ทั้งนี้ อี๊ฟ พุทธธิดา เล่าว่า คุณพ่อไม่มีอาการอะไรแล้ว ไม่มีไข้ ไม่ไอ แต่ปอดยังคงมีร่องรอยที่ต้องใช้เวลาในการรักษา ยังมีเชื้ออยู่ แต่สามารถกลับมากักตัวและดูแลต่อที่บ้านได้แล้ว ส่วนคนอื่น ๆ ตอนนี้ต้องเว้นระยะห่าง โดยข้อความทั้งหมดมีดังนี้
"พ่อกลับบ้านแล้วค่ะ.... เป็นคนของประชาชน กลับมาต้องโบกมือทักคณะหน้าปากซอยนิดหนึ่ง คุณพ่อไม่มีอาการอะไรแล้วค่ะ ไม่มีไข้ ไม่มีไอ แต่ปอดยังคงมีร่องรอยที่ต้องใช้เวลาในการรักษา คุณพ่อยังมีเชื้ออยู่ค่ะ แต่สามารถกลับมากักตัวและดูแลต่อที่บ้านได้ค่ะ คนอื่น ๆ ตอนนี้ต้องเว้นระยะห่วง ใส่หน้ากาก และถุงมือ แต่ที่เห็นอี๊ฟใส่ชุดป้องกันเยอะหน่อยเพราะอี๊ฟต้องพาพ่อขึ้นห้องและไปช่วยจัดข้าวของ อี๊ฟมีภูมิแล้วแต่ก็ต้องไม่ประมาท เพราะอี๊ฟต้องกลับลงมาอยู่กับลูกและคนอื่น ๆ ในบ้าน
พ่อจะต้องกักตัวแยกจากที่บ้านเพราะคุณแม่และแม่บ้านที่บ้านไม่มีเชื้อ จึงต้องทำการกักตัวพ่อและกักบริเวณให้อยู่แค่ในห้องนอน และออกมาเดินรับแดดได้ตรงระเบียง สิ่งสำคัญคือสภาพจิตใจของพ่อด้วยค่ะ พ่ออยากกลับบ้านและร้องหาหลานทุกวัน เลยต้องให้กลับบ้าน สภาวะจิตใจมีความสำคัญในการสร้างภูมิด้วยนะคะ ถ้าเครียดภูมิก็จะตก และเพราะไม่ได้ต้องดูแลแค่เรื่องโควิด ยังต้องดูแลเรื่องโรคมะเร็งปอดของพ่อด้วย คุณหมออนุญาตให้กลับเพราะที่บ้านเราสามารถมีการจัดการได้ ถ้ามีผู้ป่วยติดเชื้อเพียงคนเดียว และเพื่อเป็นการเพิ่มเตียงให้กับผู้ป่วยอื่น ๆ ที่มีอาการหนักและจำเป็นด้วยค่ะ
อี๊ฟก็ยังต้องเอาใจใส่รายละเอียดต่อไปเพราะทุกคนสำคัญ พ่อเรา แม่เรา ลูกเรา สามีเรา อี๊ฟมีทุกคนแค่คนละ 1 คน ไม่มีอะไรทดแทนได้ จึงต้องเอาใจใส่อย่างที่สุดค่ะ อี๊ฟต้องขอกราบขอบพระคุณ คุณหมอและพยาบาลวอร์ด 11 และ 15 ที่ รพ.ปิยะเวท ที่ดูแลคุณพ่อ และต้นเป็นอย่างดี จนทุกคนได้กลับบ้านในวันนี้นะคะ อีกสองภาพหลังเป็นภาพครอบครัวในยุคโควิด รักกันอย่างห่าง ๆ สิ่งสำคัญคือเราได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันที่บ้านแล้ว ชีวิตยังเป็นอย่างงี้ไปอีก 10 กว่าวันค่ะ ตอนนี้คนในไม่ให้ออก คนนอกไม่ให้เข้านะคะ