กลายเป็นประเด็นดราม่าต่อเนื่องเลยทีเดียว สำหรับการแข่งขันระหว่าง 2 สาว หมอเจี๊ยบ ลลนา กับ เชียร์ ฑิฆัมพร ในรายการ 10 Fight 10 ซีซั่น 2 โดยทั้งคู่ต่างแลกหมัดกันอย่างดุเดือด และผลออกมาคือเสมอ ขณะที่เชียร์ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนมีการเปิดเผยจาก นุ้ย สุจิรา ว่า เจี๊ยบกระดูกซี่โครงหักตั้งแต่ซ้อม แต่ยังกัดฟันสู้ โดยไม่ได้ใช้อะไรดาม แต่ฉีดยาชาแทน ซึ่งก็มีคนสงสัยว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แบบนี้อันตรายเกินไปไหม ทำไมยังขึ้นชกได้ หากบาดเจ็บทำไมไม่เลื่อนชกไปก่อน และยังมีคนสงสัยอีกว่าการที่หมอเจี๊ยบฉีดยาชา ทำให้ไม่แฟร์กับคู่ชกอีกคนหรือไม่
อ่านข่าว : คนสงสัย หมอเจี๊ยบ ลลนา ซี่โครงหัก แต่ทำไมยังขึ้นชก 10 Fight 10
ล่าสุด (7 พฤศจิกายน 2563) หมอเจี๊ยบ ลลนา ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน IG ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง พร้อมเปิดใจเคลียร์ทุกประเด็นแบบชัด ๆ ดังนี้
- ช่วงดึก ๆ คืนวันก่อนแข่ง ตนซ้อมชกท่าต่าง ๆ แต่เกิดอุบัติเหตุ ผิดท่า จนร่วงลงไปกับพื้น แล้วรู้สึกเจ็บมาก ทำอะไรก็เจ็บ ตามรูปที่น้ำตาไหลไปกินข้าวไป
- คิดว่าแย่แล้ว พรุ่งนี้คงขึ้นชกไม่ได้แน่ ๆ แต่อะไรจะเกิดขึ้นถ้าชกไม่ได้กะทันหันแบบนี้ รู้สึกโกรธตัวเองที่มาเจ็บตอนนี้
- เป็นห่วงทั้งรายการว่าจะทำยังไง คนที่รอดูคู่เราต้องผิดหวัง ทั้งตนเองและคู่ชกที่ซ้อมมานานก็เพื่อการแข่งวันพรุ่งนี้ ถ้าหาคนอื่นมาชกแทน หรือเลื่อนคู่อื่นมาก่อน เขาก็อาจไม่ได้พร้อม
- ในหัวคิดว่าทำยังไงถึงจะชกวันพรุ่งนี้ได้ จึงปรึกษาอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูก เฉพาะทางด้านกายภาพ ที่รักษาอาการบาดเจ็บต่าง ๆ ระหว่างการซ้อมทั้งเชียร์และเจี๊ยบมาตลอด
- ผลอัลตราซาวด์พบว่าอาการบาดเจ็บมาจากรอยร้าวที่กระดูกซี่โครง ทางเดียวที่จะทำให้ขึ้นชกได้คือฉีดยาชาบริเวณซี่โครงที่ร้าว เพื่อให้สามารถหายใจในสภาวะใกล้เคียงคนปกติ ไม่เจ็บเกินไป เพื่อสามารถถ่ายรายการให้ลุล่วงได้
- ด้วยความเป็นหมอ ตนจึงประเมินตัวเองและรับได้กับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเอง จึงตัดสินใจขึ้นชกในสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ หากเป็นคนทั่วไปหรือนักชกคนอื่น ๆ อาจจะเลื่อนชกไปจนกว่าจะหายดี หรืออาจถอนตัวไปเลย
- ตนเป็นคนบอกเรื่องนี้กับพี่นุ้ย กับเชียร์ เรื่องกระดูกร้าวและใช้ยาชาเอง และทราบว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ได้มีเจตนาโกงหรือเอาเปรียบคู่ต่อสู้ หมอผู้รักษามีจรรยาบรรณและศักดิ์ศรีในการรักษาคนไข้อย่างเท่าเทียม
- ตนเองไม่เคยอยากได้ชัยชนะถ้าต้องแลกมาด้วยการทำสิ่งที่ผิด หากผิดจริงตนคงไม่ทำ หรือหากทำก็คงเลือกที่จะไม่บอกใคร
- ข้อเท็จจริงทางการแพทย์เกี่ยวกับยาชา คือ สามารถช่วยออกฤทธิ์ลดทอนความเจ็บปวดได้เฉพาะจุด เฉพาะที่ฉีดซี่โครงที่ร้าวเท่านั้น ไม่สามารถออกฤทธิ์ไปทั่วร่างกาย
- ยาชาเพียงช่วยให้ตนหายใจแล้วไม่เจ็บจี๊ด ๆ หากระหว่างการแข่งโดนต่อยตรงอื่น ๆ ก็มีบาดแผล มีรอยช้ำ ยาชาไม่สามารถช่วยให้ตนต่อยได้ดีขึ้น หลบหมัดได้ดีขึ้น หรือมีพละกำลังใด ๆ มากขึ้น
- ตนไม่สามารถฉีดยาชาทั่วร่างกายได้ เพราะไม่ใช่ใครที่ปวดแขนก็สามารถฉีดยาชาที่แขน ในทางตรงกันข้ามหากฉีดที่แขน จะทำให้กล้ามเนื้อสูญเสียการควบคุมการทำงานให้ดีตามปกติ ทำให้ลำบากกว่าเดิมอีก จึงไม่มีใครเขาทำกัน
- ยาชา ไม่ใช่สารต้องห้าม และไม่ผิดกฎกติกาสากล เพราะความเป็นจริงคนถูกฉีดเองจะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบในการแข่งขัน
- หลังการแข่งมวยที่ตนยังดูแข็งแรงอยู่ เพราะตอนซ้อมฝึกมาหนักกว่าบนเวที บนเวทีชก 3 ยก แต่ซ้อมมา 6-8 ยก และที่ไม่มีรอยแผลจากการโดนชกเพราะหมัดส่วนใหญ่โดนเฮดการ์ด ไม่ได้ปะทะจัง ๆ ที่หน้า
- หากหน้าถูกปะทะจากการโดนต่อย ยาชาที่กระดูกซี่โครงก็ไม่สามารถมีผลช่วยเซฟตนจากรอยช้ำหรือรอยแผลต่าง ๆ ได้แต่อย่างใด