แมทธิว ดีน นับว่าเป็นคนแรกในวงการบันเทิงไทยที่ติดโรคโควิด 19 จึงทำให้คนไทยหลายคนเริ่มตื่นตัวในการรับมือกับโรคระบาดนี้มากขึ้น และหลังจากนั้นไม่นาน ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ภรรยาของแมทธิว ก็ติดโรคโควิด 19 เช่นเดียวกัน ทำให้ทั้งคู่ต้องเข้ารับการรักษาโดยด่วน ซึ่ง แมทธิว และลีเดีย ก็อัปเดตความคืบหน้าเกี่ยวกับการรักษามาโดยตลอด
และล่าสุด วันที่ 31 มีนาคม 2563 ทั้งแมทธิว และลีเดีย ก็ได้โพสต์คลิปวิดีโอลงในอินสตาแกรม บอกเล่าถึงประสบการณ์การเข้ารับการรักษาโรค COVID-19 พร้อมทั้งขอให้ทุกคนปฏิบัติตัวตามคำสั่งรัฐอย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะปลอดภัยจากโรคนี้ ซึ่งทั้งคู่เผยว่า อยากจะหายจากโรคนี้เร็ว ๆ เพราะรู้ว่าเตียงในโรงพยาบาลไม่เพียงพอ และบุคลากรทางการแพทย์ต้องเสียสละมาก ๆ เพราะต้องดูแลผู้ป่วย ไม่สามารถกลับไปหาครอบครัวได้
แมทธิว อัปเดตอาการตั้งแต่เข้ารักษาตัว
- หลังจากทราบผลการตรวจว่าติดโรคโควิด 19 ก็เข้ารับการรักษาทันที
- เมื่อเข้าโรงพยาบาลก็เข้ารับการรักษาในชั้นที่เป็นเคสโควิดทั้งชั้น
- เข้ามาตอนแรกมีไข้ไม่สูงมาก เมื่อเช็กเลือด-ปอด หมอบอกว่าอาการน้อย
- การรักษาตอนแรกคือปล่อยให้หายไปเอง เนื่องจากดูภาพรวมเกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย
- แต่ผ่านไป 5 วัน ก็พบว่ามีไข้ไม่สูง อยู่ที่ 37 และตรวจพบว่าเชื้อลงปอดด้านขวา เลยต้องรักษาด้วยยา
- การกินยาค่อนข้างทรมานเพราะมื้อหนึ่งต้องกินประมาณ 10 เม็ด
- ไม่ค่อยมีผลข้างเคียง ที่เห็นได้ชัดคือท้องเสียบ้าง
- เชื่อใจคุณหมอ เพราะเขาทำเต็มที่เท่าที่ความรู้เขามี หมอไทยเก่งมาก เชื่อว่าจะหายในเร็ววัน
- มีไข้มาตลอด อยู่ที่ 37-38 ต้น ๆ
- หมอเอกซเรย์ปอด ไม่พบปัญหา ทุกอย่างปกติ
- แต่เมื่อทำ TC SCAN พบว่าเชื้อลงปอด 2 ข้าง จึงเริ่มรับยาทันที
- หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ห้อง ICU ทั้งสองคน เพื่อดูแลอย่างใกล้ชิด
- ลีเดีย อยู่ ICU 5 วัน ส่วนแมทธิว อยู่ 3 วัน หลังรับยาก็ดีขึ้น
- ยาที่กิน ได้แก่ ยาต้านไวรัส HIV, มาลาเรีย, ยาต้านไวรัสต่าง ๆ ประมาณ 3-4 ตัว
- หลังจากกินยา ไข้หาย แต่ต้องกินยาต่อเนื่องให้ครบโดส
- มีอาการข้างเคียงคือ เบลอ ตาพร่ามัวเหมือนใส่แว่นขยายตลอดเวลา
- ทั้งคู่เริ่มรู้สึกว่าร่างกายดีขึ้น ได้รับการฟื้นฟู แต่ยังมีเชื้อในร่างกายอยู่
- ยังกังวลว่าเชื้อจะลงปอดอีกไหม เมื่อไหร่จะหาย ซึ่งไม่มีใครตอบได้
นอกจากนี้ ทั้งแมทธิว และลีเดีย ยังเผยอีกว่า ไม่อยากให้คนอื่นมาเจอแบบเราทั้งคู่ เพราะนอกจากผลกระทบทางร่างกายแล้ว ก็ยังมีผลกระทบด้านจิตใจ เพราะต้องห่างครอบครัว ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล เราต้องสู้ไปด้วยกัน อย่าโทษกัน การกักตัวอยู่บ้านถือเป็นการช่วยบุคลากรทางการแพทย์ได้ดี พยายามทำให้ผู้ป่วยเพิ่มน้อยที่สุด เพื่อที่บุคลากรทางการแพทย์จะได้ดูแลคนที่มีอาการหนักได้
ปัญหาสำหรับเชื้อไวรัสนี้คือ โรคนี้ติดง่าย แต่ออกจากร่างกายเราช้า ซึ่งอาการแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนที่เข้ามารักษาพร้อมกับลีเดีย ก็ทรุดหนัก สำหรับบางคนที่คิดว่ามีผลมากกับคนสูงอายุ บอกเลยว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ คือผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ อายุราว 20-40 ปี ทุกคนอยู่ในสภาวะเสี่ยง เป็นกำลังใจให้ทุกคน ทั่วโลก ทำให้ดีที่สุด ดูแลตัวเองให้มากที่สุด ให้อยู่บ้าน
เป็นกำลังใจให้คนที่ติดเชื้อเช่นกัน ให้หายไว ๆ และมาเล่าเรื่องตัวเองเป็นข้อมูลให้คนอื่น ๆ ได้ป้องกัน ตอนนี้พวกเราก็รอผลตรวจให้เป็นลบไว ๆ จะได้กลับไปหาลูก ขอบคุณคุณหมอที่ช่วยชีวิตพวกเรา สำหรับทุกคนที่ช่วยดูแลนั้น พวกเขาเสียสละมาก ๆ ทุกคนอาสาเข้ามาทำงานเพื่อดูแลพวกเรา ทั้งคุณหมอและพยาบาล ทำงานแล้วไม่สามารถกลับไปหาครอบครัวเขาได้ เพราะต้องดูแลผู้ป่วยโควิด
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID 19 << ได้ที่นี่