพี่พชร์ค้างอยู่ เราก็พูดกับเลขาฯ พี่พชร์ว่าให้ตามเงินให้หน่อยเพราะต้องเสียค่าเทอม ค่าเทอมเราค่อนข้างจะสูง ก็ตามเงินมา 3-4 เดือน จริง ๆ ไม่ใช่แค่เราที่ยังได้เงินไม่ครบ แต่ขอไม่พูดถึง

          เราอึดอัดกับการทำงานกับพี่พชร์มาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว พี่พชร์เองก็รู้ และล่าสุดเมื่อวาน (14 สิงหาคม 2562) พี่พชร์เขาโพสต์ว่าเราโกรธที่ไปขอเขาเล่นหนัง พอเปลี่ยนพระเอกก็ฟาดงวงฟาดงา ขอบอกว่าอันนี้ไม่ใช่เรื่องจริงเลย เราไม่เคยไปขอหนังพี่พชร์เล่น หนังล่าสุดที่เราเล่น 2 เรื่อง คือ สงกรานต์แสบสะท้านโลกันต์ กับ หลวงตามหาเฮง เอาจริง ๆ พี่เขาเป็นคนมาขอร้องให้เราเล่นด้วยซ้ำ สาบานว่าพูดความจริงทุกประการ

          ส่วนประเด็นเรื่องที่สุดทนกับพฤติกรรมของผู้กำกับดังนั้น นิก เผยว่า มันเป็นเรื่องความเอาแต่ใจของเขา ปฏิบัติไม่ได้เหมือนนายจ้างกับลูกจ้าง สมมติเราติดเรียน เราก็ต้องขาดเรียน สมมติไม่สบายเราก็ต้องไป จะไกลแค่ไหนก็ต้องไป คำพูดการให้เกียรติกันในกองน้อยมาก เวลาไม่พอใจใครก็มาลงกับเรา เป็นแบบนี้มานานมากแล้ว ตั้งแต่สัญญาฉบับแรกที่เขาขู่ดองงานเรา แต่ที่เราต่อสัญญาเพราะเราก็รักเขาด้วย ทุกวันนี้ก็ยังรักอยู่ เพียงแต่ทนพฤติกรรมไม่ไหว อย่างล่าสุดที่สร้างเรื่องขึ้นมาให้คนเข้าใจเราผิดว่าเราอยากเล่นหนัง พี่เขาเป็นคนขอด้วย แม่เรายังได้ยินทุกอย่าง

          เรื่องเงินที่เขาโพสต์ลงไอจีวันนี้ 5 แสนบาท อันนั้นคือเงินค่าตัวหนัง เรื่องหลวงตามหาเฮง คือค่าโปรโมตกับค่าตัวได้ครบแล้วคือ 5 แสนที่เขาลง แต่เรื่องสงกรานต์แสบสะท้านโลกันต์ เขาให้คิวละ 1 หมื่น ในการโปรโมต เราไป 13 ครั้ง ก็คือประมาณ 130,000 บาท เงินจำนวนนี้คือที่เขาค้างต้องจ่ายเรา

          รวมไปถึงเรื่องสาดโคลนกันไปมาในไอจี เขาสาดโคลนมาแต่เราสาดความจริง มั่นใจว่าพูดความจริง ไม่ใช่คนโกหก ไม่ใช่คนกะล่อน ไม่ได้มีพฤติกรรมอยากจะก้าวร้าวหรือทำให้เขาเสียใจ แต่บางทีเราต้องปกป้องตัวเองบ้าง ส่วนถ้าเขาจะฟ้องที่เราใส่ร้ายว่าเขาโกงค่าตัว อันนี้เราไม่ได้ใส่ร้ายว่าเขาโกงค่าตัว เวลาพี่ ๆ นักข่าวโทร. มาเราก็เล่าว่าเรื่องเกิดจากที่เราไปเรียนและต้องใช้เงิน ก็ทวงผ่านคนรอบข้างซึ่งก็ไม่ได้ จนเขาหายจากการติดต่อ เราถึงขนาดสร้างไอจีใหม่เพื่อไปคอมเมนต์บอกขอค่าโปรโมตกับสัญญาคืน เขาก็ลบอีก เลยตัดสินใจโพสต์ไอจีตัวเอง

          หลายคนมองว่าก่อนหน้านี้เราเป็นเหมือนลูกรักเขา แต่พอออกมาโพสต์แบบนี้คือพร้อมที่จะแตกหักเลย เรายังรักพี่พชร์มาก ถึงทุกวันนี้เขาจะใส่ร้ายหรือทำอะไร ก็ยังรักเขาอยู่ เพราะจริง ๆ เขาเป็นคนดี ตอนนี้เขาแค่โกรธ แต่จะหาว่าเนรคุณแบบที่เขาบอก ก็มั่นใจว่าเราไม่ได้เนรคุณ เรากตัญญูพี่พชร์ด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ต่อสัญญาครั้งที่สอง ทั้งที่สัญญาครั้งแรกเขาทำเราเจ็บแสบมาก เราจะโดนกดดันทุกอย่าง แต่ที่เลือกต่อสัญญาเพราะพอใกล้สัญญาจะหมด เขาดีกับเรามาก ทั้งที่จริง ๆ ช่วงนั้นมีค่ายใหญ่ ๆ ติดต่อมาเยอะ แต่เราบอกกับเขาว่าเรารักพี่พชร์ เราจะอยู่กับเขา แต่ตอนนี้การทำงานเปลี่ยน เราไม่สบายใจที่จะอยู่กับเขาแล้ว ทั้งที่สัญญายังเหลืออีก 3 ปี

          ซึ่งถ้าเขาฟ้องจริง ๆ มาขนาดนี้แล้ว ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรต้องเสีย แค่อยากพูดความจริงเท่านั้น เขาจะฟ้องอะไร ถ้ามีให้ก็ให้ แต่ถ้าไม่มีให้ก็จะขายจนหามาให้ได้ เพื่อให้เป็นอิสระ เราคือเด็กคนหนึ่งที่ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใครเลย แล้วตอนนี้โดนรังแกอยู่ และเรื่องนี้เราไม่ได้ปรึกษาครอบครัวหรือแม้กระทั่งพี่โมก็ไม่ได้ปรึกษา เพราะไม่อยากเอาใครมาเกี่ยวข้อง มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเรา แต่อยากจะนั่งคุยกันไปเลยต่อหน้าให้เห็นว่าใครโกหก ซึ่งมั่นใจว่าเราตอบด้วยใจไม่ต้องคิด ก็ยอมรับว่ารู้จักบ้านพี่พชร์แต่ไม่กล้าไป เพราะถ้าไปแล้วเขาหาว่าบุกรุก ที่เราทำก็แค่อยากปกป้องสิทธิของตัวเองเท่านั้น

          ส่วนที่หลายคนพาดพิงถึงกรณีที่เปิดตัวคบกับ แตงโม นิดา อาจมีส่วนกับดราม่าครั้งนี้ เจ้าตัวก็ยอมรับว่า มองว่ามีส่วน แต่จริง ๆ เราก็ไม่ได้ทำอะไรประเจิดประเจ้อ เราก็พากันเรียนหนังสือ งานก็รับ ส่วนที่เราไปเกาหลี แล้วเขาบอกเราหนีงาน จริง ๆ ช่วงนั้นเราไม่ได้ถ่ายหนัง เขาโกหก และเราบอกก่อนทุกครั้งเวลาไปไหน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
NineEntertain