รายการ วันดีคืนร้าย ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 15.10 น. ทางช่องวัน 31 ดำเนินรายการโดย "บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" และ "นีโน่ เมทนี บุรณศิริ" ซึ่งในวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2562 เปิดใจสัมภาษณ์นักร้องลูกทุ่งสาว "ฮาย อาภาพร นครสวรรค์" ซึ่งเจ้าตัวได้มาเผยคืนวันร้าย ๆ หลังจากโด่งดังมีชื่อเสียงเคยใช้เงิน 10 ล้าน หมดภายใน 3 ปี พร้อมเรื่องสุดช็อกที่พ่อซดยาฆ่าหญ้าฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่าลูกไปขายตัวที่กรุงเทพฯ
เคยได้ตังค์เยอะเป็นสิบ ๆ ล้าน ?
ฮาย : ใช่ เยอะมาก บ้านเราก็มี รถก็มี ที่เราก็มี ที่ดินเราก็ซื้อ โอ๊ย ชาตินี้เราไม่จนแล้วล่ะ มีเงินหลายสิบล้านในธนาคาร ใครจะคิดว่าจน เราก็คิดว่าพวกลูกสาวที่เป็นแดนเซอร์ 6 คน เราก็พาไปเที่ยวกัน กินทีวันละ 5 หมื่น 7 หมื่น สบายมาก เราก็เลี้ยงเขาด้วยเพราะเป็นลูกน้อง เขากินได้เราก็ดีใจ มันกินหมดเราสลดใจ เสียวัน 2-3 หมื่นก็ไม่รู้สึก ใช้ชีวิตแบบนี้มา 3-4 ปี เงินหมด
เงินน้อยสุดติดบัญชี ?
ฮาย : หลักร้อย นั่งนอนดูวอลเปเปอร์ เฮ้ย เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง มองวอลเปเปอร์เป็นเดือนกว่าจะดึงสติกลับมาได้ มีโอกาสคุยกับพระอาจารย์ที่ท่านเดินธุดงค์ตั้งแต่อายุ 11 ท่านก็ให้กำลังใจ เหมือนเปิดทางสว่างให้เรา บอกว่าจะกลัวอะไร นายกฯ 4 ปีเขาก็เปลี่ยนใหม่ อาภาพรมีคนเดียวในประเทศไทย ในโลก ไม่มีใครเปลี่ยนอาภาพรได้ อาภาพรมาจากบ้านมีตังค์กี่ร้อยอีหนู เออ จริงว่ะ เรามีตังค์ 700 มีเสื้อผ้า 3-4 ชุด ตอนนี้แค่ขาดทุนกำไร มึงกลัวอะไร อีควาย หูย ด่าเราเหมือนเตือนสติเรา มึงลุกสิ คนอื่นให้กำลังใจเป็นร้อยเป็นแสน เท่ากับเราให้กำลังใจตัวเองไม่ได้ ท่านพูดถูกทุกข้อเลย ก็ลุกขึ้นมาทำงาน ตอนนั้นเราอายุ 40 เรารู้สึกแข้งขาเราไม่ไหวแล้ว เราเคยวิ่งงาน 9 ที่ เราสบายบรื๋อ เราไม่เหนื่อย แต่ตอนนี้ 2 ที่ก็หอบแล้ว ไม่ได้ เราต้องขึ้นมาสู้กับมัน พี่ลุกขึ้นสู้ 3 ปี พี่กู้คืนมาหมดเลย
เรื่องคุณพ่อ ตอนคุณพ่อป่วย ป่วยเป็นอะไร ?
ฮาย : หลายโรคมาก พ่อเคยกินยาฆ่าตัวตาย ตอนที่กำลังจะมีชื่อเสียง เพราะมาแล้วไม่ยอมกลับบ้าน ชาวบ้านก็บอกว่ามันต้องไปทำอะไร กลับมา 3-4 เดือน เอาเงินมาให้พ่อทีละ 3-4 หมื่น เขาทำงานปีนึงกว่าจะได้ผลลัพธ์ ทำไร่ทำนากว่าจะได้ 3-5 หมื่น มันไปทำอะไรไม่ได้นอกจากไปขายตัว แล้วนึกในใจหนังหน้าอย่างกูขายได้เหรอ ตอนนั้นขี้เหร่มาก
พ่อก็เลยน้อยใจ ?
ฮาย : ใช่ คนที่พูดก็เป็นคนใกล้ตัว มาพูดกรอกหูแกเยอะ ๆ แกก็เครียด แกก็กินเหล้า แกเลยกินยาฆ่าหญ้า ก่อนจะกิน แกคงคิดว่าแกจะตาย แกกินข้าวก่อนดีกว่า แกกินข้าวหมดหม้อเลยนะ แล้วก็กินยา น้องสาวมาเห็นตอนน้ำลายฟูมปาก ก็รีบเอาไปล้างท้อง คงด้วยสารยาด้วยอะไร แกเป็นโรคเกาต์ ปูดเป็นเท้าแสนปม ตามข้อตามอะไรหมอต้องดูดออก ซึ่งแกปวดไต โรคอะไรเยอะแยะมากมาย ไม่เป็นอย่างเดียวคือเบาหวาน
ฮาย : แกก็เป็นอย่างนี้มา 12-13 ปี ดูแลกันมาตลอด พอแกอาการทรุด เราก็ศึกษาธรรมะ ไถ่ชีวิตโค-กระบือ เพื่อซื้อชีวิตพ่อคืน ก็ยื้อชีวิตพ่อมา 12-13 ปีนะ ยื้อมาโดยตลอด พ่อก็ดีขึ้น มันก็แปลกนะ อันนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ประมาณปีนึงพ่อทรุด เราก็ซื้อควาย จนตอนนี้เต็มวัดเลย ต้องจ้างคนมาเลี้ยงเพราะมันมีลูกหลานออกมาเรื่อย ๆ แล้วก็สร้างโบสถ์ยื้อชีวิตพ่อ เราคิดว่าเราอยู่สบายแล้ว เพราะฉะนั้นพ่อกับแม่ต้องอยู่สบาย
ฮาย : พอสร้างโบสถ์เสร็จปั๊บ ฝังลูกนิมิตวันแรก พ่อเสียเลย เหมือนเขารอบุญ เราเป็นประธานใหญ่ก็ต้องบินกลับมาเพื่อทำศพพ่อ เรามานั่งคิดว่าก่อนพ่อไปเราก็ฝัน ฝันครึ่งหลับครึ่งตื่น ฝันว่ามีคนร่างดำ ๆ ใส่จีวรแดง มาบอกว่าไม่ต้องยื้อแล้วนะ ถึงเวลาแล้วนะ เราก็เลยมาเล่าให้พระอาจารย์ฟัง ท่านก็บอกว่าถึงเวลาแล้ว เขามาเตือน ไม่ต้องยื้อแล้ว ก็ปล่อยให้เขาไปสบาย
สอนอะไรบ้างกับชีวิตที่ผ่านมา ?
ฮาย : จริง ๆ เป็นประสบการณ์ บทเรียนราคาแพง เราเจอมาก็ปรับชีวิตใหม่หมดเลย เราเมตตาคนต้องมีขอบเขต ทำบุญต้องมีขอบเขต ศรัทธาต้องไม่บ้า ๆ บอ ๆ เราดูแรงเรา เราทำได้เท่าไร หลักการใช้เงินมีระบบหมดเลย ขอบคุณประสบการณ์ดี ๆ ไม่งั้นเราทะนงเกินไป ให้เขากระชากเราลงมาอยู่ที่เดิม แล้วเราจะได้รู้ว่าคนมีขนาดนั้นก็กลับไปจุดเดิมได้ ก็เลยทำให้มีความคิดบริหารตัวเองและบริหารคนรอบข้าง และเด็ก ๆ ที่อยู่ด้วย เราก็จะสอนเขาว่าถึงวันนั้นเราไปยืมใครมันอ้าปากไม่ขึ้น มันไม่สนุกเลยกับการเป็นหนี้